อ้างจาก: บ้านริมโขง
มีป้ายห้ามต้องขมตรมใจแน่
ผมคงแย่ไปไหนไม่ได้หนา
ด้วยไม่อาจถอดวางบางศัสตรา
ต้องพกพาเป็นประจำทุกค่ำคืน
..........
....
ผมคงแย่ไปไหนไม่ได้หนา
ด้วยไม่อาจถอดวางบางศัสตรา
ต้องพกพาเป็นประจำทุกค่ำคืน
..........
....
"บ้านริมโขง"
นึกเห็นภาพ มโนคิด ติดตามพจน์
เมืองมีกฏ ควงปืนเก๋ เท่หนักหนา
ขี่ม้าควบ รวบบังเหียน เคี่ยนอาชา
หมวกหลุบตา เหมือนขี้อาย สายตาคน
เขาเป็นใคร มาจากไหน ไม่รู้ได้
ผูกผ้าป้าย ไขว่พันคอ พอแลฉงน
วี๊ดวี๊ดว๊าว ใครกันหนอ หล่อเกินทน
หนุ่มหน้ามน หยุดม้าโลด โดดลงมา
ย่ำบูทก้าว สาวเท้าย่าง อย่างเร่งรีบ
มือแนบบีบ ด้ามปืนไว้ ใกล้ต้นขา
สายตานิ่ง จริงจังจ้อง ป้องวาจา
((น้อง..น้องจ๋า สุขานี้ อยู่ที่ใด..))
เรียบร้อยกิจ ที่ติดตาม หลายยามแล้ว
หน้าผ่องแผ้ว ยิ้มระรื่น ชื่นสดใส
ถอดหมวกกว้าง กางยิ้มแต้ มาแต่ไกล
โธ่หนออ้าย บ้านริมโขง หลงทางมา (นี่เอง)
รัตติกาล
แซวเล่นขำๆ น๊า
ก็กว่าจะมีเวลาและอารมณ์แบบพร้อมเพรียงกัน พอดี จขกท.ย่างเข้าสู่ฤดูเศร้าไปซะก่อน
ไม่เจอแป๊บเดียว ไปพลาดท่าให้สาวไหนเสียแล้ว
สู้ๆ นะจ๊ะ
พกติดตัวเดินส่ายไปหลายที่
ไม่เห็นมีใครจ้องจึงมองหา
นักเลงดีที่ไหนไม่สบตา
เปลี่ยวอุราวันนี้คงมีฟาล์ว
ตั้งตามองสองทางระหว่างผ่าน
ซึ่งก็นานอยู่หนอรอจนหนาว
ยามม้าโยกย้ายยักสะบักกราว
อาวุธสั้นกระสันราวจะร้าวราน
ความคับแค้นแน่นในอัดไว้แน่น
แค้นสุดแค้นยามนี้ไม่มีหวาน
อยากจะเปิดอาวุธมุดประจัญบาน
ให้มันล้างอาการงุ่นง่านคลาย
เถอะ..ใครใคร อย่าใกล้เวลานี้
ทั้งอก She อก He ให้หนีหาย
เพียงแต่บอกหนทางสร้างสบาย
สุขาชาย...อยู่ไหน...ใกล้ตายแล้ว...อู๊ย..!
ไม่เห็นมีใครจ้องจึงมองหา
นักเลงดีที่ไหนไม่สบตา
เปลี่ยวอุราวันนี้คงมีฟาล์ว
ตั้งตามองสองทางระหว่างผ่าน
ซึ่งก็นานอยู่หนอรอจนหนาว
ยามม้าโยกย้ายยักสะบักกราว
อาวุธสั้นกระสันราวจะร้าวราน
ความคับแค้นแน่นในอัดไว้แน่น
แค้นสุดแค้นยามนี้ไม่มีหวาน
อยากจะเปิดอาวุธมุดประจัญบาน
ให้มันล้างอาการงุ่นง่านคลาย
เถอะ..ใครใคร อย่าใกล้เวลานี้
ทั้งอก She อก He ให้หนีหาย
เพียงแต่บอกหนทางสร้างสบาย
สุขาชาย...อยู่ไหน...ใกล้ตายแล้ว...อู๊ย..!
"บ้านริมโขง"