หัวข้อ: เปลือยเปล่า เริ่มหัวข้อโดย: ระนาดเอก ที่ 26 กันยายน 2009, 01:26:PM (http://www.klonthaiclub.com/pic/bar_008.gif) "เปลือยเปล่า?" ๐ ๐ ปล่อยเปลือยเปล่าจิตไหลไปกับเมฆ ลู่ลมเฉกสกุณาเวิ้งฟ้าฝัน แตะพรายรักเกลื่อนคว้างกลางตาวัน กอบเก็บมันกอดก่ายสู่สายลม ๐ ยินเสียงยั่วราวไหมของไอรุ้ง แว่วมาปรุงอุ่นผ่าวเข้ามาห่ม มาเย้าใจเปิดฝันอันภิรมย์ เติมผสมลมล่องอยู่นองเนือง ๐ ไปสู่ขอบเขตขัณฑ์ตะวันฟ้า ไปวอนว่าหยุดส่องวาวทองเหลือง ปล่อยเงาดินรางรางให้จางเรือง ปล่อยแสงเชื่องหิ่งห้อยลอยแสงนาน ๐ จะเชิญชวนจันทรามาลีลาศ ท่ามอากาศโปรยเปล่งบทเพลงหวาน ชมหิ่งห้อยสำแดงแสงตระการ ลู่ลมผ่านโค้งฟ้าเย้ยตาดาว ๐ มาสิเธอทอดกายไปกับฉัน ลิ้มรสฝันบางใสในห้วงหาว กุมมือเธอทะยานวิมานพราว ให้ลมหนาวอิจฉาฟ้าสะเทือน ๐ แล้วปรุงฝันกวีที่รังสรรค์ ให้เฉิดฉันเริงร่ายหาใครเหมือน ฝากประทับรอยยิ้มไว้พิมพ์เตือน ว่าเพ็ญเคลื่อนพร้อมฝันของวันนี้ ๐ จะกอดก่ายกุมกันเที่ยวชั้นสรวง ชมจันทร์ล่วงหลอมฝันยันสิ้นสี จะจูบเธอบางเบาเคล้าราตรี เบาอย่างที่ลมแผ่วไล้แนวปราง ๐ จะวักแสงนวลเพ็ญเย็นสุกสาด ชโลมนาฏเยี่ยงทองต้องฟ้าสาง จูงมือเธอเหยียบย่ำฉ่ำน้ำค้าง ที่พราวพร่างเตรียมรับกับสองเรา ๐ จะไปไหม.. ไปด้วยใจบริสุทธิ์หลุดความเหงา ไปสัมผัสเสียงใจเต้นไหวเบา ไปเพื่อเคล้ามวลวัตรอัศจรรย์ ๐ ณ ในที่เกินใครได้สัมผัส มีเพียงพลิ้วลมพัดประภัสสรรค์ เอื้อเพียงเราได้มองจ้องตากัน ล้วงใจฉันให้ลึกตรึกภายใน?" ระนาดเอก (http://www.klonthaiclub.com/pic/bar_008.gif) emo_12 หัวข้อ: Re: เปลือยเปล่า เริ่มหัวข้อโดย: สายลมสีขาว ที่ 26 กันยายน 2009, 05:26:PM เป็นเพียงคน เดินจร ไม่สูงค่า ถูกตีตรา ว่าเป็น ผกาหลง อยู่ริมทาง ข้างป่า พนาดง ราวกับกรง จารีต ถูกขีดมา มีเพียงร่าง ธรรมดา ที่อยู่เหลือ อำนวยเอื่อ เรื่อยไป ในถิ่นถา คอยช่วยเหลือ คนริมทาง ที่สิ้นตา เท่าที่จะ เยียวยาได้ ในสองมือ จะใช้ใจ ที่ยัง มีชีวิต เปลี่ยนลิขิต ชะตา เพื่อนรู้สื่อ ไม่ถูกทิ้ง ตีตรา ราคาคือ ไร้ทั้งชื่อ ทั้งรอยยิ้ม และน้ำตา หัวข้อ: Re: เปลือยเปล่า เริ่มหัวข้อโดย: (ฟ้า) มารสุรา ที่ 26 กันยายน 2009, 08:49:PM ฉันด้อยค่า...............อนิจจา.................เธอยังฝัน
