~ ปลอบดาว ~
ดาริกาดาวดวงล่วงคำกล่าว
ว่ารักร้าวลืมแล้วแคล้วความหลัง
มิอาจฝืนยืนไว้ให้จีรัง
สุดจะยั้งรั้งหน่วงด้วยห่วงใด
เมื่อรักรานพานจบสงบสงัด
ดังดึกดื่นคืนคัดขจัดไส
แล้วลาลับดับดวงไม่ห่วงใย
ให้ดวงใจไร้รอยที่คอยคืน
ทุกทรงจำย้ำห้วงผูกบ่วงจิต
ดังมืดมิดปิดใจมิใคร่ฝืน
ในราตรีนี้ดับดวงกลับกลืน
ในค่ำคืนมืดมิดสนิทเงา
เมื่อรักชังพังครืนให้กลืนกล้ำ
รอยระกำทำใจให้โง่เขลา
เพียงลมรักชักนำก็ทำเรา
ได้หมองเศร้าเคล้าสายน้ำตาคลอ
จะหันคืนทางใดก็ไกลห่าง
เมื่อรอยร้างกางกั้นให้ฝันท้อ
สุดคว้าไขว่รักเข้าดังเฝ้ารอ
จบแล้วหนอขอคืนไม่ฝืนใจ
แม้ดาวเด่นเร้นแสงไม่แรงส่ง
แต่ดาวคงคอยวันอันสดใส
ประดับห้วงเวหาในฟ้าไกล
ประดับใจใสชื่นในคืนนวล
ขอดาวน้อยคอยท่าเพลาชื่น
ในค่ำคืนดวงเด่นเช่นสงวน
แม้ดวงร้าวกร้าวร้ายกรายคร่ำครวญ
แต่ดาวนวลเด่นได้ในกมล ฯ
~* ปุถุชน ฅนธรรมดา *~
~*~ ฤๅเพรงพรหม ~*~
ไยเปรียบว่าเป็นดาวบนราวฟ้า
ประกายจ้าแจ่มดวงครองห้วงหน
กระพริบอยู่แสนห่างระหว่างตน
มิอาจด้นคว้าดึงแม้พึงใจ
ถ้าเช่นนั้นดาวช่วงจะร่วงหล่น
แล้วแหลกป่นเป็นผงอสงไขย
ให้ฝุ่นนั้นเป็นดินแม้ถิ่นใด
ขอเพียงใกล้หนึ่งทรวงที่ห่วงคอย
แต่มิอาจเป็นได้ดั่งใจคิด
พรหมลิขิตให้เคล้าแต่เหงาหงอย
เดินบนทางเดียวดายสุดปลายคอย-
เพียงปลดปล่อยลมปราณตามกาลเวียน
พรากมาแล้วเกินย้อนสู่ตอนต้น
และแหลกป่นเกินปรับหรือจับเปลี่ยน
ได้แต่หวังความสงัดช่วยตัดเตียน
จิตที่คอยเบียดเบียนหยุดเวียนวง
จนบัดนี้รอยร้าวเมื่อคราวร้าง
ค่อยเลือนรางอาลัยยามใจหลง
ความหนาวเหน็บเจ็บช้ำในจำนง
ก็ค่อยปลงปลิดปลดจนลดทอน
แต่คล้ายรอบวาสน์วางที่กลางมรรค
ลงจำหลักลิขิตสุดคิดถอน
หรือบุพเพร่ำบทกำหนดตอน
ผูกนิวรณ์ล่ามคาเกินกว่าคลาย
จึงเวียนพบ..วนพลัด..สุดขัดขืน
เมื่อหวานชื่นคลอขวัญคำมั่นหมาย
เหมือนว่าผูกพันอยู่มิรู้คลาย
เก็บเป็นพรายดาวพร่างที่กลางทรวง
วลีลักษณา
๔ กรกฎาคม ๒๕๕๔
ไยเปรียบว่าเป็นดาวบนราวฟ้า
ประกายจ้าแจ่มดวงครองห้วงหน
กระพริบอยู่แสนห่างระหว่างตน
มิอาจด้นคว้าดึงแม้พึงใจ
ถ้าเช่นนั้นดาวช่วงจะร่วงหล่น
แล้วแหลกป่นเป็นผงอสงไขย
ให้ฝุ่นนั้นเป็นดินแม้ถิ่นใด
ขอเพียงใกล้หนึ่งทรวงที่ห่วงคอย
แต่มิอาจเป็นได้ดั่งใจคิด
พรหมลิขิตให้เคล้าแต่เหงาหงอย
เดินบนทางเดียวดายสุดปลายคอย-
เพียงปลดปล่อยลมปราณตามกาลเวียน
พรากมาแล้วเกินย้อนสู่ตอนต้น
และแหลกป่นเกินปรับหรือจับเปลี่ยน
ได้แต่หวังความสงัดช่วยตัดเตียน
จิตที่คอยเบียดเบียนหยุดเวียนวง
จนบัดนี้รอยร้าวเมื่อคราวร้าง
ค่อยเลือนรางอาลัยยามใจหลง
ความหนาวเหน็บเจ็บช้ำในจำนง
ก็ค่อยปลงปลิดปลดจนลดทอน
แต่คล้ายรอบวาสน์วางที่กลางมรรค
ลงจำหลักลิขิตสุดคิดถอน
หรือบุพเพร่ำบทกำหนดตอน
ผูกนิวรณ์ล่ามคาเกินกว่าคลาย
จึงเวียนพบ..วนพลัด..สุดขัดขืน
เมื่อหวานชื่นคลอขวัญคำมั่นหมาย
เหมือนว่าผูกพันอยู่มิรู้คลาย
เก็บเป็นพรายดาวพร่างที่กลางทรวง
วลีลักษณา
๔ กรกฎาคม ๒๕๕๔