ตอนที่สาม มารคืนชีพ
ป่าเขาอันสลับซับซ้อนของหุบเขาเหลียงฟาน แวดล้อมไปด้วยพฤกไพรอันขจีปกคลุมกินอาณาบริเวรกว้างใหญ่ไพศาล นั้นไร้ที่เบิกบานให้สัตว์สองเท้าไร้ปีกได้หฤหรรษ์ ความกว้างไกลและทึบหนาของป่าเขา ดุจที่คุมขังมนุษย์ผู้เปล่าเปลี่ยวให้ไร้อิสรภาพ ปล่องถ้ำที่อยู่สูงขึ้นไปบนผาสูง ประดุจหนึ่งหน้าต่างของคฤหาสน์ที่เปิดอยู่ ทำให้เขามองเห็นทัศนียภาพอันสวยงามที่รายรอบอยู่ได้ถนัดตา
แต่ไม่มีความรู้สึกใดบนใบหน้านั้น นอกจากความเฉยชา ในแววตา..ที่ไร้ซึ่งความสุข
ร่างกายอันผ่ายผอมแต่ซ่อนไว้ซึ่งพลังอันแข็งแกร่งนั้น เอกเขนกอยู่เหนือแผ่นศิลาบนลานกว้างของถ้ำขนาดใหญ่ เขาอยู่ที่นี่มานานเท่าใดแล้ว..ไม่มีใครให้คำตอบได้
เสื้อผ้าที่มอซอสกปรกผมเผ้าหนวดเคราที่ยาวรุงรังดูน่าเกลียด บ่งบอกว่าเขามิได้สนใจตัวเองมาโดยตลอด
เขาสปริงตัวด้วยฝ่ามือดีดตัวขึ้นลอยละล่องด้วยวิชาตัวเบาอันเยี่ยมยอดและว่องไว ไต่ไปตามผนังถ้ำอย่างคล่องแคล่ว รวดเร็ว เขาพุ่งตัวเข้าหาตุ๊กแกเคราะห์ร้ายตัวหนึ่ง และคว้ามันติดมือแน่นหนับ ก่อนโรยตัวลงบนพื้นอย่างแผ่วเบา ดุจปุยนุ่นล่วงลงดิน เขามองตุ๊กแกในมือพลางแสยะยิ้ม มันพยายามดิ้นจนเขาต้องกำมันให้แน่น..
ฉับพลันนั้นเอง เขาอ้าปากออกสุดกว้างก่อนขบกัดเจ้าตุ๊กแกตัวนั้นอย่างแรงและเคี้ยวพรวดๆอย่างอร่อยปาก ส่วนตัวของตุ๊กแกยังกระตุกยึกๆอยู่ เขากัดมันอีกหนึ่งครั้งพลางหัวเราะให้กับชีวิตอันน่าสยดสยอง
แหะๆๆๆๆ...แหะๆๆๆๆ เลือดตุ๊กแกแดงฉานไปทั่วปากของเขา
...................................................................................
เรือถูกหุบใบและเคลื่อนตัวเข้าหาฝั่งอย่างเชื่องช้า เป็นไปตามความต้องการของคนคุมหางเสือ ลมพัดเฉื่อยฉิวชื่นเย็นไปทั่วบริเวร
ท่านสุภาพบุรุษและท่านสุภาพสตรีทั้งหลาย บัดนี้เราได้เดินทางมาถึงดินแดนแห่งหยางซัน ดินแดนอันอัศจรรย์พันลึก ชายผู้หนวดเครายาวเฟื้อยพูดเสียงดัง
เรือถึงฝั่งแล้ว ทิ้งสมอได้ เขาออกคำสั่งเสียงฉะฉาน
ชายสองคนที่นั่งอยู่บนเรือมองหน้ากัน เพราะเรือทั้งลำนั้นมีแค่สามคน ชายชุดแดงพกกระบี่ท่าทางขึงขังจึงหันมาพูดแกเขา
อารมณ์ดีจังนะลุง
ถึงหยางซันแล้วขอรับคุณชายทั้งสอง คนขับเรือพูดอย่างอารมณ์ดี
ขอบใจลุงมากที่มาส่ง..เอ้านี่ค่าเรือ ชายอ้วนเตี้ยมีไฝยื่นเงินให้แกเขา
ขอบคุณครับ..เที่ยวให้สนุกนะ
ชายทั้งสองเมื่อขึ้นมาบนฝั่งแล้วชายชุดแดงก็ถามเพื่อนของเขาว่า
เจ้าให้ค่าจ้างแก่เขาเท่าไหร่
หนึ่งตำลึง เพื่อนเขาตอบ
โอ้โห..ตั้งตำลึงเชียวเหรอ
ก็ข้ารับปากกับเขาว่าจะให้หนึ่งตำลึง
ชายทั้งสองหันไปโบกมือให้แก่คนพายเรือ เรือของเขาลอยไกลออกไป
โชคดีนะลุง..โชคดี
เช่นกันครับท่านชายทั้งสอง ชายผู้นั้นโบกมือและตะโกนเสียงดัง
เขาบอกว่าเงินหนึ่งตำลึงทำให้เขาอยู่ได้อย่างสบายเป็นเดือน ชายอ้วนเตี้ยบอกเพื่อนของเขา
..............................................................
