หากเป็นดาวพราวแพรวบนเวหา
ต้องเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าทุกเพลา
ที่ท้องฟ้าเข้าสู่ความมืดมน
ดวงดารามิอาจหยุดส่องแสง
ยังแสดงให้เห็นบนเวหน
มิอาจมีชีวิตเป็นของตน
ต้องทุกทนกับความช้ำระกรรมใจ
หลายคนมองว่าดาวสวยงามนัก
ทุกคนรักดวงดาวพราวไสว
หากมีใครรู้เห็นความเป็นไป
ก็คงไม่ยินดีและปรีดา
อันดวงดาวที่สว่างกระจ่างฟ้า
คงอยากเอ่ยวาจาเป็นหนักหนา
คงอยากบอกไปทั่วทั้งโลกา
ว่าตัวข้าอ่อนล้าและเดียวดาย
จริงไหมคะ ดวงดาว
มนัสศิยา
[quot author=วลีลักษณา link=topic=15801.msg125197#msg125197 date=1309676544]
มิใช่ดาวพราวพร่างที่กลางฟ้า
ที่ยกมาแบ่งข้างระหว่างถิ่น
ยามน้ำตาหล่นล่วงโลมห้วงจินต์
หามีใครยลยินหรือผินมอง
เก็บกลืนไว้ในอกสุดยกออก
ไหลหลั่งยอกย้อนจนทรวงหม่นหมอง
มิได้หลั่งโลมหล้าล้นบ่านอง
เพียงท่วมห้องหัวใจที่ใกล้ราน
แหลกลงอย่างเกินการณ์จะต้านอยู่
กว่าจะรู้ถ้อยคำที่ร่ำขาน
วกวนให้หวงแหนมาแสนนาน
นั้นแค่ผ่านผันมาแล้วลาไป
ก็สายเกินยั้งทัน..ดวงขวัญคล้อย
พรากล่องลอยพร้อมฝันที่สั่นไหว
แม้เพียงหวังซบดินยามสิ้นใจ
ก็กลับไร้ที่ทางให้วางตน
เพราะทรวงดินถวิลหาดาราพร่าง
ระยิบกลางห้วงหาวแพรวพราวหน
ต่ำเตี้ยอยู่ใกล้กลับดูอับจน
ด้อยกว่าด้นไขว่คว้าเอามาครอง
รักกันแม้แสนไกลแต่ใจชิด
ผูกดวงจิตสนิทขวัญมั่นสนอง
หลอมรวมเป็นหนึ่งฝันสู่วันปอง
ร่วมพ่วงคล้องดวงใจไว้ด้วยกัน
แต่ชังกันผันพักตร์มิรักแล้ว
ก็เหมือนแนวขวากขวางคั่นทางฝัน
เมื่อไม่มีเยื่อใยจะให้ปัน
จึงมีอันร้างลาสิ้นอาลัย
จบลงแล้วภาพลวงที่หวงแหน
สิ้นสุดแม้น..เน้นคำเฝ้าร่ำไข
ก็มิอาจซ่านซึ้งเข้าถึงใจ
ที่ร้างไกลลับกันเกินผันคืน
มิใช่ดาวเด่นดวงกลางห้วงฟ้า
จึงไร้ค่าเกินจิตจะคิดขืน
ทนเจ็บร้าวหนาวเหน็บอย่างเก็บกลืน
ความขมขื่นหม่นช้ำเพียงลำพัง
วลีลักษณา
๓ กรกฎาคม ๒๕๕๔
[/quote]