หัวข้อ: กลอนรัก... เริ่มหัวข้อโดย: jjseed01 ที่ 28 ธันวาคม 2009, 02:01:PM ๐ กลางสายลมโรยละลอก..ท่ามหมอกเช้า เยียบเย็น-เหงา..โลกสรรพ, รูปอัปสร- ค่อยเผยผ่านรุมเร้า..คอยเว้าวอน ให้คำนึงช่วงตอน..เจ้าย้อนคำ ๐ พี่-เช่นยอดหญ้าพลิ้วท่ามริ้วลม แห่งความชื่นฉ่ำ-ฉม..คอยบ่มร่ำ มีความหมายสุมซ้อน..ออดอ้อนนำ ผ่านให้สัมผัสทั่วทั้งหัวใจ ๐ ลู่ระเนนเอนล้ม..ล้อลมร่าย เรียวใบปลิวปัดป่าย..ต้นส่ายไหว เช้าชื่นเมื่อพรมผ่านด้วยหวานใคร แม้น-เยียบเย็นเพียงไหน..ก็ไม่รู้ ๐ ด้วยอบอุ่นอ่อนหวาน..ได้ผ่านล้อม- เพื่อใจน้อมนอบหวานที่ผ่านสู่ น้ำใจเช่นสายน้ำ..ถ้อยคำตรู- ย่อมดำรูรอยร่าง..ที่กลางทรวง ๐ คืนสายลมบ่มโบกจากโลกหนาว ผ่านฟากฟ้าเดือนดาว..ส่งหนาวล่วง- สู่โลกร้อนหญ้าเขียว..เพื่อเรียวรวง- รับรู้ช่วงเหน็บหนาวอีกคราวครั้ง ๐ เรียวยอดหญ้าอ่อนพลิ้วด้วยริ้วลม รอรับชื่นฉ่ำฉม..สายลมหลั่ง พลิ้วยอดเอนไหวลู่..เหมือนรู้ฟัง- ความอ่อนหวานกระซิบสั่ง..อีกครั้งครา ๐ รับรู้ความรื่นรมย์แห่งลมร่ำ อ่อนละมุนหนุนนำ..ราวย้ำว่า- รื่นที่หวนห้อมเห่ห้วงเวลา จนเฝ้าคอยไขว่คว้า-จากฟ้าไกล ๐ ลมลูบเรียวซัดส่ายปัดป่ายยอด นัยพร่ำพลอดสืบหมาย..ก็ส่ายไหว- ย่อมด้วยโดยดุษฎี..ก็ที่ใจ- จะล่องไหลระลอกหวังอีกครั้งคราว ๐ ระยิบเอยเนตรคมกลางลมร่ำ ผ่องผกายร่ายรำในค่ำหนาว ดูเถิด..แววปลดเปลื้องแฝงเรื่องราว- แทนคำกล่าวสั่นรัว..จากหัวใจ ๐ งดงามเอยผกายวับให้นับเนื่อง รอปลงเปลื้องความร้อยผ่านถ้อยไข อย่างแฝงเร้น..งดงามแห่งความนัย- ก็ค่อยไหวลำดับช่วงเข้าพ่วงพัน ๐ บ่ายโบกผ่านลมร่ำแห่งค่ำหนาว ฝ่าเดือนดาวโอบล้อมเข้ากล่อมขวัญ เพื่อโอนอุ่นแอบแฝงเข้าแบ่งปัน ให้เหน็บหนาวทั้งนั้น..ต้องบั่นทอน ๐ ผ่านมาเถิด..เกรียวกรู..ฤดูลม อุ่นจะห่มหนาวร้ายให้ถ่ายถอน ยอดหญ้าเรียว..ลมร่ำ..ถ้อยคำวอน- จะร่วมฟ้อนฝากช่วง..บำบวงฟ้า ๐ เพื่อหอมหวานต่างตอนได้ย้อนสู่- ร่วมรับรู้ใฝ่ฝันร่วมฟันฝ่า- ฝาก-อบอุ่นโลมไล้ผู้ไกลตา แทนอ้อนแขนปรารถนา..ผู้อาลัย ๐ ชื่น..