ทั้งสองมาถึงโรงเตี้ยมเล็กๆใกล้ๆท่าเรือ พวกเขาไม่พูดกันเลยเพราะหิวจนตาลาย
สิ่งที่พวกทำหลังจากนั้นคือกินทุกสิ่งทุกอย่างที่ขวางหน้า
ท่านทั้งสองเดินทางมาแต่หนใดหรือ ชายที่นั่งโต๊ะข้างๆถาม
คำถามนั้นทำให้ความสามารถในการกินอาหารอย่างรวดเร็วของพวกเขาลดลง ชายชุดแดงเปลี่ยนท่าทีตัวเองให้ดูมีมารยาทที่ดีขึ้น พลางมองเพื่อนผู้หิวโหย
ครู่หนึ่ง....
เขาหันมามองเจ้าเสียงขณะเพื่อนเขาก้มหน้าก้มตาอยู่กับโต๊ะอาหาร
พวกข้ามาจากต่งไห่ เขาตอบชายผู้นั้น
ท่านอย่าระแวงข้าเลยท่านชายทั้งสอง ชายผู้นั้นว่า ข้าชื่อเปาเปียวบ้านข้าอยู่ใกล้ๆนี่เอง..ว่าแต่ท่านทั้งสอง..เอ่อ...
ข้าชื่ออ๋องอุ้น..และนั่น เขาผายมือไปที่ชายอ้วนเตี้ย
หลูอัน ชายอ้วนเตี้ยเงยหน้าขึ้นมาบอกแก่เขา
พวกท่านคงมาเที่ยว
ใช่ ชายอ้วนนามหลูอันว่า พวกข้าเคยได้ยินแต่คำเล่าลือถึงที่นี่..ต่อแต่นี้จะไม่มีใครโกหกพวกข้าได้อีก..ที่นีทิวทัศน์สวยจริงๆ
เขาคิดอยู่ครู่หนึ่ง
นี่ท่านเปาเปียวข้าถามหน่อย..แล้วโรงเตี้ยมเพียงบุปผาที่ลือชื่อนั้นอยู่หนใด ข้าชักอยากจะสัมผัสเสียจริง เขาว่ากันว่า ไม่ว่าจะคนดีคนชั่ว กวีหรือคนถ่อย เมื่อได้พักที่นั่น จะบันดาลพวกเขาให้พบโลกอันแท้จริงที่เขาใฝ่หาและแรงบันดาลใจมากมาย ข้าอยากรู้เหลือเกินว่า ที่นั่นจะเศษสักแค่ไหนกัน
เปาเปียวชี้มือไปทิศเหนือ
พวกท่านเดินข้ามเขาสองลูกนั้นก็จะถึง
โปรดอ่านต่อพรุ่งนี้
ชุมชน บ้านกลอนไทย ชุมชนสำหรับคนไทยผู้รักกลอน |
21 พฤศจิกายน 2024, 07:31:PM | |||
|
ผู้เขียน | หัวข้อ: ตลุยยุทธภพ (อ่าน 41937 ครั้ง) |
| ||||||||||
Email: