หัวข้อ: "ดอกนีออน" เริ่มหัวข้อโดย: panomwan ที่ 06 พฤศจิกายน 2009, 04:24:PM ดอกนีออน คืนฟ้ามืดจืดจางดาวพรางฟ้า คนละดาวเจิดจ้าคราวฟ้าค่ำ อยู่ภูธรมุ่งหน้าหางานทำ เจ็บใจช้ำข้าวปลาราคาแพง ดอกอะไรไม่นอนในตอนดึก เป็นดั่งดาวประกายพรึกกระพริบแสง หยาดชีวินรินเหงื่อเพื่อค่าแรง ใต้เงาแห่งเจ้าหนี้ "ดอกนีออน" หัวข้อ: Re: "ดอกนีออน" เริ่มหัวข้อโดย: สุวรรณ ที่ 06 พฤศจิกายน 2009, 05:31:PM แต่ละคืนหยาดเหงื่อน้ำเพรื่อไหล
บ้างโทรมกายในใจให้เหนื่อยอ่อน ทั้งเหน็บหนาวร้อนร้ายแทรกอาภรณ์ บางครั้งนอนถอนสะอื้นรื้นน้ำตา จากบ้านนาลาไร่ห่างไกลทุ่ง มาอยู่กรุงมุ่งหวังสร้างเคหา ปลดหนี้สินดินดอนไถ่ถอนนา ที่ค้างคาให้หมดยอมอดทน เก็บทีละเล็กผสมน้อย ยามใช้สอยอย่างประหยัดยังขัดสน แสนระกำน้ำน้อยๆพลอยเอ่อล้น ไหลท่วมท้นปวดปร่าน้ำตานอง หัวข้อ: Re: "ดอกนีออน" เริ่มหัวข้อโดย: panomwan ที่ 07 พฤศจิกายน 2009, 10:11:PM แนะนำตัว คนรักกลอนกาพย์ ฉันท์ โคลงขั้นเทพ* นิยมเสพกาพย์กลอนอักษรสวรรค์ ขอร่วมบ้านกลอนไทยใช้ชีวัน สืบสร้างสรรค์วรรณศิลป์ไว้ยินยล มีบทกลอนมากมายไม่จืดจาง อยู่ท่ามกลางบทกวีเพื่อพลีผล อายุเหลืออีกไม่นานกาลชีพชนม์ เพียรฝึกฝนบทกลอนอาทรทวี * เทพ-กลอนพาไป ให้สัมผัสกับคำว่าเสพ นะครับ หัวข้อ: Re: "ดอกนีออน" เริ่มหัวข้อโดย: สิบคน ที่ 07 พฤศจิกายน 2009, 10:40:PM ดอกนีออน
ดอกนีออน เบ่งบาน ต้านความมืด แม้แสงจืด มิสู้ตาม ยามเดือนฉาย แต่นีออน ส่องสว่าง ไม่ห่างกาย มิใช่แสง พร่างพราย อยู่ปลายฟ้า ฉันจึงเอื้อม คว้าไว้ กอดไออุ่น ขอแนบหนุน สิ่งใกล้สุด หยุดค้นหา เพราะว่าไกล ที่เฝ้าใฝ่ ให้ได้มา ก็ใช่ว่า จะเลอค่า เสมอไป สิบคน หัวข้อ: Re: "ดอกนีออน" เริ่มหัวข้อโดย: panomwan ที่ 12 พฤศจิกายน 2009, 09:14:PM ดอกนีออนไม่อาจบานต้านความมืด [/b]ไฟความฝันอาจจืดจนจางแสง ใจที่ล้ากายที่ร้อนเริ่มอ่อนแรง ไม่อาจแข่งขื่นค้นด้นราตรี หัวข้อ: Re: "ดอกนีออน" เริ่มหัวข้อโดย: สายใย ที่ 12 พฤศจิกายน 2009, 09:35:PM ดอกนีออนไม่อาจบานต้านความมืด ไฟความฝันอาจจืดจนจางแสง ใจที่ล้ากายที่ร้อนเริ่มอ่อนแรง ไม่อาจแข่งขื่นค้นด้นราตรี......