สายลมบ่มโบกจากโลกหนาว เมื่อสองดาวดวงนั้น..คล้ายสั่นไหว- ตอบรับความหอมกรุ่น..แห่งอุ่นไอ- ที่หลั่งไหลซ่านซึ้งเข้าตรึงตน ๐ คล้าย-ความคิดถึงกันในวันนี้ นับครั้งที่..มีนั้น..นับพันหน คล้าย-ความนัยอกชาย..ที่ว่าย-วน ทุกครั้งหน..ถวิลอยู่แต่ผู้เดียว ๐ เมื่อ..บทเพลงปฏิพัทธ์ระบัดบ่ม ย่อมปรารมภ์..ถวิลแต่ชะแง้เหลียว เมื่อ..อ่อนหวานรำร่าย-ที่คลายเกลียว- พันโน้มเหนี่ยวร่วมหมาย..คือ-สายใย ๐ เมื่อสายลมบ่มโบกจากโลกหนาว คืนเรื่องราวตอกย้ำ..ผ่านคำไข ก็ด้วยโดยซาบซึ้งของหนึ่งใจ ที่อ่อนไหวรับรู้..ฤดูลม ๐ เกสรดอกไม้หอม..ที่ยอมหลั่ง- หอมประดังถิ่นอยู่ให้รู้ฉม ต่างฤๅหอมเสน่หา..ห้วงอารมณ์- ที่จ่อมจมหอมอยู่..ฤๅรู้พอ ? emo_100 emo_100 ขอบคุณสำหรับ การ คอมเม้นท์ emo_100 emo_100 หัวข้อ: Re: กลอนรัก... เริ่มหัวข้อโดย: แพรว >w< ที่ 28 ธันวาคม 2009, 11:26:PM สายลมหวนชวนหอมพยอมกรุ่น รุ่งอรุณอุ่นไอใจหวานหวาน เสียงกระซิบรักปักพักเพียงผ่าน จะยาวนานกาลฤาพี่ยาเอ๋ย น้องโน้มเอียงเบี่ยงใจใฝ่หาพี่ โอ้ฤดีน้องปองตระกองเอ่ย รักปักจิตพินิจแล้วแพรวเพลินเลย ฤทัยเคยเชยชมสมทรวงล้ำ น้ำค้างพรมจมรักปักใจพี่ ตัวน้องนี้มิมีวันยีย่ำ จะปักใจใฝ่รักภักดีคำ ทุกสิ่งซ้ำเว้าวอนไม่ห่อนคลา อันกลอนรักพักใจใส่รักล้อม ประโคมพร้อมอ้อมรักพักใจหา น้องรักพี่นี้แล้วไม่แคล้วว่า ไม่เลือนลาลืมเลือนเตือนตนจำ อันกวีที่แต่งกลอนวอนความรัก ใจสมัครปักจิตแต่งแฝงครวญคร่ำ ปรารถนาค่ารักปักหนักย้ำ ใฝ่หาคำรักมาเติมค่าใจ จะมีใหมใครเคียงเอียงแนบข้าง ใจเจือนลางร้างรักหักวอนไว้ เพียงสักคนค้นรักแท้แพ้มอบให้ น้องจะกอบกลอนรักไว้ให้เพียงเธอ (http://img8.imageshack.us/img8/6901/15line26om8.gif) ปล.ทักทายค่ะคุณพี่ JJSEED01 (แต่งกลอนเก่งจังอ่ะค่ะ + ให้เลย อิอิ++) emo_95 หัวข้อ: Re: กลอนรัก... เริ่มหัวข้อโดย: ดอกกระเจียว ที่ 07 มกราคม 2010, 05:28:PM โอ้ต่ำต้อยด้อยค่าหากว่ารัก
