หัวข้อ: นิราศ เริ่มหัวข้อโดย: NONG TS ที่ 05 กุมภาพันธ์ 2010, 12:32:AM นิราศวังหน้า (ฉบับปัญหาชน)
นิราศนี้รจนาศรัทธามั่น สำนึกทุกพระคุณเป็นสำคัญ จึงสร้างสรรค์ตามอย่างครูเพื่อบูชา ประวัติศาสตร์นิพนธ์ต้นของเรื่อง ต้องปราดเปรื่องกว่าใครไทยศึกษา ต้องรู้จริงเห็นแจ้งแหล่งวิชา สู่วังหน้าหาอดีตจิตวิญญาณ ไปเรียนรู้เรื่องราวเล่าความหลัง แต่ก็ยังสงสัยในแก่นสาร ผู้มีส่วนร่วมสร้างซึ่งเหตุการณ์ ความคิดอ่านท่านกล่าวอ้างต่างกันไป ไม่จำเป็นต้องค้นหาว่าถูกผิด แต่ควรคิดจิตมนุษย์สุดหยั่งได้ อย่าฟังความข้างเดียวไม่ว่าใคร ล้วนแต่ให้เหตุผลฝ่ายตนดี นิราศนี้เช่นกันมันไม่ต่าง ก็กล่าวอ้างข้างเดียวลดเลี้ยวหนี ปุถุชนคนสามัญนั้นย่อมมี ทั้งเลวดีทุกคนปะปนกัน เมื่อได้อ่านท่านควรพินิจก่อน บางบทตอนกลอนพาไปตามใจฝัน อย่าได้ถือสาระว่าสำคัญ หรือบางอันอาจจริงแท้สุดแต่มอง นัดพบกันตอนเช้าเข้าวังหน้า ยี่สิบแปดพฤศจิกาฯปีห้าสอง ประวัติศาสตร์,ไทยศึกษา,มาปรองดอง เป็นพี่น้องร่วมคณะสถาบัน อาหารเช้าเจ้าของงานท่านเตรียมไว้ ซึ้งน้ำใจได้อิ่มหนำสำราญนั่น ทั้งดอกไม้ไหว้บูชามาครบครัน พร้อมหน้ากันแล้วเริ่มดำเนินการ สักการะพระพิฆเณศวร เทพแห่งมวลศิลปะทุกขนาน แม้กอรปกิจคิดสิ่งใดในการงาน อธิษฐานประทานพรวิงวอนไป เป็นที่พึ่งทางใจให้มนุษย์ อ่อนแอสุดจึงต้องสร้างอ้างอิงได้ เทพเจ้าเข้าทรงทุกองค์ไป สร้างแล้วให้ครอบงำนำใจคน ที่กล่าวไปใช่ว่าจะกล้าแกร่ง เพียงแต่แสร้งแข็งไว้ก่อนซ่อนสับสน หวังสักวันนั้นอยู่ได้ด้วยใจตน คงหลุดพ้นวนวัฏสังขารา เข้าสู่โบสถ์ “บวรสถานสุทธาวาส” แหล่งประกาศฝีมือช่างชวนศึกษา จิตรกรรมล้ำเลิศศิลป์ละลานตา ทั้งเมืองฟ้าเมืองมนุษย์สุดบรรยาย เขียนเรื่องราวเก่าก่อนสะท้อนภาพ ได้ซึมซาบวิถีมีความหมาย ว่าเรานี้มิได้อยู่อย่างเดียวดาย ชนหลากหลายก็กลายเกลื่อนไทยเหมือนกัน ก้มกราบพระปฏิมาว่านะโม ละโมโหโลภะละเพ้อฝัน ทุกสิ่งคืออนัตตาอย่าหลงมัน ที่คิดนั้นแค่ปลอบใจให้ปล่อยปลง เพราะความจริงยิ่งมีมากยิ่งอยากได้ กิเลศไซร้ตัณหาพาใหลหลง ทั้งที่รู้ร่างกายเมื่อตายลง เหลือแต่ผงเถ้าธุลีดีชั่วกรรม