( panomwan ) โอ้เจ้าดอกไม้ดึกบานคึกคัก กรำงานหนักในแหล่งแห่งแสงสี โอกาสพักหายใจเกือบไม่มี เจ้าดอกนีออนหลงลืมพงไพร........(ส.ย.) หัวข้อ: Re: "ดอกนีออน" เริ่มหัวข้อโดย: panomwan ที่ 12 พฤศจิกายน 2009, 10:53:PM ดอกนีออนไม่อาจบานต้านความมืด [/b]ไฟความฝันอาจจืดจนจางแสง ใจที่ล้ากายที่ร้อนเริ่มอ่อนแรง ไม่อาจแข่งขื่นค้นด้นราตรี......( panomwan ) โอ้เจ้าดอกไม้ดึกบานคึกคัก กรำงานหนักในแหล่งแห่งแสงสี โอกาสพักหายใจเกือบไม่มี เจ้าดอกนีออนหลงลืมพงไพร........(ส.ย.) โพ้นฟากฟ้าราตรีหรี่ไฟแสง ไฟเมืองหลวงราคาแพงแรงไฟใส่ สิ้นแสงเทียนสีทองที่ส่องใจ มืดอยู่ไนไฟสี "ดอกนีออน" (พนมวัลย์) หัวข้อ: Re: "ดอกนีออน" เริ่มหัวข้อโดย: สายใย ที่ 12 พฤศจิกายน 2009, 11:08:PM ดอกนีออนไม่อาจบานต้านความมืด [/b]ไฟความฝันอาจจืดจนจางแสง ใจที่ล้ากายที่ร้อนเริ่มอ่อนแรง ไม่อาจแข่งขื่นค้นด้นราตรี......( panomwan ) โอ้เจ้าดอกไม้ดึกบานคึกคัก กรำงานหนักในแหล่งแห่งแสงสี โอกาสพักหายใจเกือบไม่มี เจ้าดอกนีออนหลงลืมพงไพร........(ส.ย.) โพ้นฟากฟ้าราตรีหรี่ไฟแสง ไฟเมืองหลวงราคาแพงแรงไฟใส่ สิ้นแสงเทียนสีทองที่ส่องใจ มืดอยู่ไนไฟสี "ดอกนีออน" (พนมวัลย์) เธอหลงลมซมซานจากบ้านป่า เพื่อมาหางานทำตามคำสอน เพียงดีกรีชาวนาป่าดงดอน ดอกนีออนร่อนแฝงใต้แสงไฟ........(ส.ย.) หัวข้อ: Re: "ดอกนีออน" เริ่มหัวข้อโดย: ชัยวภัทร ที่ 12 พฤศจิกายน 2009, 11:23:PM ดอกนีออนไม่อาจบานต้านความมืด [/b]ไฟความฝันอาจจืดจนจางแสง ใจที่ล้ากายที่ร้อนเริ่มอ่อนแรง ไม่อาจแข่งขื่นค้นด้นราตรี......( panomwan ) โอ้เจ้าดอกไม้ดึกบานคึกคัก กรำงานหนักในแหล่งแห่งแสงสี โอกาสพักหายใจเกือบไม่มี เจ้าดอกนีออนหลงลืมพงไพร........(ส.ย.) โพ้นฟากฟ้าราตรีหรี่ไฟแสง ไฟเมืองหลวงราคาแพงแรงไฟใส่ สิ้นแสงเทียนสีทองที่ส่องใจ มืดอยู่ไนไฟสี "ดอกนีออน" (พนมวัลย์) เธอหลงลมซมซานจากบ้านป่า เพื่อมาหางานทำตามคำสอน เพียงดีกรีชาวนาป่าดงดอน ดอกนีออนร่อนแฝงใต้แสงไฟ........(ส.ย.) คราบน้ำตาบ่านองใจหมองหม่น "ดอกนีออน" ร้อนรนเจียนหม่นไหม้ ทุกนาทีมีทุกข์เกินสุขใจ จะหยัดยืนอย่างไรใต้ "นีออน"(ชัยวภัทร) หัวข้อ: Re: "ดอกนีออน" เริ่มหัวข้อโดย: ตะวันฉาย ที่ 13 พฤศจิกายน 2009, 12:36:PM ดอกนีออนไม่อาจบานต้านความมืด