ใครกันนั่นฉันปักใจรักแล้ว รักเล่นเล่นเข็ญใจไร้วี่แวว คงกินแห้วอกเดาะเพราะรักคุณ แม้นเหมือนบัวสี่เหล่าเราเข้าขั้น เปรียบวงษ์วรรณตัวเราเล่าว้าวุ่น สี่วรรณะอนิจาโปรดการุญ ขั้นที่สี่นี้ไม่คุ้นกับคุณเลย ในนิทานชาดกสาทกไว้ เป็นเรื่องของหัวใจใคร่เฉลย เรวัตรักลีลาวดีนี้คุ้นเคย เกินเปิดเผยวรรณะห่างต่างกันไกล เรวัตนั้นจันทานวรรณะต่ำ ลีลาวดีสูงล้ำพิสมัย เป็นเศรษฐีรูปงามหนอทรามวัย กลับมีใจให้ลูกทาสประหลาดจัง แล้วทั้งสองปวดร้าวและเศร้าหนัก ไม่สมรักช้ำจิตเพราะผิดหวัง ด้วยความต่างของวรรณะอนิจจัง มันน่าหลั่งน้ำตาให้จริงไหมคุณ เหมือนดั่งเรารักใครไม่หวังอื่น ทุกวันคืนใฝ่หาอย่างว้าวุ่น ในข้างกายคืนนี้หากมีคุณ เหลือจะอุ่นจวบแจ้งแสงตะวัน ดอกกระเจียว emo_22 emo_22 emo_26 หัวข้อ: Re: กลอนรัก... เริ่มหัวข้อโดย: สายใย ที่ 07 มกราคม 2010, 06:49:PM ๐ กลางสายลมโรยละลอก..ท่ามหมอกเช้า เยียบเย็น-เหงา..โลกสรรพ, รูปอัปสร- ค่อยเผยผ่านรุมเร้า..คอยเว้าวอน ให้คำนึงช่วงตอน..เจ้าย้อนคำ ๐ พี่-เช่นยอดหญ้าพลิ้วท่ามริ้วลม แห่งความชื่นฉ่ำ-ฉม..คอยบ่มร่ำ มีความหมายสุมซ้อน..ออดอ้อนนำ ผ่านให้สัมผัสทั่วทั้งหัวใจ ๐ ลู่ระเนนเอนล้ม..ล้อลมร่าย เรียวใบปลิวปัดป่าย..ต้นส่ายไหว เช้าชื่นเมื่อพรมผ่านด้วยหวานใคร แม้น-เยียบเย็นเพียงไหน..ก็ไม่รู้ ๐ ด้วยอบอุ่นอ่อนหวาน..ได้ผ่านล้อม- เพื่อใจน้อมนอบหวานที่ผ่านสู่ น้ำใจเช่นสายน้ำ..ถ้อยคำตรู- ย่อมดำรูรอยร่าง..ที่กลางทรวง ๐ คืนสายลมบ่มโบกจากโลกหนาว ผ่านฟากฟ้าเดือนดาว..ส่งหนาวล่วง- สู่โลกร้อนหญ้าเขียว..เพื่อเรียวรวง- รับรู้ช่วงเหน็บหนาวอีกคราวครั้ง ๐ เรียวยอดหญ้าอ่อนพลิ้วด้วยริ้วลม รอรับชื่นฉ่ำฉม..สายลมหลั่ง พลิ้วยอดเอนไหวลู่..เหมือนรู้ฟัง- ความอ่อนหวานกระซิบสั่ง..อีกครั้งครา ๐ รับรู้ความรื่นรมย์แห่งลมร่ำ อ่อนละมุนหนุนนำ..ราวย้ำว่า- รื่นที่หวนห้อมเห่ห้วงเวลา จนเฝ้าคอยไขว่คว้า-จากฟ้าไกล ๐ ลมลูบเรียวซัดส่ายปัดป่ายยอด นัยพร่ำพลอดสืบหมาย..ก็ส่ายไหว- ย่อมด้วยโดยดุษฎี..