Re: ตลุยยุทธภพตอนที่ 4
ชุมชน บ้านกลอนไทย ชุมชนสำหรับคนไทยผู้รักกลอน
23 พฤศจิกายน 2024, 04:59:PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

กด Link เพื่อร่วมกิจกรรม ผ่านFacebook (หรือกดปุ่มสมัครสมาชิกด้านบน)
 
ผู้เขียน หัวข้อ: ตลุยยุทธภพ  (อ่าน 42022 ครั้ง)
ดอกกระเจียว
Special Class LV6
นักกลอนเอกแห่งวังหลวง

******

คะแนนกลอนของผู้นี้ 317
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,264


จินตนาการในความว่างเปล่า


« เมื่อ: 02 สิงหาคม 2011, 11:07:PM »



                       ตลุยยุทธภพ ตอนที่ 4 ร่ำสุราเริงกวี
   

     บรรยากาศภายในโรงเตี้ยมตอนตะวันสายโด่ง อากาศเย็นสบายดี เก้าอี้ทุกตัวถูกเก็บให้เข้าที่วางเทินไว้บนโต๊ะ พื้นเบื้องล่างปัดกวาดจนสะอาดสะอ้านโดยจางฟงยี่ เธอกำลังนั่งอ่านหนังสือกวี ปล่อยอารมย์ไปกับจินตนาการในหนังสือนั้น

เมื่อสามวันก่อนที่โรงเตี้ยมของเธอได้มีแขกมาใหม่สองคนในตอนพลบค่ำ คนหนึ่งนั้นหล่อเหลาชื่ออ๋องอุ้น เขาได้รับบาดเจ็บจากการถูกทำร้ายที่หัวไหล่ จากการวิเคราะห์ของอ้อเสี่ยวตุ้ยกับคำบอกเล่าของคนที่ทำร้าย ทุกคนลงความเห้นตรงกันว่า เป็นฝีมือของศิษย์จอมมารชั่ว จางฟงยี่ก็เชื่อเช่นนั้น เพราะเธอเองก็เคยพานพบชายโฉดทั้งสาม ชายอีกคนหนึ่งชื่อหลูอันรูปร่างอ้วนเตี้ยและช่างเจรจา เขาบอกกับจางฟงยี่ว่าเขาทำงานเป็นผู้ช่วยผู้ตรวจการในหอสมุดในเมือง เขามีหน้าที่อ่านและตรวจสอบจดหมายร้องเรียนของราษฎรที่ส่งมาที่สำนักตรวจการ ซึ่งเป็นหน้าที่ที่หนักเอาการ เพราะเดือนหนึ่งๆมีจดหมายร้องเรียนเข้ามามากมาย นอกจากเป็นผู้ช่วยผู้ตรวจการเขายังบอกอีกว่า เขามีหน้าที่ดูแลห้องสมุดที่มีหนังสือ ของนักปราชญ์ ราชครูมากมายทั่วทั้งแผ่นดิน เขาพกมาด้วยหลายเล่ม และให้เธอยืมเล่มหนึ่ง คือเล่มที่อยู่ในมือเธอตอนนี้ โดยผู้เขียนใช้นามแฝงว่า”เจ้าแมวเหมียว”
                                   
                                    ‘ยามเมื่อลมพัดผ่าน
                                    นำพากลิ่นหอมหวนแห่งมวลดอกไม้
                                    หอมหวนดุจความรัก
                                    ข้าหรือต้องการสิ่งใด’
 
จางฟงยี่ครุ่นคิดถึงชีวิตก่อนจะยิ้มให้กับตัวเอง เธอไม่ใช่เด็กน้อยแต่เธอเป็นสาวแล้ว เธอคิดไปไกลจนกระทั่งว่า วันหนึ่งเธอจะมีคนรักแต่คนรักเธอจะเป็นใครกัน...เธอคิดว่าคนเขียนหนังสือเล่มนี้มีเจตนาให้คนอ่านที่เป็นสาวอ่านแล้วหน้าแดงแน่ๆ เพราะสำนวนนั้นยั่วยวนดีเสียจริง...แต่เธอก็ชอบที่จะอ่าน

