"ฤดูเศร้า"
เป็นสัมผัสนอกกายได้รับรู้
อากาศอยู่รอบตัวดูมัวหม่น
แดดแจ่มจ้าบางคราหนาเมฆปน
ทั้งลมฝนหล่นซ้ำกระหน่ำตาม
เมื่อร้อนกายเหงื่อไคลไหลโทรมร่าง
สรรพางค์ไร้ชื่นคืนทุกข์หาม
ออกนอนแผ่-นอกมุ้งยุงรุมลาม
ไม่ป้องปราม..ยุงหามตามเนื้อเลย
ด้วยกายนี้ไร้ค่ามาถูกหยาม
รูปลักษณ์ทรามลามล้นคนวางเฉย
อัปลักษณ์ผลักทิ้งหญิงไม่เชย
โอ้..อกเอ๋ย..คนหมาย แต่กายงาม
แต่..ข้างใน ใครบ้างวางตาจ้อง
ใครไหนมองความดีที่ล้นหลาม
ใครไหนเห็นแก้วมณีที่แวววาม
เห็นล้วนตามแต่หล่อขอชิดเชย
แม้นร้อนกายเกลื่อนหายสลายสิ้น
ยามฟ้าดินแปรผันนั่นอกเอ๋ย
จากวสันต์เป็นเหมันต์อันรำเพย
ไหลเลื่อนเลยเป็นคิมหันต์วันวนเวียน
แต่..ใจฉัน ฝังแน่นแต่แก่นเศร้า
ไม่บรรเทาเผาซ้ำกระหน่ำเศียร
รักลาร้างวางไฟไหม้ลามเลียน
ไม่เคยเปลี่ยน ฤดูเศร้า...เผาฤดี.
อากาศอยู่รอบตัวดูมัวหม่น
แดดแจ่มจ้าบางคราหนาเมฆปน
ทั้งลมฝนหล่นซ้ำกระหน่ำตาม
เมื่อร้อนกายเหงื่อไคลไหลโทรมร่าง
สรรพางค์ไร้ชื่นคืนทุกข์หาม
ออกนอนแผ่-นอกมุ้งยุงรุมลาม
ไม่ป้องปราม..ยุงหามตามเนื้อเลย
ด้วยกายนี้ไร้ค่ามาถูกหยาม
รูปลักษณ์ทรามลามล้นคนวางเฉย
อัปลักษณ์ผลักทิ้งหญิงไม่เชย
โอ้..อกเอ๋ย..คนหมาย แต่กายงาม
แต่..ข้างใน ใครบ้างวางตาจ้อง
ใครไหนมองความดีที่ล้นหลาม
ใครไหนเห็นแก้วมณีที่แวววาม
เห็นล้วนตามแต่หล่อขอชิดเชย
แม้นร้อนกายเกลื่อนหายสลายสิ้น
ยามฟ้าดินแปรผันนั่นอกเอ๋ย
จากวสันต์เป็นเหมันต์อันรำเพย
ไหลเลื่อนเลยเป็นคิมหันต์วันวนเวียน
แต่..ใจฉัน ฝังแน่นแต่แก่นเศร้า
ไม่บรรเทาเผาซ้ำกระหน่ำเศียร
รักลาร้างวางไฟไหม้ลามเลียน
ไม่เคยเปลี่ยน ฤดูเศร้า...เผาฤดี.
"บ้านริมโขง"
๒๓ พฤษภาคม ๒๕๕๔