๐
ขวัญประดับ..กับตัวที่มัวหมอง
ฝ่าละอองอวลควันช่างหวั่นไหว
ทางเวิ้งว้างพรางมืดเจียนหวืดไป
เกือบสะดุดทรุดใจลงไหล่ทาง
๐
จึ่งค่อยย่างเหยียบช้าฝ่าหมอกม่าน
ที่วิกาลเล่นกลเป่ามนต์ขวาง
เสกกำแพงแสงอับประดับวาง
ลวงสู่ราง..ร้าวรานย่านระทม
๐
จนพบเจอแสงหนึ่งซึ่งไกลลิบ
พราวระยิบริบร่ายเท่าปลายผม
ตั้งสติรุกคืบสืบตามชม
เผื่อพ้นตรมที่ตรำทำขวัญลอย
๐
นัยน์ตาเริ่มคุ้นชินกับถิ่นที่
ม่านเคยมีม้วนหายกลายเป็นฝอย
มองกลับหลังยังเห็นพอเป็นรอย
และทยอยจืดจาง...เลือนลางลง
๐
มีแค่เพียงข้างหน้าที่กล้าฝัน
ตามแสงนั้นก้าวไปมิให้หลง
มั่นใจแน่ทางออกมิหลอกองค์
จึงทะนงวิ่งใส่..ก้อนไฟเย็น
๐
แต่ยิ่งนานยิ่งเหนื่อยเริ่มเฉื่อยช้า
ขวัญเหน็บชาขาลากลำบากเข็ญ
แสงที่หมายปลายทางช่างห่างเพ็ญ
แรกที่เห็นเด่นเก่า...ก็เท่าเดิม
๐
จำต้องหยุดทรุดใจมือไพล่หลัง
สิ้นความหวังพลังหดหมดแรงเหิม
หายใจหอบปลอบขวัญ..ไร้ฝันเติม
มีเพียงม่าน..หมองเพิ่ม..เริ่มก่อตัว...