ลมลำเพยพัดผ่านสะท้านอก
ดั่งลูกนกไกลสิ้นถิ่นหวงแหน
ไร้ปีกป้องผองภัยในดินแดน
ทุกข์อัดแน่นซานซบหมายหลบภัย
นิจจาเอ๋ยเคยอุ่นละมุลหวาน
เมื่อถึงกาลต้องพรากจากฟ้าใส
แสนเจ็บปวดรันทดหมดทั้งใจ
ถูกบางใครเหยียบย่ำช้ำกมล
ดั่งลูกนกไกลสิ้นถิ่นหวงแหน
ไร้ปีกป้องผองภัยในดินแดน
ทุกข์อัดแน่นซานซบหมายหลบภัย
นิจจาเอ๋ยเคยอุ่นละมุลหวาน
เมื่อถึงกาลต้องพรากจากฟ้าใส
แสนเจ็บปวดรันทดหมดทั้งใจ
ถูกบางใครเหยียบย่ำช้ำกมล
เขียนกลอนหวานก็เป็นเห็นวันนี้
เหงาฤดีที่เปรยเลยฉงน
คนโผงผางอย่างเธอเผลอเปรอปน
พอได้ยลผลอารมณ์ขอชมเธอ
ที่กระด้างให้เห็นเป็นเพียงฉาก
ที่กั้นจากสายตานักล่าเหรอ
เนื้อในแท้แม่ละมุน อุ่นนะเออ
จึงขอเพ้อถึงบ้าง..อย่างลมลม.
เหงาฤดีที่เปรยเลยฉงน
คนโผงผางอย่างเธอเผลอเปรอปน
พอได้ยลผลอารมณ์ขอชมเธอ
ที่กระด้างให้เห็นเป็นเพียงฉาก
ที่กั้นจากสายตานักล่าเหรอ
เนื้อในแท้แม่ละมุน อุ่นนะเออ
จึงขอเพ้อถึงบ้าง..อย่างลมลม.
"บ้านริมโขง"
ก็พอกันนั่นหนอพ่อริมโขง
หยุดโขมงเป็นหวานจนพาลขม
มิใช่คนกระด้างคางเขี้ยวคม
ชอบทับถมข่มใครให้ชอกช้ำ
คารมกลอนใช่แจ้งแสดงชัด
ถึงความจริงแห่งอัตตาตนพร่ำ
คนบางคนอาจน้อยห้วนถ้อยคำ
มิควรคิดว่าต่ำชอบซ้ำเติม
"กานต์ฑิตา"
๒ กรกฎาคม ๒๕๕๔
หยุดโขมงเป็นหวานจนพาลขม
มิใช่คนกระด้างคางเขี้ยวคม
ชอบทับถมข่มใครให้ชอกช้ำ
คารมกลอนใช่แจ้งแสดงชัด
ถึงความจริงแห่งอัตตาตนพร่ำ
คนบางคนอาจน้อยห้วนถ้อยคำ
มิควรคิดว่าต่ำชอบซ้ำเติม
"กานต์ฑิตา"
๒ กรกฎาคม ๒๕๕๔