ไฟความฝันอาจจืดจนจางแสง ใจที่ล้ากายที่ร้อนเริ่มอ่อนแรง ไม่อาจแข่งขื่นค้นด้นราตรี......( panomwan ) โอ้เจ้าดอกไม้ดึกบานคึกคัก กรำงานหนักในแหล่งแห่งแสงสี โอกาสพักหายใจเกือบไม่มี เจ้าดอกนีออนหลงลืมพงไพร........(ส.ย.) โพ้นฟากฟ้าราตรีหรี่ไฟแสง ไฟเมืองหลวงราคาแพงแรงไฟใส่ สิ้นแสงเทียนสีทองที่ส่องใจ มืดอยู่ไนไฟสี "ดอกนีออน" (พนมวัลย์) เธอหลงลมซมซานจากบ้านป่า เพื่อมาหางานทำตามคำสอน เพียงดีกรีชาวนาป่าดงดอน ดอกนีออนร่อนแฝงใต้แสงไฟ........(ส.ย.) คราบน้ำตาบ่านองใจหมองหม่น "ดอกนีออน" ร้อนรนเจียนหม่นไหม้ ทุกนาทีมีทุกข์เกินสุขใจ จะหยัดยืนอย่างไรใต้ "นีออน".......(ชัยวภัทร) เก็บน้ำตาหลั่งรินให้สิ้นคราบ ให้หมดตราบหยดสุดท้ายไว้ใต้หมอน ลุกยืนสู้ใต้แสงไฟอย่าร้าวรอน ดอกนีออนยังสาดผ่องส่องนำทาง.........(ตะวันฉาย) หัวข้อ: Re: "ดอกนีออน" เริ่มหัวข้อโดย: ปลายดินสอ ที่ 13 พฤศจิกายน 2009, 12:45:PM ดอกนีออนไม่อาจบานต้านความมืด
ไฟความฝันอาจจืดจนจางแสง ใจที่ล้ากายที่ร้อนเริ่มอ่อนแรง ไม่อาจแข่งขื่นค้นด้นราตรี......( panomwan ) โอ้เจ้าดอกไม้ดึกบานคึกคัก กรำงานหนักในแหล่งแห่งแสงสี โอกาสพักหายใจเกือบไม่มี เจ้าดอกนีออนหลงลืมพงไพร........(ส.ย.) โพ้นฟากฟ้าราตรีหรี่ไฟแสง ไฟเมืองหลวงราคาแพงแรงไฟใส่ สิ้นแสงเทียนสีทองที่ส่องใจ มืดอยู่ไนไฟสี "ดอกนีออน" (พนมวัลย์) เธอหลงลมซมซานจากบ้านป่า เพื่อมาหางานทำตามคำสอน เพียงดีกรีชาวนาป่าดงดอน ดอกนีออนร่อนแฝงใต้แสงไฟ........(ส.ย.) คราบน้ำตาบ่านองใจหมองหม่น "ดอกนีออน" ร้อนรนเจียนหม่นไหม้ ทุกนาทีมีทุกข์เกินสุขใจ จะหยัดยืนอย่างไรใต้ "นีออน".......(ชัยวภัทร) เก็บน้ำตาหลั่งรินให้สิ้นคราบ ให้หมดตราบหยดสุดท้ายไว้ใต้หมอน ลุกยืนสู้ใต้แสงไฟอย่าร้าวรอน ดอกนีออนยังสาดผ่องส่องนำทาง.........