พายุเข้าหนาวหล่นปนน้ำฝน
ฟ้าเบื้องบนหม่นมืดจืดแสงสี
ลมกรรโชคโยกไกวพันธ์ไม้มี
เสียงวารีตกกระทบกลบสกล
ครั่นครืนคึกกึกก้องร้องเสียงฟ้า
ดุจโกรธาล่าไล่ในเวหน
เหมือนมีมารผลาญพล่าชีวาชน
ต้องขับพ้นผืนฟ้าพาร่มเย็น
หลายวันแล้วไม่หายคลายโกรธเกรี้ยว
แสงเดือนเสี้ยวไม่ส่องมองไม่เห็น
เงามืดดำคล้ำคลุมสุมลำเค็ญ
ระทมเช่นมืดบอดตลอดกาล
ยังมาเจอเธอคลายหายลาจาก
คืนฝนพรำซ้ำซากยากสมาน
น้ำตาหรือไหลหลั่งดั่งสายธาร
อารมณ์รานแหลกยับกับสายลม
คืนนอนเหงาเฝ้าฟังเสียงหลั่งฝน
สุดอับจนทางฝืนกล้ำกลืนข่ม
หนาวสะท้านในทรวงบ่วงระบม
ความตรอมตรมล้มทับกับใจตัว
พายุใดไหนเข้าเท่าพายุรัก
โหมทะลักผลักส่งบ่งแสงหลัว
ไม่แจ่มเลยเผยเงาเจ้าฝ้ามัว
ยามฟ้ารั่ว พายุเข้า ..เขาจากไป..
ฟ้าเบื้องบนหม่นมืดจืดแสงสี
ลมกรรโชคโยกไกวพันธ์ไม้มี
เสียงวารีตกกระทบกลบสกล
ครั่นครืนคึกกึกก้องร้องเสียงฟ้า
ดุจโกรธาล่าไล่ในเวหน
เหมือนมีมารผลาญพล่าชีวาชน
ต้องขับพ้นผืนฟ้าพาร่มเย็น
หลายวันแล้วไม่หายคลายโกรธเกรี้ยว
แสงเดือนเสี้ยวไม่ส่องมองไม่เห็น
เงามืดดำคล้ำคลุมสุมลำเค็ญ
ระทมเช่นมืดบอดตลอดกาล
ยังมาเจอเธอคลายหายลาจาก
คืนฝนพรำซ้ำซากยากสมาน
น้ำตาหรือไหลหลั่งดั่งสายธาร
อารมณ์รานแหลกยับกับสายลม
คืนนอนเหงาเฝ้าฟังเสียงหลั่งฝน
สุดอับจนทางฝืนกล้ำกลืนข่ม
หนาวสะท้านในทรวงบ่วงระบม
ความตรอมตรมล้มทับกับใจตัว
พายุใดไหนเข้าเท่าพายุรัก
โหมทะลักผลักส่งบ่งแสงหลัว
ไม่แจ่มเลยเผยเงาเจ้าฝ้ามัว
ยามฟ้ารั่ว พายุเข้า ..เขาจากไป..
"บ้านริมโขง"
๒๖ มิถุนายน ๒๕๕๔