ดั่งคำเล่า
งามแพรไหมใดเท่า ชุดเจ้าสาว
สวยสตรีที่สุดจนหยุดดาว
เมื่อเอื้อมน้าวโน้มจันทร์วันวิวาห์
วันสมรส
บรรจบจรดจวบหทัยที่ใฝ่หา
เมื่อสุขดื่มปลื้มผ่านวารเวลา
ทวีค่าฝ่าอนันต์ก็วันนั้น
เมื่อไหลผ่าน
ร่องรอยรานร้าวแผกแยกสวรรค์
ที่เคยงามทรามยับลงฉับพลัน
แม้เสี้ยววันกลั้นวิกาลก็นานเกิน
ความถอยลด
สวยสาวสดหมดมอดขอดซากเขิน
ที่มุ่งมั่นมาดหมายกลายเป็นเมิน
ส่วนขาดเกินเริ่มกลายเป็นลายปลอม
ชีวิตคู่
หลังเลิศหรูปูราบกุหลาบหอม
ผ่านทับถมทวงถามความสมยอม
ผกาหอมย้อมชื่นพลันหืนเอียน
ก็หล่นเหลือ
เศษซากเยื่อใยกระหวัดรัดเสวียน
กับอดีตกรีดสลดเป็นบทเรียน
ที่ลึกดิ่งด่ำเคียน คาดใจครวญ
เพียงขุ่นแค้น
ที่อัดแน่นแทนรักถักกระสวน
เป็นโกรธขึ้งขึงคั่นบดรัญจวน
กับโทษทัณฑ์ที่ทวนเกินหวนคืน
แหละน้ำตา
มิไห้หาค่าหม่นที่ทนฝืน
แต่เป็นแค้นแค่นค้ำที่กล้ำกลืน
ที่หยิบอื่นอาบไหม้ใจตนเอง ฯ
พรายม่าน
สันทราย
๒๐.๐๗.๕๔