(ตะวันฉาย) ต้องยืนหยัดแม้ถูกเสียดเหยียดศักดิ์ศรี เพื่อแม่พ่อพี่น้องดีมีสุขสม ดอกนีออนกร่อนกล้าคราต้องลม เก็บความเศร้าระทมตรมวิญญา พันนะคีตา หัวข้อ: Re: "ดอกนีออน" เริ่มหัวข้อโดย: บ้านกลอนไทย ที่ 13 พฤศจิกายน 2009, 01:32:PM ดอกนีออนไม่อาจบานต้านความมืด ไฟความฝันอาจจืดจนจางแสง ใจที่ล้ากายที่ร้อนเริ่มอ่อนแรง ไม่อาจแข่งขื่นค้นด้นราตรี......( panomwan ) โอ้เจ้าดอกไม้ดึกบานคึกคัก กรำงานหนักในแหล่งแห่งแสงสี โอกาสพักหายใจเกือบไม่มี เจ้าดอกนีออนหลงลืมพงไพร........(ส.ย.) โพ้นฟากฟ้าราตรีหรี่ไฟแสง ไฟเมืองหลวงราคาแพงแรงไฟใส่ สิ้นแสงเทียนสีทองที่ส่องใจ มืดอยู่ไนไฟสี "ดอกนีออน" (พนมวัลย์) เธอหลงลมซมซานจากบ้านป่า เพื่อมาหางานทำตามคำสอน เพียงดีกรีชาวนาป่าดงดอน ดอกนีออนร่อนแฝงใต้แสงไฟ........(ส.ย.) คราบน้ำตาบ่านองใจหมองหม่น "ดอกนีออน" ร้อนรนเจียนหม่นไหม้ ทุกนาทีมีทุกข์เกินสุขใจ จะหยัดยืนอย่างไรใต้ "นีออน".......(ชัยวภัทร) เก็บน้ำตาหลั่งรินให้สิ้นคราบ ให้หมดตราบหยดสุดท้ายไว้ใต้หมอน ลุกยืนสู้ใต้แสงไฟอย่าร้าวรอน ดอกนีออนยังสาดผ่องส่องนำทาง.........(ตะวันฉาย) จากบ้านนา ลาแม่ ผู้แก่เฒ่า อวดอายเอา เย้ายวน ชวนไม่สาง สวยแสงสี นีออน สะท้อนนาง โอ้กองฟาง ห่างมา อยากลาคืน........(หนุ่มนะโม) emo_26 (http://i242.photobucket.com/albums/ff298/akapong999/dookdik/linepattern/linenew/266.gif) หัวข้อ: Re: "ดอกนีออน" เริ่มหัวข้อโดย: จ้อง เจรียงคำ ที่ 13 พฤศจิกายน 2009, 02:32:PM ดอกนีออนไม่อาจบานต้านความมืด
ไฟความฝันอาจจืดจนจางแสง ใจที่ล้ากายที่ร้อนเริ่มอ่อนแรง ไม่อาจแข่งขื่นค้นด้นราตรี......( panomwan ) โอ้เจ้าดอกไม้ดึกบานคึกคัก กรำงานหนักในแหล่งแห่งแสงสี โอกาสพักหายใจเกือบไม่มี เจ้าดอกนีออนหลงลืมพงไพร........(ส.ย.) โพ้นฟากฟ้าราตรีหรี่ไฟแสง ไฟเมืองหลวงราคาแพงแรงไฟใส่ สิ้นแสงเทียนสีทองที่ส่องใจ มืดอยู่ไนไฟสี "ดอกนีออน" (พนมวัลย์) เธอหลงลมซมซานจากบ้านป่า เพื่อมาหางานทำตามคำสอน เพียงดีกรีชาวนาป่าดงดอน ดอกนีออนร่อนแฝงใต้แสงไฟ........