ก็ที่ใจ- จะล่องไหลระลอกหวังอีกครั้งคราว ๐ ระยิบเอยเนตรคมกลางลมร่ำ ผ่องผกายร่ายรำในค่ำหนาว ดูเถิด..แววปลดเปลื้องแฝงเรื่องราว- แทนคำกล่าวสั่นรัว..จากหัวใจ ๐ งดงามเอยผกายวับให้นับเนื่อง รอปลงเปลื้องความร้อยผ่านถ้อยไข อย่างแฝงเร้น..งดงามแห่งความนัย- ก็ค่อยไหวลำดับช่วงเข้าพ่วงพัน ๐ บ่ายโบกผ่านลมร่ำแห่งค่ำหนาว ฝ่าเดือนดาวโอบล้อมเข้ากล่อมขวัญ เพื่อโอนอุ่นแอบแฝงเข้าแบ่งปัน ให้เหน็บหนาวทั้งนั้น..ต้องบั่นทอน ๐ ผ่านมาเถิด..เกรียวกรู..ฤดูลม อุ่นจะห่มหนาวร้ายให้ถ่ายถอน ยอดหญ้าเรียว..ลมร่ำ..ถ้อยคำวอน- จะร่วมฟ้อนฝากช่วง..บำบวงฟ้า ๐ เพื่อหอมหวานต่างตอนได้ย้อนสู่- ร่วมรับรู้ใฝ่ฝันร่วมฟันฝ่า- ฝาก-อบอุ่นโลมไล้ผู้ไกลตา แทนอ้อนแขนปรารถนา..ผู้อาลัย ๐ ชื่น..สายลมบ่มโบกจากโลกหนาว เมื่อสองดาวดวงนั้น..คล้ายสั่นไหว- ตอบรับความหอมกรุ่น..แห่งอุ่นไอ- ที่หลั่งไหลซ่านซึ้งเข้าตรึงตน ๐ คล้าย-ความคิดถึงกันในวันนี้ นับครั้งที่..มีนั้น..นับพันหน คล้าย-ความนัยอกชาย..ที่ว่าย-วน ทุกครั้งหน..ถวิลอยู่แต่ผู้เดียว ๐ เมื่อ..บทเพลงปฏิพัทธ์ระบัดบ่ม ย่อมปรารมภ์..ถวิลแต่ชะแง้เหลียว เมื่อ..อ่อนหวานรำร่าย-ที่คลายเกลียว- พันโน้มเหนี่ยวร่วมหมาย..คือ-สายใย ๐ เมื่อสายลมบ่มโบกจากโลกหนาว คืนเรื่องราวตอกย้ำ..ผ่านคำไข ก็ด้วยโดยซาบซึ้งของหนึ่งใจ ที่อ่อนไหวรับรู้..ฤดูลม ๐ เกสรดอกไม้หอม..ที่ยอมหลั่ง- หอมประดังถิ่นอยู่ให้รู้ฉม ต่างฤๅหอมเสน่หา..ห้วงอารมณ์- ที่จ่อมจมหอมอยู่..ฤๅรู้พอ ? emo_100 emo_100 ขอบคุณสำหรับ การ คอมเม้นท์ emo_100 emo_100 อยากจะเขียนกลอนรักอีกสักครั้ง อยากจะหวังว่าใจได้พบฝัน โอ้รักเอยเคยหวานไม่นานครัน กลับแปรผันบั่นทอนจนรอนร้าว เมื่อพบรักชักพาให้ว้าวุ่น เมื่อพบคุณครุ่นคะนึงคิดถึงสาว เขียนกลอนรักร้างลาน้ำตาพราว อยากจะกล่าวคำรัก...ต้องหักใจ emo_55 ....ไปเจอกลอนเหมือนของคุณ jjseed01 เลยครับ ไม่ทราบว่าเป็น นามปากกาท่านเดียวกันหรือเปล่านะ... ที่นี่ครับ... http://www.thaipoem.com/forever/ipage/poem123127.html (http://www.thaipoem.com/forever/ipage/poem123127.html) emo_28ป.