เมื่อความรักปักลงตรงกลางจิต
เหมือนชีวิตสว่างกระจ่างใส
ก็รับมันเก็บวางไว้กลางใจ
โดยที่ไม่หวาดหวั่นวันอำลา
ตกอยู่ในห้วงเหวแห่งเปลวรัก
ยอมจมปลักเป็นทาสปรารถนา
เฝ้าเทิดทูลรักเขาเท่าชีวา
ยอมปิดตาเหมือนไม่เห็นเล่นกับไฟ
โลกกลายเป็นสีชมพูดูงามงด
ช่างสวยสดดั่งดาวพราวไสว
วิมานรักที่สร้างช่างอำไพ
อบอุ่นในสถานวิมานทอง
และแล้ววันอำลาก็มาถึง
เพียงคำหนึ่งคำนั้นฉันสุดหมอง
ฉันไม่ใช่คนของใจที่หมายปอง
ยังคงก้องอยู่ในใจทั้งดวง
กลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่ให้หยด
จำเก็บกดเอาไว้ไม่ให้ร่วง
แค่ยอมให้ไหลซาบลงอาบทรวง
ฝันทั้งปวงเก็บพับไว้กับใจ
เหมือนชีวิตสว่างกระจ่างใส
ก็รับมันเก็บวางไว้กลางใจ
โดยที่ไม่หวาดหวั่นวันอำลา
ตกอยู่ในห้วงเหวแห่งเปลวรัก
ยอมจมปลักเป็นทาสปรารถนา
เฝ้าเทิดทูลรักเขาเท่าชีวา
ยอมปิดตาเหมือนไม่เห็นเล่นกับไฟ
โลกกลายเป็นสีชมพูดูงามงด
ช่างสวยสดดั่งดาวพราวไสว
วิมานรักที่สร้างช่างอำไพ
อบอุ่นในสถานวิมานทอง
และแล้ววันอำลาก็มาถึง
เพียงคำหนึ่งคำนั้นฉันสุดหมอง
ฉันไม่ใช่คนของใจที่หมายปอง
ยังคงก้องอยู่ในใจทั้งดวง
กลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่ให้หยด
จำเก็บกดเอาไว้ไม่ให้ร่วง
แค่ยอมให้ไหลซาบลงอาบทรวง
ฝันทั้งปวงเก็บพับไว้กับใจ
สุขเพราะรักเศร้านักเพราะรักอีก
ยากจะปลีกตัวพ้นทนหวั่นไหว
สุขเพราะเขาเราหลงคงเยื่อใย
เศร้าเพราะใครใช่เขาหรือเราทำ
รักไม่นิ่งหญิงชายอย่าหมายสุข
รักปลอบปลุกคลุกหน่ายคล้ายถลำ
ล้วนเพราะปากมากเรื่องเปลืองน้ำคำ
พูดทิ่มตำทำขุ่น...ฝุ่นรักลอย..
ยากจะปลีกตัวพ้นทนหวั่นไหว
สุขเพราะเขาเราหลงคงเยื่อใย
เศร้าเพราะใครใช่เขาหรือเราทำ
รักไม่นิ่งหญิงชายอย่าหมายสุข
รักปลอบปลุกคลุกหน่ายคล้ายถลำ
ล้วนเพราะปากมากเรื่องเปลืองน้ำคำ
พูดทิ่มตำทำขุ่น...ฝุ่นรักลอย..
"บ้านริมโขง"