แม้ฉันนั้น....................ไม่มี......................ทิศทางหมาย เธอยังคง.....................มอบให้.................ทั้งใจกาย แม้ความหมาย.............ต้องหนัก...............จักทานทน ตัวฉันเล่า...............เปลือยเปล่า............ทั้งชีวิต แต่ขอคิด.....................ยืนอยู่....................สู้สักหน จะสรรค์สร้าง.............ทางชีวิต................สู้อดทน เพื่อหน้ามน.................คนดี......................ที่เฝ้ารอ emo_120 emo_120 emo_120 emo_120 emo_120 emo_120 emo_120 emo_120 emo_120 emo_120 emo_120 emo_120 emo_120 emo_120 หัวข้อ: Re: เปลือยเปล่า เริ่มหัวข้อโดย: ระนาดเอก ที่ 27 กันยายน 2009, 10:07:PM (http://www.klonthaiclub.com/pic/bar_009.png) ๐ ทุ่มทั้งเปลือยเปิดใจให้เธอรู้ จนสุดกู้กลับได้ไม่เหลือหลอ ก็ที่เธอพบชายคล้ายมอซอ ฉันมันก็ดั่งชายไร้หัวนอน ๐ หวังอะไรก็สูญลุ้นไม่ขึ้น วันวันมึนห้วงจิตพิษกัดกร่อน ทุกเส้นทางจางดำนำสัญจร แม้แต่หมอนก็อาบคราบน้ำตา.. ระนาดเอก emo_12 (http://www.klonthaiclub.com/pic/bar_009.png) หัวข้อ: Re: เปลือยเปล่า เริ่มหัวข้อโดย: จิ๊กโก๋พม่า ที่ 27 กันยายน 2009, 10:47:PM ทุ่มเท่าไหร่ไม่เพียงพอหน๋อความรัก ถือก็หนักวางก็เหงาเปลี่ยวเปล่าจิต มองหนทางก็ชั่งดูมืดมิด ใครลิขิตให้รักเกิดกำเนิดมา จะต้องทุ่มเท่าไหร่ถึงจะพอ บันดาลต่อความรักที่สูงค่า ควรนิ่งเฉยให้หายไปกับเวลา หรือบูชาน้ำตาแลกรัก...ลวง หายไปนานอ่ะ แต่งกลอนจะไม่เป็นอยู่แล้ว .. 555+ emo_85 emo_85 หัวข้อ: Re: เปลือยเปล่า เริ่มหัวข้อโดย: สายใย ที่ 27 กันยายน 2009, 11:00:PM ถึงจะเปลือยก็ไม่เปล่าอย่างเขาคิด เปลือยแต่จิตใจที่มีกุศล จึงผุดผาดบาดตางามน่ายล เปลือยกมลคนดีไม่มีภัย ....ยินดีต้อนรับกลับบ้านกลอนไทยครับคุณ "จิ๊กโก๋พม่า " หัวข้อ: Re: เปลือยเปล่า เริ่มหัวข้อโดย: จิ๊กโก๋พม่า ที่ 28 กันยายน 2009, 06:42:PM รักของหญิง..เขาว่าขาว..บริสุทธิ์ เปรียบประดุจ..ผ้าแพรขาว..ไม่วาวสี หากพูดถึง...ความรักซึ่ง....ชายชาตรี เขาว่ามี...สีสัน...พันประกาย รักของหญิง..ต่างจากชาย..ตรงสีสัน ก็รักกัน..คืนวัน..มิแหนงหน่าย ชายเอารัก..ไปแลก..เพื่อได้กาย ส่วนน้องนาย..เอากาย..แลกรักมา... . . จริงหรือเปล่าอันนี้ไม่รู้ 55+ emo_85 หัวข้อ: Re: เปลือยเปล่า เริ่มหัวข้อโดย: สุภาพบุรุษทรชน ที่ 02 ตุลาคม 2009, 09:32:PM ..จากทุกสิ่ง..ทุกอย่าง..ตามความคิด