ล. เป็นบทกวีที่ไพเราะมากครับ emo_28 หัวข้อ: Re: กลอนรัก... เริ่มหัวข้อโดย: jjseed01 ที่ 22 มกราคม 2010, 09:45:PM อ๋อ ครับ ผม แต่งเอง คับ เขา มาก๊อบ ของผม ปล่าว นิ emo_40 emo_40 ลองไปถามเขา ดู ละ กาน แต่ ผม แต่ง เอง คับ
ปล. ต้อง ตอบ เพราะ เผื่อ มี การ เข้า จัย ผิด กาน นะคับ ฝัน ดีทุกคน หัวข้อ: Re: กลอนรัก... เริ่มหัวข้อโดย: hort39 ที่ 23 มกราคม 2010, 09:36:AM ๐ กลางสายลมโรยละลอก..ท่ามหมอกเช้า เยียบเย็น-เหงา..โลกสรรพ, รูปอัปสร- ค่อยเผยผ่านรุมเร้า..คอยเว้าวอน ให้คำนึงช่วงตอน..เจ้าย้อนคำ ๐ พี่-เช่นยอดหญ้าพลิ้วท่ามริ้วลม แห่งความชื่นฉ่ำ-ฉม..คอยบ่มร่ำ มีความหมายสุมซ้อน..ออดอ้อนนำ ผ่านให้สัมผัสทั่วทั้งหัวใจ ๐ ลู่ระเนนเอนล้ม..ล้อลมร่าย เรียวใบปลิวปัดป่าย..ต้นส่ายไหว เช้าชื่นเมื่อพรมผ่านด้วยหวานใคร แม้น-เยียบเย็นเพียงไหน..ก็ไม่รู้ ๐ ด้วยอบอุ่นอ่อนหวาน..ได้ผ่านล้อม- เพื่อใจน้อมนอบหวานที่ผ่านสู่ น้ำใจเช่นสายน้ำ..ถ้อยคำตรู- ย่อมดำรูรอยร่าง..ที่กลางทรวง ๐ คืนสายลมบ่มโบกจากโลกหนาว ผ่านฟากฟ้าเดือนดาว..ส่งหนาวล่วง- สู่โลกร้อนหญ้าเขียว..เพื่อเรียวรวง- รับรู้ช่วงเหน็บหนาวอีกคราวครั้ง ๐ เรียวยอดหญ้าอ่อนพลิ้วด้วยริ้วลม รอรับชื่นฉ่ำฉม..สายลมหลั่ง พลิ้วยอดเอนไหวลู่..เหมือนรู้ฟัง- ความอ่อนหวานกระซิบสั่ง..อีกครั้งครา ๐ รับรู้ความรื่นรมย์แห่งลมร่ำ อ่อนละมุนหนุนนำ..ราวย้ำว่า- รื่นที่หวนห้อมเห่ห้วงเวลา จนเฝ้าคอยไขว่คว้า-จากฟ้าไกล ๐ ลมลูบเรียวซัดส่ายปัดป่ายยอด นัยพร่ำพลอดสืบหมาย..ก็ส่ายไหว- ย่อมด้วยโดยดุษฎี..ก็ที่ใจ- จะล่องไหลระลอกหวังอีกครั้งคราว ๐ ระยิบเอยเนตรคมกลางลมร่ำ ผ่องผกายร่ายรำในค่ำหนาว ดูเถิด..แววปลดเปลื้องแฝงเรื่องราว- แทนคำกล่าวสั่นรัว..จากหัวใจ ๐ งดงามเอยผกายวับให้นับเนื่อง รอปลงเปลื้องความร้อยผ่านถ้อยไข อย่างแฝงเร้น..