"กองอาทมาต..ประวัติศาสตร์ต้องจารึก?"
(๑)
๐ ลุพุทธศักราชย้อนชาติภพ
กลิ่นคาวเลือดตลบศพนาย-ไพร่
ปีสองพันสามร้อยสอง..หมองอาลัย
ครั้งเกิดไฟสงครามลามอยุทธ์
๐ ปลายสมัยองค์ราชะเอกทัศน์
ครองสมบัติกรุงศรีฯที่ท้ายสุด
ศึกภายในนายเจ้าราวอกทรุด
ชนวนจุดเชื้อไฟไอสงคราม
๐ กิตติศัพท์อื้ออึงถึงพม่า
อลองพญาครองฉัตรรัฐอร่าม
ขยายอาณาประเทศล่าเขตคาม
ผงาดท่ามกลางศึกคึกไพร่พล
๐ จึงบัญชาเกณฑ์ทหารผู้ชาญรบ
หวังสยบกรุงศรีฯยามที่หม่น
วางแผนศึกปรึกษาเสนาตน
ส่งทัพหน้าเชี่ยวพหลกลยุทธ์
๐ สั่งมังระยุพราชมาดกล้าแกร่ง
เร่งจัดแจงนำทัพกับราชบุตร
นามมังฆ้องนรธาเก่งอาวุธ
จงรีบรุดเดินทัพโดยฉับพลัน
๐ เล็งมะริดตะนาวศรีที่ด่านแรก
ตีให้แหลกดั่งเนื้อเพื่อข่มขวัญ
สองนายทัพรวมพลล้นแปดพัน
ได้ฤกษ์ครันทัพหน้าก็ฝ่าเดิน
(๒)
๐ ฝ่ายม้าเร็วแจ้งสารข่าวการศึก
รีบผนึกส่งสารการแต่เนิ่น
พระผ่านฟ้าเอกทัศน์ตรัสประเมิน
ให้เร่งเชิญอำมาตย์ราชมนตรี
๐ แล้วบัญชารับสั่งเป็นการด่วน
ตั้งกระบวนสองทัพรับหน้าที่
เกณฑ์ไพร่พลห้าพันอันฤทธี
สองพระยานามนี้ที่โปรดปราน
๐ ให้ออกญายมราชชาติทแกล้ว
คุมทัพใหญ่จัดแถวแววตระหง่าน
พลกำลังสามพันขั้นปราการ
สกัดย่านคับขันเขาบรรทัด
๐ ตั้งเจ้าคุณรัตนาฯข้าเลี้ยงเก่า
คุมพลเล่าสองพันปันส่วนสัด
เป็นทัพหนุนบุ๋นคละสารพัด
ยามติดขัดช่วยณรงค์การสงคราม
๐ สำหรับกองทะลวงฟันผู้หาญศึก
เจนห้าวฮึกการรบภพสยาม
เชี่ยวชาญยุทธ์คงกะพันคนหวั่นนาม
พลรวมความสี่ร้อยสบถ้อยที
๐ กองวิเศษไชยชาญคนขานก้อง
พลอ่างทองกระเดื่องเรื่องศักดิ์ศรี
ชื่อนาม"กองอาทมาต"ชาติชาตรี
เกณฑ์กองนี้ไปทัพกับเจ้าคุณ
๐ ให้ท่าน"รองปลัดชู"ดูพลไพร่
อันเกรียงไกรกำกับอย่างทัพหนุน
ตามพระยารัตนาฯพาสมดุลย์
เรื่องบู๊บุ๋นวางแผนแทนโองการ
(๓)
๐ สองพระยาเดินทัพรับพม่า
ต่างยาตราดำเนินเพลินทุกย่าน
ทั้งเหล้ายาเสบียงเยี่ยงโอฬาร
สุขดั่งบ้านมิเหมือนเคลื่อนไปรบ
๐ การสอดส่องตรวจตราหาถี่ถ้วน
ผิดกระบวนพระยาฝ่าลืมกฎ
เหตุไม่ชินงานใหญ่ใช้ลาภยศ
จนกำหนดใกล้จุดยุทธ์ณรงค์
๐ ทั้งสองทัพแยกย้ายหมายที่มั่น
ทัพหลวงนั้นแผนผุดจุดประสงค์
หวังเดินทัพลัดเขาเพื่อเข้าตรง
สู่เขตดงแดนมะริดติดตะนาวฯ
๐ พ้นผ่านเขาบรรทัดป่าชัฎรก
ตื่นตะหนกทั้งสิ้นเมื่อยินข่าว
ทั้งสองเมืองย่อยยับพับเรื่องราว
พม่ากร้าวตีหักหนักเสียเมือง
๐ จึงสะดุดหยุดทัพปรับกลยุทธ์
รอหาจุดที่มั่นพลันเกิดเรื่อง
ทัพมังระห้าวหาญชาญรุ่งเรือง
พลครบเครื่องจู่โจมโหมเข้าตี
๐ ศึกรอบด้านกระหน่ำย่ำกลางทัพ
ยากต้านรับปรับพหลจึงป่นปี้
พม่าชาญไพรพฤกษ์ศึกได้ที
บดขยี้ทัพหลวงล่วงแตกยับ
๐ กองทัพหลวงปราชัยไปต่างทิศ
สูญชีวิตยุทธภัณฑ์นั้นเป็นตับ
ยิ่งตะวันเคลื่อนดวงลงล่วงลับ
ศพราวกับป่าช้าต่างหน้าเบือน
๐ ครั้งออกญายมราชประมาทพ่าย
ทัพหลวงแหลกเสียหายซากตายเกลื่อน
กำลังพลถูกบั่นขวัญสะเทือน
กลิ่นโลหิตคลุ้งเปื้อน-เถื่อน,แผ่นดิน
๐ มังมหานรธารุกล่าไล่
ยึดมะริดกุมไว้ได้หมดสิ้น
ด่านสิงขร,ตะนาวศรีที่ได้ยิน
กลายเป็นถิ่นพม่ายาตราทัพ
๐ ข่าวทัพหลวงอื้ออึงถึงทัพหนุน
ท่านเจ้าคุณรัตนาฯหน้าเหงื่อขับ
ไพร่พลมีสองพันยากยันรับ
รบคู่ปรับไพรีที่แปดพัน
๐ ใจทหารร่วงไปใกล้ตาตุ่ม
ไร้ควบคุมสดับข่าวคับขัน
แผนสกัดซุ่มตีปรี่ทันควัน
ลอบห้ำหั่นศัตรูผู้คุกคาม
๐ เฟ้นทหารไพร่กล้าขัดตาทัพ
ไล่ลำดับฝีมือลือสยาม
ไม่มีใครฝากชื่อระบือนาม
น่าเกรงขามเท่ากองของท่าน"ชู"
(มีต่อครับ)
ระนาดเอก