เพราะรักซ้อนซ่อนเงื่อนเข้าเคลื่อนคล้อง
ผูกพันสองดวงมนวนสังสาร
มิรู้กี่ชาติภพเวียนสบกาล
ที่วิญญาณหล่อหลอมอย่างพร้อมเพรียง
อยู่แค่เพียงเอื้อมคว้าหยิบมาถือ
ไฉนยื้อรูปเงาคลอเคล้าเสียง
จินตภาพงดงาม..ความประเดียง
คงจำเรียงเช่นนั้นผ่านวันเดือน
ถวิลล่องโลมภพหมายสบพ้อง
ลงจำจองทรวงไว้มิให้เคลื่อน
แต่ยึดได้เพียงฝันอันรางเลือน
ที่ติดเตือนภาพนิมิต..แม้นิทรา-
ก็เผยรูปเผยรอยให้คอยรู้
ครอบครองอยู่ในทรวงให้ห่วงหา
สบแล้วกลับเลือนหายสุดสายตา
มือที่คว้าจึงคว้างอยู่กลางลม
ฤๅเพราะบุญหนุนช่วงนั้นพ่วงบาป
ให้ต้องสาปโทษทัณฑ์อันขื่นขม
เวียนบรรจบภพชาติก็ปรารถน์ชม
กลับมิสมดั่งหมายจวบปลายทาง
พาทย์และพร้องโลมทรวงคล้ายทวงถาม
พร้อมบอกความคะนึงหาเมื่อคราห่าง
หวานรสคำแทรกอยู่มิรู้จาง
โยงระหว่างฝั่งฝันตรึงฉันทา
เพราะสุดที่ขัดขืนหวานชื่นนั้น
แม้ถูกคั่นภพชาติวาสนา
ต่างรอบบุญหนุนรักเข้าชักพา
แต่ยากนักหักฝ่าแรงปรารมภ์
จึงเก็บเป็นรักซ่อนสุมซ้อนเศร้า
ระหว่างเรา..ด้วยเพราะมิเหมาะสม
ตราบคำวอนเทพแถนในแดนพรหม
ได้สบสมดั่งหมายสบสายกาล
อีกกี่รอบวัฏฏ์วนที่พ้นช่วง
พาลับล่วงเลือนหวังตราบสังขาร
แหลกป่นเป็นผงดินแต่วิญญาณ
จักไม่รานปรารถนาแม้นาที่
เพราะรักซ้อนซ่อนซึ้งนั้นตรึงจิต
เกินจะคิดลิดรอนอาวรณ์ที่
สั่งสุมทรวงแทรกหวานอยู่นานปี
ให้ทรวงนี้..แอบรอ..หมายต่อรัก
วลีลักษณา
๓ มิถุนายน ๒๕๕๔