..เหลือเพียงสิ่ง..น้อยนิด..คิดแก้ไข ..ที่เหลืออยู่..เพียงอยู่..คู่สิ่งใด ..ก็จากไป..ไม่ครบ..จบความจริง ..สูงสุด..สู่สามัญ..อันผ่องแท้ ..ยากจะแก้..ความสุข..หยุดทุกสิ่ง ..อันความรัก..รักมาก..ยากประวิง ..หยุดความจริง..สิ่งแท้..แค่ความลวง emo_47...................................... emo_47 หัวข้อ: Re: เปลือยเปล่า เริ่มหัวข้อโดย: ระนาดเอก ที่ 03 ตุลาคม 2009, 09:03:AM (http://www.klonthaiclub.com/pic/bar_009.png) ๐ มีแต่ความจริงใจใสสีขาว มิมีกร้าวโฉมตรูก็รู้ได้ เปิดทุกอย่างมิปิดเปลือยจิตใจ จนใครใครเขามองฉันของตาย ๐ เธอจึงเห็นฉันนี้ไม่มีค่า ไร้ราคาแถมหมิ่นสิ้นความหมาย เกิดความรักสูญเปล่าเศร้าเดียวดาย ไร้แสงฉายทองส่องจึงหมองมัว.. emo_12 (http://www.klonthaiclub.com/pic/bar_009.png) หัวข้อ: Re: เปลือยเปล่า เริ่มหัวข้อโดย: สุภาพบุรุษทรชน ที่ 03 ตุลาคม 2009, 03:49:PM ..อันความดี..จริงใจ..ใสสีขาว
..แสนปวดร้าว..คราวหมอง..ครองตัวฉัน ..สิ่งที่เห็น..เช่นใด..แค่ไหนกัน ..รู้สึกมัน..ไม่มี..ที่ตัวเรา ..ต่อให้ทำ..ความดี..ถึงที่สุด ..ไม่อาจหยุด..ความจริง..สิ่งที่เหงา ..มีแต่ความ..ชอกช้ำ..ซ้ำบางเบา ..ที่เปรียบเรา..ให้รอ..ทรชน. emo_30.......................................... emo_30 หัวข้อ: Re: เปลือยเปล่า เริ่มหัวข้อโดย: ระนาดเอก ที่ 19 มีนาคม 2010, 10:45:PM (http://www.klonthaiclub.com/pic/bar_145.gif) ..อันความดี..จริงใจ..ใสสีขาว ..แสนปวดร้าว..คราวหมอง..ครองตัวฉัน ..สิ่งที่เห็น..เช่นใด..แค่ไหนกัน ..รู้สึกมัน..ไม่มี..ที่ตัวเรา ..ต่อให้ทำ..ความดี..ถึงที่สุด ..ไม่อาจหยุด..ความจริง..สิ่งที่เหงา ..มีแต่ความ..ชอกช้ำ..ซ้ำบางเบา ..ที่เปรียบเรา..ให้รอ..ทรชน..(สุภาพบุรุษทรชน) emo_30.......................................... emo_30 ๐ เปลือยหัวใจของเราให้เขารู้ ท่ามฤดูน้ำตาคราวันหม่น ให้เธอเห็นประหนึ่งซึ่งตัวตน ของกมลคนซื่อก็คือเรา ๐ ไม่ได้หวังว่าสิทธิ์ที่ปิดนี้ จะทวีโชนฉายให้ชายเหงา เพียงแค่ลอบชื่นชมลมกับเงา เหมือนดั่งเฝ้าปองนาง..