งดงามแห่งความนัย- ก็ค่อยไหวลำดับช่วงเข้าพ่วงพัน ๐ บ่ายโบกผ่านลมร่ำแห่งค่ำหนาว ฝ่าเดือนดาวโอบล้อมเข้ากล่อมขวัญ เพื่อโอนอุ่นแอบแฝงเข้าแบ่งปัน ให้เหน็บหนาวทั้งนั้น..ต้องบั่นทอน ๐ ผ่านมาเถิด..เกรียวกรู..ฤดูลม อุ่นจะห่มหนาวร้ายให้ถ่ายถอน ยอดหญ้าเรียว..ลมร่ำ..ถ้อยคำวอน- จะร่วมฟ้อนฝากช่วง..บำบวงฟ้า ๐ เพื่อหอมหวานต่างตอนได้ย้อนสู่- ร่วมรับรู้ใฝ่ฝันร่วมฟันฝ่า- ฝาก-อบอุ่นโลมไล้ผู้ไกลตา แทนอ้อนแขนปรารถนา..ผู้อาลัย ๐ ชื่น..สายลมบ่มโบกจากโลกหนาว เมื่อสองดาวดวงนั้น..คล้ายสั่นไหว- ตอบรับความหอมกรุ่น..แห่งอุ่นไอ- ที่หลั่งไหลซ่านซึ้งเข้าตรึงตน ๐ คล้าย-ความคิดถึงกันในวันนี้ นับครั้งที่..มีนั้น..นับพันหน คล้าย-ความนัยอกชาย..ที่ว่าย-วน ทุกครั้งหน..ถวิลอยู่แต่ผู้เดียว ๐ เมื่อ..บทเพลงปฏิพัทธ์ระบัดบ่ม ย่อมปรารมภ์..ถวิลแต่ชะแง้เหลียว เมื่อ..อ่อนหวานรำร่าย-ที่คลายเกลียว- พันโน้มเหนี่ยวร่วมหมาย..คือ-สายใย ๐ เมื่อสายลมบ่มโบกจากโลกหนาว คืนเรื่องราวตอกย้ำ..ผ่านคำไข ก็ด้วยโดยซาบซึ้งของหนึ่งใจ ที่อ่อนไหวรับรู้..ฤดูลม ๐ เกสรดอกไม้หอม..ที่ยอมหลั่ง- หอมประดังถิ่นอยู่ให้รู้ฉม ต่างฤๅหอมเสน่หา..ห้วงอารมณ์- ที่จ่อมจมหอมอยู่..ฤๅรู้พอ ? emo_100 emo_100 ขอบคุณสำหรับ การ คอมเม้นท์ emo_100 emo_100 อยากจะเขียนกลอนรักอีกสักครั้ง อยากจะหวังว่าใจได้พบฝัน โอ้รักเอยเคยหวานไม่นานครัน กลับแปรผันบั่นทอนจนรอนร้าว เมื่อพบรักชักพาให้ว้าวุ่น เมื่อพบคุณครุ่นคะนึงคิดถึงสาว เขียนกลอนรักร้างลาน้ำตาพราว อยากจะกล่าวคำรัก...ต้องหักใจ emo_55 ....ไปเจอกลอนเหมือนของคุณ jjseed01 เลยครับ ไม่ทราบว่าเป็น นามปากกาท่านเดียวกันหรือเปล่านะ... ที่นี่ครับ... [url]http://www.thaipoem.com/forever/ipage/poem123127.html[/url] ([url]http://www.thaipoem.com/forever/ipage/poem123127.html[/url]) emo_28ป.ล. เป็นบทกวีที่ไพเราะมากครับ emo_28 เป็นบทกลอนชวนซึ้งถึงวันเก่า ทั้งสุขเศร้าเนาว์นานผ่านวัยฝัน อารมณ์รักถ้กทอพ้อรำพัน เหมือนดังกลั่นจากใจให้ชื่นชม (เห็นด้วยกับลุงสายใย ให้เลย ครับ ) |