มองที่พื้นอุโบสถสลดนัก อนุรักษ์สักแต่ว่าวางขยำ ซากสิ่งของกองเกะกะเตะตาตำ คนที่ทำทั้งสิ้นศิลปากร รณรงค์รักษ์ไทยก็ไร้ค่า ดุจดั่งว่าไก่ได้พลอยอุทาหรณ์ ลิงได้แหวนแขวนทิ้งไว้ไม่สังวร เพชรทั้งก้อนกลับว่ากรวดรวดร้าวใจ สิ่งที่มีเรามักจะเพิกเฉย หลงละเลยลืมรักษาว่าอยู่ใกล้ หากสักวันอันตรธานตามกาลไป แม้อยากได้ก็ไม่มีที่ทดแทน ออกจากโบสถ์อดสูใจไปกันต่อ เห็นเขาก่อตึกใหม่ใจเศร้าแสน อันเวียงวังต่างว่าวิมานแมน กลายเป็นแดนมนุษย์เดินธรรมดา ใดใดในโลกนี้ไม่จีรัง ย่อมผุพังเสื่อมทรามตามพรรษา เกิดแล้วดับนับสูงต่ำกรรมนำพา อนิจจาข้าหรือเจ้าก็เท่ากัน สักการะพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว สำนึกตัวแผ่นดินไทยได้คงมั่น บูรพกษัตริย์สถาบัน ล้วนป้องกันอริราชตลอดมา ทุกวันนี้มีแผ่นดินแต่สิ้นชาติ มุ่งปรามาสอวดอ้างสร้างปัญหา หลงอำนาจขาดสำนึกนำปัญญา เรียกร้องหาสามัคคีมีแต่ลม การปกครองระบอบใดไม่ยึดติด แต่ชีวิตต้องอยู่ดีมีสุขสม ทำหน้าที่มีแต่จิตคิดชื่นชม ทำชั่วจมธรณีมีโทษทัณฑ์ เมืองแบบนี้เคยอ่านตำนานเก่า นำมาเล่าเป็นเรื่องเมืองในฝัน ก้มกราบพระปิ่นเกล้าเราตื่นพลัน ยอมรับมันความจริงสิ่งที่เป็น ใจระรื่นชื่นชมหมู่พระวิมาน อลังการศิลปะตระการเด่น พระที่นั่งยังตระหง่านผ่านร้อนเย็น หลับตาเห็นภาพเก่าราวละคร ข้าราชบริพารคลานหมอบเฝ้า วังหน้าเจ้าคราวเมื่อต้องถอดถอน ทุกข์ระทมข่มใจไม่เว้าวอน เรื่องกาลก่อนเมื่อได้ฟังฝังใจจำ เห็นเขาซ่อมยิ่งสงสารสถานที่ ราวกุลีก่อสร้างช่างน่าขำ ทองอร่ามงามตามอย่างที่อยากทำ คงจดจำมาจากฉากลิเก ก้าวเข้าในตำหนักแดงแฝงความหลัง โต๊ะเตียงตั่งตั้งไว้ไม่สนเท่ห์ แต่เรื่องรักชักนำใจให้รวนเร ครุ่นคะเนว่ารักเกิดอย่างไร เมื่อมีรักมักมีทุกข์ปนสุขเศร้า แต่ใครเล่าจะห้ามความรักได้ แม้ผิดหวังยังรักปักแน่นใจ เก็บซ่อนไว้ไม่แสดงแกล้งเฉยชา ใจดวงร้าวเอาความรักฝากไว้ก่อน จำจากจรขอตำหนักช่วยรักษา นานเท่าใดไม่กำหนดหมดเวลา ฝากจนกว่าใจเข้มแข็งจึงขอคืน แดดเริ่มสายกายเริ่มล้าขาต้องก้าว ร้อยเรื่องราวต้องเรียนรู้อยู่ดาษดื่น ทุกอณูแผ่นดินนี้ที่เหยียบยืน