ข้างนอกนั้นฝนเทลง, มาตรงหัว
กระจกมัวลมแรงแสงหรุบหรู่
ไม่ทันคิดผิดแผกแปลกฤดู
ยืนหดหู่ในภวังค์เพียงครั้งเดียว
ทีละต้น, ทีละต้น, ที่ฝนซัด
คืนสงัดพัดใจให้ห่อเหี่ยว
เกลื่อนก่นซากที่เห็นหมุนเป็นเกลียว
น้ำไหลเชี่ยวแดงกร่ำครอบงำใจ
ปล่อยให้ผ่านไปตามชะตากรรม
สิ้นสุดการกระทำก็หวนไห้
มองเห็นภาพความตายที่หายไป
ต่างเจ็บไข้ว่ายวนทุรนทุราย
ฟ้ารั่ว!!!
ยังตื่นกลัวแจ่มชัดไม่เหือดหาย
ซากที่เห็นนอนหนาว, กล่าวทักทาย
เจ้าจะอยู่หรือตาย!! เจ้าเลือกเอง
สบสายตาพายุ, มัจจุราช
สายฟ้าฟาดคลื่นลมเข้าข่มเหง
หนึ่งมนุษย์ก้าวไปไม่กลัวเกรง
สิ้นบทเพลงแตกหัก, จักรู้กัน
ใต้คืนฝนกระหน่ำ, ข้าฉ่ำยิ้ม
ได้ลองลิ้มรสชาติความหวาดหวั่น
โดยทั้ง-ทั้งที่รู้ ยิ้มสู้มัน
เพื่อผ่านพ้นคืนวัน, อันร้าวราน.
.........................