มิใช่ดาวกล่าวขานบนลานฟ้า
มิใช่ดาวแจ่มตาพาวาดหวัง
แต่เธอเป็นหนึ่งใจในภวังค์
ของคนคลั่งหลงเพ้อละเมอครวญ
สำหรับคนที่รักสลักมั่น
ทุกสิ่งอันล้วนเลิศประเสริฐหวน
ใครไม่ยอไม่ชมลมลำดวน
ก็ไม่ควรป่วนใจไปรักนาง
เธอคือดาวฝังในดวงใจฉัน
เธอเท่านั้นดาวเด่นเห็นรุ่งสาง
เธอคนเดียวเหนี่ยวนำคำรักวาง
เธอไม่ต่างจากเพชรเก็จมณี
อย่าเอื้อนเอ่ยเผยคำว่าต่ำศักดิ์
อย่าเศร้านักเอ่ยคำย่ำศักดิ์ศรี
ไม่ใช่ดาว หรือเดือน เหมือนเคยมี
แต่ฤดีฉันเห็น..เป็นดาวใจ.
มิใช่ดาวแจ่มตาพาวาดหวัง
แต่เธอเป็นหนึ่งใจในภวังค์
ของคนคลั่งหลงเพ้อละเมอครวญ
สำหรับคนที่รักสลักมั่น
ทุกสิ่งอันล้วนเลิศประเสริฐหวน
ใครไม่ยอไม่ชมลมลำดวน
ก็ไม่ควรป่วนใจไปรักนาง
เธอคือดาวฝังในดวงใจฉัน
เธอเท่านั้นดาวเด่นเห็นรุ่งสาง
เธอคนเดียวเหนี่ยวนำคำรักวาง
เธอไม่ต่างจากเพชรเก็จมณี
อย่าเอื้อนเอ่ยเผยคำว่าต่ำศักดิ์
อย่าเศร้านักเอ่ยคำย่ำศักดิ์ศรี
ไม่ใช่ดาว หรือเดือน เหมือนเคยมี
แต่ฤดีฉันเห็น..เป็นดาวใจ.
"บ้านริมโขง"
แม้เป็นเดือนเพื่อนดาวพราวพร่างฟ้า
ก็มีค่าแห่งตนบนฟ้าใส
ฟ้ามิอาจขาดเดือนเพื่อนดาวใน
คุณค่าไซร้เช่นกันมันต้องมี
แม้มิใช่ดวงดาวพรายพราวแสง
ก็ยังแรงพอฉายประกายสี
สักวันหนึ่งไม่ช้าคนตาดี
คงถึงที่สุขสม...มิขมนาน
"กานต์ฑิตา"
๓ กรกฎาคม ๒๕๕๔
ก็มีค่าแห่งตนบนฟ้าใส
ฟ้ามิอาจขาดเดือนเพื่อนดาวใน
คุณค่าไซร้เช่นกันมันต้องมี
แม้มิใช่ดวงดาวพรายพราวแสง
ก็ยังแรงพอฉายประกายสี
สักวันหนึ่งไม่ช้าคนตาดี
คงถึงที่สุขสม...มิขมนาน
"กานต์ฑิตา"
๓ กรกฎาคม ๒๕๕๔
ปล่อยวันเดือนเลื่อนล่วงผ่อนช่วงช้ำ
กลับยิ่งซ้ำย้ำวงรอบสงสาร
เวียนเกิดดับสลับวนล่วงพ้นวาร
จนใจรานแหลกยับเกินกลับคืน
แต่คำใครปลอบโยนค่อยโอนโศก
ออกจากโลกมัวหม่นเคยทนฝืน
อยู่ในความเจ็บช้ำสุดกล้ำกลืน
ราวหยาดน้ำแช่มชื่นบนผืนทราย
จะเก็บดอกหญ้าต่ำสีคล้ำหม่น
ที่ล่วงหล่นกลางดินด้วยจินต์หมาย
ถนอมจริงดั่งย้ำหรือคำชาย
เกรงยามหน่ายแหนงแล้วไม่แคล้วตรม
เพราะไร้แสงวาบวามว่างามพร้อม
อยู่กลางอ้อมทรวงฟ้าสง่าสม
เลือนกว่าแสงหิ่งห้อยฤๅคอยชม
มานิยมว่าเป็นเช่นดาวใจ