อ้อเสี่ยวตุ้ยมีความสุขท่ามกลางแสงแดดยามใกล้เที่ยง ในมือถือกระต่ายสีน้ำตาลตัวหนึ่ง เขาผิวปากเป็นเสียงเพลงทำนองรื่นรมณ์ ทางที่เขาเดินมาดูคดเคี้ยวเหมือนเส้นเชือกในพรมเขียว เมื่อราวเหนื่อยอ่อนกับการเดิน เขาหยุดป้ายเหงื่อที่ซมไหลบนหน้าผาก มองโรงเตี้ยมตั้งตระหง่านอยู่บนเนินเขาไกลออกไปเบื้องหน้า

“อากาศดีจริงๆเลย เจ้าว่าไหมเจ้ากระต่ายน้อย” เขาชูกระต่ายที่ถืออยู่ขึ้นมาพูดด้วยแต่กระต่ายตัวนั้นตัวอ่อนปวกเปียกไม่มีกิริยาใดๆตอบรับ

“สงสัยจะซี้แหงแก๋เลี้ยว” เขาจิ้มมือที่หน้ากระต่ายแล้วเดินต่อไป

เมื่อก้าวผ่านธรณีประตูเข้าไปในโรงเตี้ยม อ้อเสี่ยวตุ้ยก็พบจางฟงยี่กำลังนั่งอ่าหนังสืออยู่ เขาวางกระต่ายตัวนั้นลงต่อหน้านาง จางฟงยี่พับหนังสือเก็บและหันมามองมันอย่างสนใจ

“แม่นางยี่ช่วยประฐมพยาบาลมันหน่อย”เขาบอก”ตอนที่ข้าพยายามปลดมันออกจากแร้ว ข้าคิดว่ามันจะทำร้ายข้า ข้าตกใจเลยเขวี้ยงมันอัดกับต้นไม้ มันเลยสลบไป” เขาบอก

จางฟงยี่มองกระต่ายที่น่าสงสารและตรวจพิเคราะห์อย่างละเอียด เมื่อแน่ใจจึงหนหน้ามาพูดกับอ้อเสี่ยวตุ้ย

“มันตายแล้วค่ะท่านอ้อเสี่ยวตุ้ย ตายสนิท” จางฟงยี่พลิกร่างไร้วิญญาญนั้นกลับไปกลับมา

“สงสัยข้าจะมือหนักไป” อ้อเสี่ยวตุ้ยนึกสมเพชกระต่ายตัวนั้น “อโหสิให้ข้าด้วยเถอเจ้ากระต่ายน้อย”

“ข้านึกออกแล้ว”

“อะไรแม่นางยี่”

“ท่านเคยกินผัดเผ็ดกระต่ายไหม”

“ข้าไม่เคย” อ้อเสี่ยวตุ้ยตอบ

“ย่าง”

“ไม่เคย”อ้อเสี่ยวตุ้ยคิดอยู่ครู่หนึ่ง”อ๋อเคยๆๆ ตอนข้าแรมทางอยู่กลางป่า ข้าเคยย่างกินครั้งหนึ่งรู้สึกว่ามันก็...เอ่อรสชาติไม่เลว”

“เดี๋ยวข้าจะเอากระต่ายไปให้อาโก๋จัดการ” จางฟงยี่บอกเขา

“ข้าก็ชักหิวๆเหมือนกัน” อ้อเสี่ยวตุ้ยตอบ

“โปรดรอสักครู่”

“งั้นข้าขอตัวไปอาบน้ำอาบท่าซักหน่อย เหนียวตัวไปหมดแล้ว”

“ตามสบายค่ะท่ายตุ้ย”

เมื่อจางฟงยี่หิ้วกระต่ายสีน้ำตาลหายตัวเข้าไปในครัว อ้อเสี่ยวตุ้ยจึงขึ้นไปบนห้องพัก ความเหนียวเหนอะหนะตัวทำให้เขารู้สึกอึดอัด...

