ขออนุญาตคิดต่าง จากท่าน GYVER นิดหน่อย คงไม่โกรธนะครับ
โดยส่วนตัวแล้วผมเห็นว่า คำว่ารายการบันเทิง ชื่อก็บ่งบอกอยู่แล้วว่าดูเพื่อความบันเทิง เพราะฉะนั้น รายการประเภทนี้ ก็ควรจะเป็นอะไรที่ดูแล้วสบายใจ ไม่ปวดหัว ไม่คิดมาก ถ้าดูละครแล้วต้องมานั่งปวดหัว คิดมาก เกิดความเครียด อย่างนี้จะเรียกว่า บันเทิงได้อย่างไร ?
ท่านครับ ความบันเทิงเริงใจนั้น อยู่ใจจะบรรเทิง ซึ่งใจแต่ละคนไม่เหมือนกัน ใจท่านอาจจะบันเทิงแบบหนึ่ง แต่อีกหลายดวงใจก็อาจจะบันเทิงอีกแบบหนึ่ง ละครชีวิต เครียดเศร้า หัวใจท่านอาจจะไม่สบายใจ แต่อีกหลายดวงใจอาจจะสบายใจขึ้น เหมือนมีผู้รับชะตากรรมแทน เหมือนมีใครบางคนทำแทนจิตสำนึกในส่วนลึกที่ต้องการกระทำแต่ทำเองไม่ได้ เขาอาจจะผ่อนคลายจากการดูละคร ก็เป็นได้ ... ความบันเทิงใจไม่มีรูปแบบตายตัวขึ้นอยู่กับแต่ละดวงใจ ท่านจะไปจำกัดความบันเทิงให้เฉพาะที่เหมือนท่านได้อย่างไร?
สำหรับเรื่องราวชีวิต การดิ้นรนต่อสู้ การถูกเอารัดเอาเปรียบ ความโศกเศร้า ความท้อแท้ ความยากจน ปัญหาสังคม ปัญหาครอบครัวบรรดาเรื่องเหล่านี้ผมคิดว่าไม่จำเป็นต้องให้ผู้จัดละครหรือดารานักแสดงมาแสดงให้ดูหรอก เพราะเรื่องพวกนี้พวกผม(คนดู)ได้เห็นในชีวิตประจำวันอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันอยู่แล้ว บางเรื่องก็แสดงเองซ้ำซากจนเบื่อ ไม่จำเป็นจะต้องแสวงหาหรือเสพจากสื่อละครก็ได้ ผมว่าถ้าคุณต้องการสะท้อนปัญหาสังคม คุณควรไปเปิดรายการโทรทัศน์เพื่อการศึกษาจะดีกว่า หรือไม่ก็ไปทำรายการสื่อเช่นมูลนิธิปวีณาเป็นต้น
ท่านครับ ท่านไม่ดูก็แล้วไป ไม่มีใครบังคับหรอกครับ ละครก็เกิดจากการแต่งเรื่องราวโดยนักเขียนที่ได้วัตถุดิบจากเรื่องราวจริง ๆ นี่แหละ มันจึงไม่ต่างจากชีวิตจริงเท่าไหร่ เพียงแต่มันมาอัดแน่นในละครบางเรื่องเท่านั้นเอง และบางบทท่านอาจเคยแสดงเอง บทไหนเอ่ย บทเจ้าสัวหรือเปล่า? (ขออภัยหากล่วงเกิน) ความซ้ำซากหรือเปล่าอยู่ที่ผู้ดู หากเรื่องไหนไม่มีคนดูเขาก็ไม่ทำซ้ำหรอก แต่เรื่องไหนถูกอกถูกใจคนดู ก็มักจะถูกนำกลับมาทำซ้ำบ่อย ๆ เช่น บ้านทรายทอง โลกหมุนไปทุกวัน คนรุ่นใหม่เกิดมาทุกวัน การทำซ้ำในเรื่องราวซ้ำๆ น่าจะเป็นสิ่งปกติของโลกนะครับ หรือท่านไม่เคยทำอะไรซ้ำๆ เลย?
เรื่องทำละครแบบไหนมันขึ้นกับคนดูนะครับ เขาก็ฟังเสียงตอบรับอยู่ การสะท้อนปัญหาสังคม เป็นภาระของศิลปินทุกคนครับ รวมทั้งกวีและนักกลอนด้วย ละครก็เป็นศิลปะอีกแขนงหนึ่งที่จะสะท้อนสังคมได้ เขาทำของเขาก็ถูกหน้าที่ของเขาแล้วครับ หากไปทำโทรทัศน์เพื่อการศึกษาแบบตรง ๆ เรตติ้งร่วงระนาว เขาก็คงหาวิธีทำให้เรตติ้งกลับมา ด้วยการแทรก เพลงบ้าง ละครบ้าง ให้คนชมก่อนที่จะแทรกสาระเข้าไปหละครับ สุดท้ายก็คงไม่พ้นละคร แล้วนักกลอนจะไม่สะท้อนภาพสังคมเลยหรือ? จะพร่ำรำพันอกหักรักคุดไปตลอดชาติหรือ? จะเดินย่ำสายลมแสงแดด ทะเลหาดทรายไปตลอดชาติหรือ? หรือจะแสวงหาแก่นหาสาระในชีวิต? ให้ตนเอง? ให้ครอบครัว? ให้สังคม? หรือไม่ให้ใครเลย?
กวีเอ๋ย
เจ้าเห็นมากกว่าที่ตามอง
เจ้าได้ยินมากกว่าที่หูฟัง
เจ้าได้กลิ่นมากกว่าที่จมูกดม
เจ้าลิ้มรสมากกว่าที่ลิ้นชิม
เจ้าสัมผัสมากกว่าที่ผิวผาด
เจ้ารู้สึกมากกว่าที่ใจคิด
เจ้าจะคับแคบ
ถมแต่ความว่างเปล่า
บนกระดาษ
หรือไร?
กวีเอ๋ย