พระจันทร์ส่องแสงพราวดาวระยิบ
ไกลลิบลิบสดใสได้มองเห็น
ดุจน้ำใจชุ่มฉ่ำยามลำเค็ญ
เสมือนเป็นแสงนำค้ำคูณใจ
ตอนโศกเศร้าเหงาใจไร้ความสุข
พระจันทร์ปลุกปลอบฉันอย่าหวั่นไหว
ในยามที่เรานี้ไม่มีใคร
จันทร์ทอแสงสดใสปลอบใจเรา
ค่ำคืนใดใจเหงาเฝ้าชะเง้อ
ถามว่าเธอรู้ไหมใจฉันเหงา
คนเคยรักกลับหายไร้แม้เงา
ความทุกข์เข้าเร้ารุมสุมใจกาย
ฉันเจ็บหนักมากทุกข์ถูกกล่าวหา
ใจเริ่มล้าท้อแท้..เหมือนแพ้พ่าย
ฝากคำกับแสงจันทร์พรรณราย
หากฉันตาย น้ำตาใครอย่าริน"
natcha
[/quote]ไกลลิบลิบสดใสได้มองเห็น
ดุจน้ำใจชุ่มฉ่ำยามลำเค็ญ
เสมือนเป็นแสงนำค้ำคูณใจ
ตอนโศกเศร้าเหงาใจไร้ความสุข
พระจันทร์ปลุกปลอบฉันอย่าหวั่นไหว
ในยามที่เรานี้ไม่มีใคร
จันทร์ทอแสงสดใสปลอบใจเรา
ค่ำคืนใดใจเหงาเฝ้าชะเง้อ
ถามว่าเธอรู้ไหมใจฉันเหงา
คนเคยรักกลับหายไร้แม้เงา
ความทุกข์เข้าเร้ารุมสุมใจกาย
ฉันเจ็บหนักมากทุกข์ถูกกล่าวหา
ใจเริ่มล้าท้อแท้..เหมือนแพ้พ่าย
ฝากคำกับแสงจันทร์พรรณราย
หากฉันตาย น้ำตาใครอย่าริน"
natcha
คิดหรือว่าน้ำตายังมาเหลือ
ก็ในเมื่อหยดไหลไปหมดสิ้น
เศร้าตรมบ่อยครั้งนั้นมันไหลริน
ฟังลมลิ้นทุกวันฉันโดนลวง
หยดแรกที่ซึมไหลดีใจนัก
ได้มีรักเสียทีมีคนห่วง
หยดต่อมาเป็นสายละลายทรวง
สุดาดวงหาใหม่ไม่ซ้ำกัน
ฉันตายไปก่อนนี้ที่รักจาก
เหลือเพียงซากคอยย้ำคอยห้ำหั่น
น้ำตาหลั่งวันนี้ไม่มีวัน
เป็นตะกรันเกรอะแข็งแห้งเบ้าตา.
นพ
21 ก.ค.54
ก็ในเมื่อหยดไหลไปหมดสิ้น
เศร้าตรมบ่อยครั้งนั้นมันไหลริน
ฟังลมลิ้นทุกวันฉันโดนลวง
หยดแรกที่ซึมไหลดีใจนัก
ได้มีรักเสียทีมีคนห่วง
หยดต่อมาเป็นสายละลายทรวง
สุดาดวงหาใหม่ไม่ซ้ำกัน
ฉันตายไปก่อนนี้ที่รักจาก
เหลือเพียงซากคอยย้ำคอยห้ำหั่น
น้ำตาหลั่งวันนี้ไม่มีวัน
เป็นตะกรันเกรอะแข็งแห้งเบ้าตา.
นพ
21 ก.ค.54