สมมุติว่า...สองมือเราคือเงื่อน
ขยับเลื่อนเคลื่อนเหนี่ยวสอดเกี่ยวข้อง
เป็นหนึ่งปมกลมเกลียวรวมเดียวดอง
ระหว่างสองเราให้อยู่ใกล้กัน
ขอบฟ้าโค้งจุดหมายมีสายรุ้ง
สองเรามุ่งเดินไปด้วยใจฝัน
โลกทั้งโลกงามหรูชมพูพรรณ
ดุจสวรรค์ชั้นฟ้าดาวดึงส์
คำ ที่รัก เรียกแทนแสนสนิท
ดั่งลิขิตพรหมนามยามคิดถึง
วาจาหวานซ่านทรวงห้วงคำนึง
สุดซาบซึ้งตรึงใจยามไกลตา
ยามชิดใกล้ไออุ่นละมุนมอบ
เฝ้าปลุกปลอบตอบรับขยับหา
วงแขนสอดกอดโน้มประโลมพา
จุมพิตหน้าแก้มอิ่มพริ้มเบาบาง
จุดที่ตรึงใบหน้าคือตานั้น
สะกดฉันงันใจไม่ขัดขวาง
ประกายเปล่งเร่งร้อนอ้อนทุกทาง
ประชิดข้างเคลียคลอพะนอเชย
สองแขนสอดกอดรัดกระหวัดเกี่ยว
แรงโน้มเหนี่ยวโลกดุจหยุดนิ่งเฉย
แค่สมมุติเพียงครั้งอายจังเลย
คนไม่เคยจึงประหม่า...ไม่กล้าพอ
ขยับเลื่อนเคลื่อนเหนี่ยวสอดเกี่ยวข้อง
เป็นหนึ่งปมกลมเกลียวรวมเดียวดอง
ระหว่างสองเราให้อยู่ใกล้กัน
ขอบฟ้าโค้งจุดหมายมีสายรุ้ง
สองเรามุ่งเดินไปด้วยใจฝัน
โลกทั้งโลกงามหรูชมพูพรรณ
ดุจสวรรค์ชั้นฟ้าดาวดึงส์
คำ ที่รัก เรียกแทนแสนสนิท
ดั่งลิขิตพรหมนามยามคิดถึง
วาจาหวานซ่านทรวงห้วงคำนึง
สุดซาบซึ้งตรึงใจยามไกลตา
ยามชิดใกล้ไออุ่นละมุนมอบ
เฝ้าปลุกปลอบตอบรับขยับหา
วงแขนสอดกอดโน้มประโลมพา
จุมพิตหน้าแก้มอิ่มพริ้มเบาบาง
จุดที่ตรึงใบหน้าคือตานั้น
สะกดฉันงันใจไม่ขัดขวาง
ประกายเปล่งเร่งร้อนอ้อนทุกทาง
ประชิดข้างเคลียคลอพะนอเชย
สองแขนสอดกอดรัดกระหวัดเกี่ยว
แรงโน้มเหนี่ยวโลกดุจหยุดนิ่งเฉย
แค่สมมุติเพียงครั้งอายจังเลย
คนไม่เคยจึงประหม่า...ไม่กล้าพอ
"กานต์ฑิตา"
๑๙ มีนาคม ๒๕๕๔