(ส.ย.) คราบน้ำตาบ่านองใจหมองหม่น "ดอกนีออน" ร้อนรนเจียนหม่นไหม้ ทุกนาทีมีทุกข์เกินสุขใจ จะหยัดยืนอย่างไรใต้ "นีออน".......(ชัยวภัทร) เก็บน้ำตาหลั่งรินให้สิ้นคราบ ให้หมดตราบหยดสุดท้ายไว้ใต้หมอน ลุกยืนสู้ใต้แสงไฟอย่าร้าวรอน ดอกนีออนยังสาดผ่องส่องนำทาง.........(ตะวันฉาย) จากบ้านนา ลาแม่ ผู้แก่เฒ่า อวดอายเอา เย้ายวน ชวนไม่สาง สวยแสงสี นีออน สะท้อนนาง โอ้กองฟาง ห่างมา อยากลาคืน........(หนุ่มนะโม) ดอกนีออนอ่อนแรงยังแสงส่อง มิหวังผ่องประกายหล้าทั้วฟ้าผืน เพียงครอบครัวเจิดจำรัสขอหยัดยืน แม้ดึกดื่นฝืนแข่งกับแสงจันทร์.......(อาร์ตี้) หัวข้อ: Re: "ดอกนีออน" เริ่มหัวข้อโดย: ann ที่ 13 พฤศจิกายน 2009, 05:35:PM ดอกนีออนไม่อาจบานต้านความมืด ไฟความฝันอาจจืดจนจางแสง ใจที่ล้ากายที่ร้อนเริ่มอ่อนแรง ไม่อาจแข่งขื่นค้นด้นราตรี......( panomwan ) โอ้เจ้าดอกไม้ดึกบานคึกคัก กรำงานหนักในแหล่งแห่งแสงสี โอกาสพักหายใจเกือบไม่มี เจ้าดอกนีออนหลงลืมพงไพร........(ส.ย.) โพ้นฟากฟ้าราตรีหรี่ไฟแสง ไฟเมืองหลวงราคาแพงแรงไฟใส่ สิ้นแสงเทียนสีทองที่ส่องใจ มืดอยู่ไนไฟสี "ดอกนีออน" (พนมวัลย์) เธอหลงลมซมซานจากบ้านป่า เพื่อมาหางานทำตามคำสอน เพียงดีกรีชาวนาป่าดงดอน ดอกนีออนร่อนแฝงใต้แสงไฟ........(ส.ย.) คราบน้ำตาบ่านองใจหมองหม่น "ดอกนีออน" ร้อนรนเจียนหม่นไหม้ ทุกนาทีมีทุกข์เกินสุขใจ จะหยัดยืนอย่างไรใต้ "นีออน".......(ชัยวภัทร) เก็บน้ำตาหลั่งรินให้สิ้นคราบ ให้หมดตราบหยดสุดท้ายไว้ใต้หมอน ลุกยืนสู้ใต้แสงไฟอย่าร้าวรอน ดอกนีออนยังสาดผ่องส่องนำทาง.........(ตะวันฉาย) จากบ้านนา ลาแม่ ผู้แก่เฒ่า อวดอายเอา เย้ายวน ชวนไม่สาง สวยแสงสี นีออน สะท้อนนาง โอ้กองฟาง ห่างมา อยากลาคืน........(หนุ่มนะโม) ดอกนีออนอ่อนแรงยังแสงส่อง มิหวังผ่องประกายหล้าทั้วฟ้าผืน เพียงครอบครัวเจิดจำรัสขอหยัดยืน แม้ดึกดื่นฝืนแข่งกับแสงจันทร์.......(อาร์ตี้) ถึงเหนื่อยกายท้อใจในบางครั้ง แต่แสงยังเจิดจ้าท้าความฝัน แม้ไม่อาจเทียบค่าเท่าแสงจันทร์ ความมุ่งมั่นเปี่ยมล้นท่วมท้นใจ....