อย่างหมาวัด..(ระนาดเอก) emo_12 (http://www.klonthaiclub.com/pic/bar_144.gif) หัวข้อ: Re: เปลือยเปล่า เริ่มหัวข้อโดย: chaipan1999 ที่ 19 มีนาคม 2010, 11:38:PM ([url]http://www.klonthaiclub.com/pic/bar_008.gif[/url]) "เปลือยเปล่า?" ๐ ๐ ปล่อยเปลือยเปล่าจิตไหลไปกับเมฆ ลู่ลมเฉกสกุณาเวิ้งฟ้าฝัน แตะพรายรักเกลื่อนคว้างกลางตาวัน กอบเก็บมันกอดก่ายสู่สายลม ๐ ยินเสียงยั่วราวไหมของไอรุ้ง แว่วมาปรุงอุ่นผ่าวเข้ามาห่ม มาเย้าใจเปิดฝันอันภิรมย์ เติมผสมลมล่องอยู่นองเนือง ๐ ไปสู่ขอบเขตขัณฑ์ตะวันฟ้า ไปวอนว่าหยุดส่องวาวทองเหลือง ปล่อยเงาดินรางรางให้จางเรือง ปล่อยแสงเชื่องหิ่งห้อยลอยแสงนาน ๐ จะเชิญชวนจันทรามาลีลาศ ท่ามอากาศโปรยเปล่งบทเพลงหวาน ชมหิ่งห้อยสำแดงแสงตระการ ลู่ลมผ่านโค้งฟ้าเย้ยตาดาว ๐ มาสิเธอทอดกายไปกับฉัน ลิ้มรสฝันบางใสในห้วงหาว กุมมือเธอทะยานวิมานพราว ให้ลมหนาวอิจฉาฟ้าสะเทือน ๐ แล้วปรุงฝันกวีที่รังสรรค์ ให้เฉิดฉันเริงร่ายหาใครเหมือน ฝากประทับรอยยิ้มไว้พิมพ์เตือน ว่าเพ็ญเคลื่อนพร้อมฝันของวันนี้ ๐ จะกอดก่ายกุมกันเที่ยวชั้นสรวง ชมจันทร์ล่วงหลอมฝันยันสิ้นสี จะจูบเธอบางเบาเคล้าราตรี เบาอย่างที่ลมแผ่วไล้แนวปราง ๐ จะวักแสงนวลเพ็ญเย็นสุกสาด ชโลมนาฏเยี่ยงทองต้องฟ้าสาง จูงมือเธอเหยียบย่ำฉ่ำน้ำค้าง ที่พราวพร่างเตรียมรับกับสองเรา ๐ จะไปไหม.. ไปด้วยใจบริสุทธิ์หลุดความเหงา ไปสัมผัสเสียงใจเต้นไหวเบา ไปเพื่อเคล้ามวลวัตรอัศจรรย์ ๐ ณ ในที่เกินใครได้สัมผัส มีเพียงพลิ้วลมพัดประภัสสรรค์ เอื้อเพียงเราได้มองจ้องตากัน ล้วงใจฉันให้ลึกตรึกภายใน?" ([url]http://www.klonthaiclub.com/pic/bar_008.gif[/url]) emo_12 emo_107พี่อย่าล้วง น้องลึก ใจนึกปวด emo_107 จะขอสวด วอนไว้ ก่อนได้หมาย น้องมิเคย ทอดกาย ให้พี่ชาย ขอเพียงคลาย ความหวั่น พรั่นฤดี ลมรำเพย พริ้วรับ กลับเพลงใผ่ รุ้งไสว พรายระยับ สลับสี ดวงตะวัน ฝากถ้อย ร้อยวจี ให้เพ็ญงาม คืนนี้ มองสองใจ พี่โปรดให้ คำมั่น สัญญากล่าว จะไม่ร้าว ราญรัก ให้ตักษัย จะปั้นเสก เสพสม คมฤทัย น้องนี้ไซร้ จะก่ายรัด บทอัศจรรย์ emo_60 emo_60 emo_60 |