ห้องพักของโรงเตี้ยมชั้นบนมีทั้งหมดแปดห้อง มีทางเดินตรงกลาง แบ่งเป็นสองช่วงมีห้องโถงตรงกลางกั้นอยุ่ ด้านทิศเหนือมีระเบียงยื่นออกไปว่างโล่งมีกรงไม้ล้อมรอบด้าน ด้านนอกมีเพิงยื่นออกไปมีกรงนกพิราบอยู่ตรงนั้น หลูอันนอนอวดพุงพลุ้ยอยู่บนม้านั่งที่ทำด้วยหวายอ่านหนังสืออย่างอารมย์ดี นกพิราบกำลังกินเหยื่อที่เขาโรยไว้ในรางให้อาหาร

“ท่านชอบนกพิราบราบหรือ” อ้อเสี่ยวตุ้ยถามเขา

หลูอันไม่ได้ตอบ แต่พับหนังสือวางบนเก้าอี้หาวโหวกเหวกขึ้นทีหนึ่ง

“ไปไหนมาล่ะท่านอ้อเสี่ยวตุ้ย”

“ไปเดินเล่นข้างนอกมา”เขาตอบ

“สนุกมะ”หลูอันเหยียดกายลุกขึ้นบิดขี้เกียจ

“ข้าไปเจอกระต่ายติดแร้วตัวหนึ่งแน่”

“แล้วไงล่ะ”

“แม่นางยี่กำลัดจัดการผัดเผ็ดอยู่ในครัว”

“กลิ่นหอมดี” หลูอันลูบพุง “น่าจะอร่อยนะ”

“แล้วเพื่อนของท่านเป็นไงมั่ง”

“อยู่ในห้อง”หลูออันตอบ”อีกวันสองวันก็คงบู้ได้อีก”

“ข้าอยากให้เพื่อนท่านหายไวไวจังข้าจะได้มีเพื่อนกินเหล้า” อ้อเสี่ยวัยบอกเขา

หลูอันครุ่นคิดครู่หนึ่งจึงถามว่า

“ท่านทำอะไรเป็นอีกบ้างนอกจากกินเหล้า”เขาตั้งข้อสังเกต “เมรัยเมื่อไร้นารี”

“ท่านไม่ชอบหรือ”

“ชอบ”หลูอันตอบโดยไม่มองหน้าเขา

“อันที่จริงข้าก็ไม่ได้ลุ่มหลงหรอกนะ แต่บางครั้งมันก็ทำให้ข้าคิดถึงแต่เรื่องที่ดีๆไม่วุ่นวายใจแค่นี้มันก็ทำให้ข้าเป็นสุขนักแล้ว” อ้อเสี่ยวตุ้ยรำพันแล้วเปรี้ยวปาก “มันคือเพื่อนเสมือนท่านและเพื่อนท่าน”

“ท่านไม่มีเพื่อนหรือ” หลูอันถาม

“ข้ากำลังบอกท่านอยู่นี่ไง เพื่อนข้าคอเมรัยรสเลอล้ำ” อ้อสี่ยวุตุ้ยพูดอย่างยิ้มแย้ม”เอาล่ะข้าเห็นจะขอตัวลาล่ะ”

“ตามสบายท่านอ้อเสี่ยวตุ้ย”

 หลูอันเพิ่งจะรู้สึกว่าหิวเมื่ออ้อเสี่ยวตุ้ยพูดถึงผัดเผ็ดกระต่าย กลิ่นนั้นโชยมาจากครัวหอมฉุย จนท้องเขาร้อง “จอรจ จอร์จ จอร์จ” อ้อเสี่ยวตุ้ยเดินจากไปแล้ว หลูอันคิดว่าชายคนนี้มีลับลมคมในจากการเฝ้าสังเกตุของเขา เขาอาจไม่ใช่คนจรธรรมดาอย่างที่เขาบอก แต่เขาจะเป็นใครก็ไม่สำคัญ เพราะในความรู้สึกตอนนี้อ้อเสี่ยวตุ้ยคือเพื่อนของเขาคนหนึ่ง หลูอันคิด




กะจะเขียนให้ยาวกว่าเพชรพระอุมาเลยนะนี่ ขำแบบกระแดะหน่อยๆ...พรุ่งนี้มีต่อ

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ :

--ณัชชา--, รพีกาญจน์, นพตุลาทิตย์, ไร้นวล^^, Thammada

ข้อความนี้ มี 5 สมาชิก มาชื่นชม
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01 มกราคม 2019, 01:48:PM โดย กระเจียวไพร » บันทึกการเข้า


Email:
Powered by SMF 1.1.2 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF
s s s s s