"นั่งเหงา...นอนหงอย"
"แดดส่องจ้าแจ่มแจ้งแสงร้อนผ่าว
ผิวพรรณราวคราวโดนไฟโจนใส่
หยาบกระด้างต่างแห้งเพราะแรงไฟ
จนหัวใจใกล้บาดด้วยขาดน้ำ"
เลยนั่งเหงา..นอนหงอยอยู่อ้อยอิ่ง
เหมือนทุกสิ่งนิ่งตัวกลัวถลำ
เป็นวันราโรยแรงแฝงมนต์ดำ
กับน้ำคำย้ำมา ณ ครานี้!
ความแห้งแล้งแฝงไว้ให้เอื่อยเฉื่อย
นั่งก็เมื่อยเลื้อยหมอนนอนเป็นหมี
บิดขี้เกียจเหยียดกายไม่หายดี
สันหลังยาวคราวที่ศีรษะลง
ไร้ประโยชน์โทษฟ้านั่งหน้าเฉย
แล้วละเลยเผยตนสับสนส่ง
กล่าวว่าแดดแผดเผาเข้าโดยตรง
จึงยังคงลงเหยียดขี้เกียจตัว
ครั้นจะลุกเล่นเดินก็เกินที่
สองขามีนี้เก็บเหน็บกินทั่ว
ยังรากงอกซอกก้นคนตามัว
อีกทั้งหัวห้อยติดชิดหมอนนั้น!
เลยผล็อยหลับลับลาทิวาแจ้ง
จากมีแสงแดงสาดขาดสีสัน
ตามืดมิดปิดลงคงนิรันดร์
กับความฝันวันเหงาเข้านิทรา
"แดดส่องจ้าแจ่มแจ้งแสงร้อนผ่าว
ผิวพรรณราวคราวโดนไฟโจนใส่
หยาบกระด้างต่างแห้งเพราะแรงไฟ
จนหัวใจใกล้บาดด้วยขาดน้ำ"
เลยนั่งเหงา..นอนหงอยอยู่อ้อยอิ่ง
เหมือนทุกสิ่งนิ่งตัวกลัวถลำ
เป็นวันราโรยแรงแฝงมนต์ดำ
กับน้ำคำย้ำมา ณ ครานี้!
ความแห้งแล้งแฝงไว้ให้เอื่อยเฉื่อย
นั่งก็เมื่อยเลื้อยหมอนนอนเป็นหมี
บิดขี้เกียจเหยียดกายไม่หายดี
สันหลังยาวคราวที่ศีรษะลง
ไร้ประโยชน์โทษฟ้านั่งหน้าเฉย
แล้วละเลยเผยตนสับสนส่ง
กล่าวว่าแดดแผดเผาเข้าโดยตรง
จึงยังคงลงเหยียดขี้เกียจตัว
ครั้นจะลุกเล่นเดินก็เกินที่
สองขามีนี้เก็บเหน็บกินทั่ว
ยังรากงอกซอกก้นคนตามัว
อีกทั้งหัวห้อยติดชิดหมอนนั้น!
เลยผล็อยหลับลับลาทิวาแจ้ง
จากมีแสงแดงสาดขาดสีสัน
ตามืดมิดปิดลงคงนิรันดร์
กับความฝันวันเหงาเข้านิทรา
บัณฑิตเมืองสิงห์