ภาพสาวน้อยคอยรักตระหนักคิด
อ้อเสี่ยวตุ้ยนึกแหนงจิตเกินคิดหนี
"เจ้าคอยใครกันหนาบอกข้าที
ในวารีแสนไกลก็ไร้เรือ
ที่ออกเปลี่ยวเที่ยวเล่นเจ้าเป็นสาว
งดงามราวเทพธดาทั้งหน้าเนื้อ
ทั้งขุนเขาป่าปกแสนรกเรื้อ
ไม่กลัวเสือซ่อนขบเจ้าหรือไร"
จางฟงยี่ลุกเดินแสร้งเมินหน้า
เข้าร่มไม้รุกขาเงาอาศัย
จึงตอบความข้องขัดอึดอัดใจ
ถึงท้องถิ่นอำไพมิขัดเคือง
"นี่ท่านอ้อเสี่ยวตุ้ยข้าจะเล่า
เเต่เดิมบ้านร้านเรานั้นสืบเนื่อง
เป็นป่าปกรกหนาไม่รุ่งเรือง
ไร้คนเยื้องย่างกรายก็ไม่มี
พ่อข้าหนึ่งชาวยุทธผู้ฉกาจ
ทั้งเปรื่องปราดวิทยาหนีมานี่
เพราะเบื่อหน่ายในโลกเมืองคีรี
หมายพงพีเป็นเหย้าเป็นเรือนนอน
จึงก่อตั้งเคหาตากอากาศ
ใกล้ริมหาดตั้งอยู่บนสิงขร
หวังชาวยุทธร่อนเร่พเนจร
มาพักผ่อนหย่อนใจคงได้คลาย
พ่อของข้ามากมีเพื่อนชาวยุทธ
จึงเหมือนจุดหลักแหล่งแห่งสหาย
หลายสิบปีที่นี่จึงวุ่นวาย
หลังจากแม่ข้าตายท่านแสนเศร้า
แล้วท่านว่าไม่นานถึงท่านแน่
ก็เลยหาทางแก้ไปอยู่เขา
หมายปลดปลงชีวิตเหมือนคิดเอา
ปล่อยพวกเราอยู่เคว้งคว้างกลางป่าดง
พ่อของข้าเป็นเพื่อนกับจอมกระบี่
นามถังไป่อี้มิลืมหลง
ถังไป่อี้ได้ให้สัจจ์เป็นมั่นคง
ด้วยซื่อตรงด้วยท่านนั้นสัญญา
จะดูแลพวกเราทั้งขุนเขา
ประกาศเหล่าชาวยุทธผู้ใฝ่หา
ยุทธศาสตร์ปารดเปรื่องอย่าได้มา
ล่วงชายคายาวไกลถึงสิบลี้"
อ้อเสี้ยวตุ้ยฟังแล้วคิดก่อนถามว่า
"พวกกเสือป่าสิงห์โตในเขตุนี้
มันคงไม่เกรงกลัวบารมี
ของท่านถังเพื่อนซี้ของพ่อเจ้า"
จางฟงยี่ตอบว่า
"อ๋อนี่แน่..ท่านอ้อเสี่ยวตุ้ย
ตระกูลข้าล้วนนักลุยแห่งขุนเขา
พวกกวางป่าพวกเสือรึเหลือเงา
เพราะพวกเราเคยรุกล่ามานานนัก
อ้อเสี่ยวตุ้ยนึกแหนงจิตเกินคิดหนี
"เจ้าคอยใครกันหนาบอกข้าที
ในวารีแสนไกลก็ไร้เรือ
ที่ออกเปลี่ยวเที่ยวเล่นเจ้าเป็นสาว
งดงามราวเทพธดาทั้งหน้าเนื้อ
ทั้งขุนเขาป่าปกแสนรกเรื้อ
ไม่กลัวเสือซ่อนขบเจ้าหรือไร"
จางฟงยี่ลุกเดินแสร้งเมินหน้า
เข้าร่มไม้รุกขาเงาอาศัย
จึงตอบความข้องขัดอึดอัดใจ
ถึงท้องถิ่นอำไพมิขัดเคือง
"นี่ท่านอ้อเสี่ยวตุ้ยข้าจะเล่า
เเต่เดิมบ้านร้านเรานั้นสืบเนื่อง
เป็นป่าปกรกหนาไม่รุ่งเรือง
ไร้คนเยื้องย่างกรายก็ไม่มี
พ่อข้าหนึ่งชาวยุทธผู้ฉกาจ
ทั้งเปรื่องปราดวิทยาหนีมานี่
เพราะเบื่อหน่ายในโลกเมืองคีรี
หมายพงพีเป็นเหย้าเป็นเรือนนอน
จึงก่อตั้งเคหาตากอากาศ
ใกล้ริมหาดตั้งอยู่บนสิงขร
หวังชาวยุทธร่อนเร่พเนจร
มาพักผ่อนหย่อนใจคงได้คลาย
พ่อของข้ามากมีเพื่อนชาวยุทธ
จึงเหมือนจุดหลักแหล่งแห่งสหาย
หลายสิบปีที่นี่จึงวุ่นวาย
หลังจากแม่ข้าตายท่านแสนเศร้า
แล้วท่านว่าไม่นานถึงท่านแน่
ก็เลยหาทางแก้ไปอยู่เขา
หมายปลดปลงชีวิตเหมือนคิดเอา
ปล่อยพวกเราอยู่เคว้งคว้างกลางป่าดง
พ่อของข้าเป็นเพื่อนกับจอมกระบี่
นามถังไป่อี้มิลืมหลง
ถังไป่อี้ได้ให้สัจจ์เป็นมั่นคง
ด้วยซื่อตรงด้วยท่านนั้นสัญญา
จะดูแลพวกเราทั้งขุนเขา
ประกาศเหล่าชาวยุทธผู้ใฝ่หา
ยุทธศาสตร์ปารดเปรื่องอย่าได้มา
ล่วงชายคายาวไกลถึงสิบลี้"
อ้อเสี้ยวตุ้ยฟังแล้วคิดก่อนถามว่า
"พวกกเสือป่าสิงห์โตในเขตุนี้
มันคงไม่เกรงกลัวบารมี
ของท่านถังเพื่อนซี้ของพ่อเจ้า"
จางฟงยี่ตอบว่า
"อ๋อนี่แน่..ท่านอ้อเสี่ยวตุ้ย
ตระกูลข้าล้วนนักลุยแห่งขุนเขา
พวกกวางป่าพวกเสือรึเหลือเงา
เพราะพวกเราเคยรุกล่ามานานนัก