(ann) หัวข้อ: Re: "ดอกนีออน" เริ่มหัวข้อโดย: ชัยวภัทร ที่ 15 พฤศจิกายน 2009, 06:05:PM ดอกนีออน [/b]หนาวน้ำค้างกลางคืนสะอื้นอก น้ำตาตกค้างแก้มแซมสีหน้า ยิ่งโหยเห่เรไรใครจะมา เช็ดน้ำตาใต้แสงแห่ง "นีออน" หัวข้อ: Re: "ดอกนีออน" เริ่มหัวข้อโดย: tanapok ที่ 17 พฤศจิกายน 2009, 04:09:PM ดอกนีออนไม่อาจบานต้านความมืด ไฟความฝันอาจจืดจนจางแสง ใจที่ล้ากายที่ร้อนเริ่มอ่อนแรง ไม่อาจแข่งขื่นค้นด้นราตรี......( panomwan ) โอ้เจ้าดอกไม้ดึกบานคึกคัก กรำงานหนักในแหล่งแห่งแสงสี โอกาสพักหายใจเกือบไม่มี เจ้าดอกนีออนหลงลืมพงไพร........(ส.ย.) โพ้นฟากฟ้าราตรีหรี่ไฟแสง ไฟเมืองหลวงราคาแพงแรงไฟใส่ สิ้นแสงเทียนสีทองที่ส่องใจ มืดอยู่ไนไฟสี "ดอกนีออน" (พนมวัลย์) เธอหลงลมซมซานจากบ้านป่า เพื่อมาหางานทำตามคำสอน เพียงดีกรีชาวนาป่าดงดอน ดอกนีออนร่อนแฝงใต้แสงไฟ........(ส.ย.) คราบน้ำตาบ่านองใจหมองหม่น "ดอกนีออน" ร้อนรนเจียนหม่นไหม้ ทุกนาทีมีทุกข์เกินสุขใจ จะหยัดยืนอย่างไรใต้ "นีออน".......(ชัยวภัทร) เก็บน้ำตาหลั่งรินให้สิ้นคราบ ให้หมดตราบหยดสุดท้ายไว้ใต้หมอน ลุกยืนสู้ใต้แสงไฟอย่าร้าวรอน ดอกนีออนยังสาดผ่องส่องนำทาง.........(ตะวันฉาย) จากบ้านนา ลาแม่ ผู้แก่เฒ่า อวดอายเอา เย้ายวน ชวนไม่สาง สวยแสงสี นีออน สะท้อนนาง โอ้กองฟาง ห่างมา อยากลาคืน........(หนุ่มนะโม) ดอกนีออนอ่อนแรงยังแสงส่อง มิหวังผ่องประกายหล้าทั้วฟ้าผืน เพียงครอบครัวเจิดจำรัสขอหยัดยืน แม้ดึกดื่นฝืนแข่งกับแสงจันทร์.......(อาร์ตี้)[/size] ถึงเหนื่อยกายท้อใจในบางครั้ง แต่แสงยังเจิดจ้าท้าความฝัน แม้ไม่อาจเทียบค่าเท่าแสงจันทร์ ความมุ่งมั่นเปี่ยมล้นท่วมท้นใจ....(ann) ดอกนีออน ศรแสง แผลงสว่าง แจ่มเจิดจ้าง ทางเดิน เผชิญได้ ไล่ความมืด ยืดยาว ที่ร้าวใจ ส่องประกาย หายเหงา เหล่าปราญกานท์ ดอกนีออน ส่องแสง แห่งความฝัน ทางเดินนั้น ฝั้นเฟือน สะเทือนฐาน จึ่งมีแรง แสงนีออน ทอนแสงธาร ก่อประสาน กานท์ลิขิต ปิดมืดมัว (tanapok) |