มิใช่อื่นประวัติศาสตร์ของชาติไทย ทั้งหอกดาบคราบผ้าเก่าก็เล่าเรื่อง สร้างบ้านเมืองด้วยชีวิตอุทิศให้ ทุกวันนี้มีแต่กินแผ่นดินไป คงเหลือไว้ผ้าเศษเช็ดน้ำตา หรือเราหลงทะนงในเอกราช ป่าวประกาศขาดรู้จริงหยิ่งนักหนา สุขสบายได้ยินแต่นินทา ยังอ้างว่าจะรักชาติจนชีพวาย ไปอีกห้องมองศิลาจารึกกร่อน ตัวอักษรอ่อนจางเลือนลางหาย หินก้อนแกร่งแค่แรงลมยังละลาย จึงอย่าหมายว่าใจคนจะทนทาน แม้งาช้างอย่างยิ่งใหญ่ยังไม่เว้น แกะเกลาเป็นลักษณะสอดผสาน จากความเชื่อสู่ศรัทธามายาวนาน ถ่ายทอดผ่านกาลเวลาสาธุชน คุณค่าแท้ของวัตถุอยู่ที่ไหน อยู่ที่ใจคิดสร้างทางกุศล ทั้งศิลาหรืองางามตามกมล ก็ไม่พ้นสูญสลายไปสักวัน แม้องค์พระปฏิมาอย่ายึดติด เพียงประดิษฐ์เอาไว้ยึดใจมั่น เข้าถึงแก่นหลักธรรมเป็นสำคัญ มุ่งนิรันดร์อันหลุดพ้นวนเวียนกรรม แต่กิเลศเหตุความอยากยังมากอยู่ ถึงจะรู้แต่จิตใจมักใฝ่ต่ำ มีตัวกู ของกู เป็นประจำ จึงเจ็บช้ำเพราะทำร้ายแต่ใจตน ยกมือไหว้องค์พระแล้วละจาก ราวเปลี่ยนฉากเปลี่ยนอารมณ์ข่มใจหม่น เห็นหัวโขนหุ่นละครย้อนให้ยล ชีวิตคนก็ไม่ต่างอย่างละคร สวมหัวโขนแล้วแสดงแบ่งบทบาท มีอำนาจตามหัวใส่หวงไว้ก่อน กลัวหัวหายหลายหัวผลัดจัดตามตอน ลืมสังวรว่ายามตายไปแต่ตัว จริงแล้วเราก็ยังหลงกงตัณหา เที่ยวนินทาด่าก่นคนอื่นทั่ว เมื่ออยากมีแต่ไม่ได้ใจหมองมัว ยังสวมหัวตัวละครเหมือนทุกคน ต้องเรียนรู้ยอมรับแล้วเล่นต่อ เหนื่อยทนท้อทุกข์ถมทับจนสับสน ก้มกราบพระสิหิงค์มิ่งมงคล ขอใจตนอย่าตกต่ำกว่านี้เลย อยากให้ใจใสผ่องดั่งทองพระ รู้ผัสสะอย่าไหวติงให้นิ่งเฉย อย่าหลงตามความอยากที่คุ้นเคย อย่าหลงเลยตามอารมณ์ข่มอัตตา มององค์พระสิหิงค์นิ่งสงบ เมื่อมาพบก็ไม่อยากจากวังหน้า แต่หน้าที่กำหนดหมดเวลา เดินจากมาหน้าวังยังอาลัย รีบทานข้าวเราต้องไปสอบต่อ ถึงจะท้อก็อย่าบ่นทนให้ได้ ทุกอาจารย์ท่านสอนคงอ่อนใจ โปรดอภัยให้ศิษย์เขลาเบาปัญญา ขอบพระคุณทุกท่านผ่านหนังสือ จะยึดถือศาสน์ใดให้รักษา มีชีวิตยืนหยัดด้วยศรัทธา จงนำพาสู่สุขแท้นิรันดร์เอย น้อง ไทยศึกษา รามคำแหง ๙ ธันวาคม ๒๕๕๓ / ๐๑.๐๐ นาฬิกา |