คนแต่งกลอน อ้อนใคร มิใคร่คล่อง
จังหวะย่อง ตามทำนอง ร้อยกรองเพิ่ม
ริจีบใคร ไร้รส อดเหมือนเดิม
สิ้นเห่อเหิม เสริมส่ง คงไม่ลอย
อยู่หน้าจอ พอหาย แค่คลายเหงา
แต่ดึกเข้า บางที ก็มีหงอย
ดวงคู่ครอง มองอยู่ เป็นคู่คอย
นึกใจน้อย ปล่อยรัก ให้หักเละ
นึกสนุก ทุกข์ถนัด ซัดสนั่น
หวิวไหวหวั่น โหวงเหวง เก้งก้างเกะ
แต่งกลอนให้ ใต้โต๊ะ ไม่โป๊ะเชะ
แถมซ้ำเอะอะอึงคะนึงอล
เป็นนักกลอน อ่อนใจ ในยามแต่ง
ด้วยแอบแฝง ฝ่าฝืน คืนฝึกฝน
ไม่ช่ำชอง คล่องแคล่ว คล้ายแวววน
ถ้าอับจน หนนี้ ทีต้องลา
คนแต่งกลอนอ้อนคำมักช้ำหม่น
เพราะไร้คนสนใจใคร่คบหา
ใครประสบพบเห็นต่างเย็นชา
คงจะบ้าถ้ารักพวกนักกลอน
วันทั้งวันฝันเฟื่องหาเรื่องแต่ง
ค่ำยันแจ้งแข่งกันกลั่นอักษร
มัวหลงปลื้มลืมสิ้นทั้งกิน-นอน
ไม่หยุดหย่อนผ่อนพักเลยสักที
๐ หนุ่มเขียนกลอนอ้อนสาวจนพราวพร่าง
สุดท้ายนางห่างเหินแล้วเมินหนี
สาวนักกลอนอ้อนคำย้ำวจี
สุดท้ายมีทีท่าว่าค้างคาน
๐ คนแต่งกลอนอ้อนคำมักช้ำหม่น
ต้องเวียนวนค้นหายาสมาน
คนแต่งกลอนอ้อนคำมักช้ำนาน
เพราะหลงใหลในกานท์คานจึงเกย๚ะ๛
เพราะไร้คนสนใจใคร่คบหา
ใครประสบพบเห็นต่างเย็นชา
คงจะบ้าถ้ารักพวกนักกลอน
วันทั้งวันฝันเฟื่องหาเรื่องแต่ง
ค่ำยันแจ้งแข่งกันกลั่นอักษร
มัวหลงปลื้มลืมสิ้นทั้งกิน-นอน
ไม่หยุดหย่อนผ่อนพักเลยสักที
๐ หนุ่มเขียนกลอนอ้อนสาวจนพราวพร่าง
สุดท้ายนางห่างเหินแล้วเมินหนี
สาวนักกลอนอ้อนคำย้ำวจี
สุดท้ายมีทีท่าว่าค้างคาน
๐ คนแต่งกลอนอ้อนคำมักช้ำหม่น
ต้องเวียนวนค้นหายาสมาน
คนแต่งกลอนอ้อนคำมักช้ำนาน
เพราะหลงใหลในกานท์คานจึงเกย๚ะ๛