หัวข้อ: ไฟกวี เริ่มหัวข้อโดย: ข้าน้อยขอฝากตัว ที่ 29 มกราคม 2009, 12:17:PM เป็นกวีต้องมีไฟ
มีใช่มีแต่เพียงฝัน วัตถุดิบหลอมรวมกัน แล้วกรองกันแต่สิ่งดี ดอกหญ้านับไม่ถ้วน ล้วนถูกเด็ดจากกวี ดวงดาวพราวราตรี ยังมีนับล้านดวง แม้กวีรุ่นเก่าก่อน จะช้อนดาวจากราวสรวง ดวงดาวนับล้านดวง ใช่หมดห้วงอย่างง่ายดาย ดอกหญ้าถูกเก็บเกี่ยว ทั้งเหี่ยวแห้งและแล้งตาย ยังมีอีกมากมาย ที่ฟายฟ้อนระเริงลม รอเพียงผู้เก็บเกี่ยว เคี่ยวฝันอันเหมาะสม มีไฟในอารมณ์ มีความคมในความคิด ไฟเอยไฟกวี จงโชติช่วงทุกนาทีมีงานผลิต มีเรื่องราวอีกมามายหลายความคิด เพียงพินิจเจียระไนให้ลึกซึ้ง หัวข้อ: Re: ไฟกวี เริ่มหัวข้อโดย: มั่น แซลี้ ที่ 29 มกราคม 2009, 02:05:PM กวีที่ดีต้องมีไฟ ต้องมีหัวใจเพื่อใฝ่ฝัน สร้างสรรค์ผลงานด้วยชีวัน ส่วนไฟนั้นเอาไว้จุดบุหรี่ไงล่ะเธอ emo_97 emo_97 emo_97 หัวข้อ: Re: ไฟกวี เริ่มหัวข้อโดย: Alpha ที่ 29 มกราคม 2009, 03:30:PM อ่านกลอน ไฟกวี
ลึกซึ้งที่ เขียนเปรยไว้ เห็นด้วย จากหัวใจ แต่อย่างไร ลองแย้งมา ใช่เพื่อ ให้แตกแยก เพียงมุมแปลก ที่สรรหา อัณณ์ริน คือธารา ร้อยภาษา บทกลอนไทย ต่อเนื่อง ในถ้อยคำ เฉกสายน้ำ ที่รินไหล เรื่อยเรื่อย เอื่อยเอื่อยไป ทิ้งความนัย ให้คาดเดา กวี ไม่มีไฟ มีเพียงใจ ที่เหงาเหงา เขียนกลอน เพื่อขัดเกลา กล่อมจิตเรา ให้จรรโลง ************** หัวข้อ: Re: ไฟกวี เริ่มหัวข้อโดย: webmaster ที่ 29 มกราคม 2009, 08:59:PM ยินดีต้อนรับนะหนุ่มน้อย emo_89
หัวข้อ: Re: เธอคือกวี เริ่มหัวข้อโดย: ข้าน้อยขอฝากตัว ที่ 30 มกราคม 2009, 08:58:AM เธอคือกวี
เธอต้องมีความงามความประสาน ความประสมกลมกลืนความชื่นบาน มีวิญญาณหยั่งรู้มธุรทัศน์ เธอต้องเขียนชีวิตจากชีวิต นฤมิตถ้อยคำด้วยสัมผัส สัมผัสใจสู่ใจให้แจ่มชัด ไม่จำกัดกวีไว้แต่ในคำ เพลงขลุ่ยผิว ของ เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ เอามาฝากพี่ เพื่อนๆ และท่านที่เคารพนะครับ หัวข้อ: Re: ไฟกวี เริ่มหัวข้อโดย: หลานเจ๊กโรงสุรา ที่ 30 มกราคม 2009, 11:45:PM อ่า...คือ...ความคิดก็เจียระไนได้เหรอค๊าาา แล้วมันจะเป็นเหลี่ยมใช่ป่ะคะ ??? แหม...ล้อเล่นๆ กลอนเขาออกจะคม
กวีนั้นหากมีไฟลุกโชติช่วง คงตักตวงความรู้ได้มากกว่า ยังกล้าคิด กล้าทำย้อนวาจา มิใช่ว่าดีแต่พูดไปวันๆ กล้าลองในสิ่งที่ตั้งใจไว้ หนักแค่ไหนไม่ท้อขอฟันฝ่า มันจะออกมาดีหรือร้ายนา ก็ยังช่วยพัฒนาความรู้เรา หัวข้อ: Re: ไฟกวี เริ่มหัวข้อโดย: ข้าน้อยขอฝากตัว ที่ 01 กุมภาพันธ์ 2009, 12:24:PM เธอคือกวี
เธอต้องมีมธุรทัศน์ เรียงร้อยด้วยสัมผัส ให้เด่นชัดในข้อความ ความหมายต้องลึกซึ้ง ย้ำตราตรึงไปทุกยาม วรรณศิลป์คือความงาม อย่าละข้ามพรรณนา เสาวรจณีคือชมโฉม ล่อเล้าโลมอามรมณ์หนา นารีปราโมทย์คือเกี้ยวพา ให้ชาดามารวมใจ สัลปังคพิไสยคือเศร้าโศก วิปโยคให้อาลัย พิโรธวาทังไซร้ คือโมโหคือโกรธา อุปมาคือเปรียบเหมือน ให้สะเทือนถึงดินฟ้า อุปลักษณ์คือลีลา กล่าวเปรียบเป็นถึงสิ่งใด ปฏิภาคดูขัดแย้ง แต่แฝงไว้ด้วยความนัย อธิพจน์ดูเวอร์ไป น้ำตาไหลท่วมถึงพรหม ชั้นเชิงของถ้อยคำ สุดลึกล้ำน่าชื่นชม มีไฟในอารมณ์ คมคำคนคมกวี หัวข้อ: Re: ไฟกวี เริ่มหัวข้อโดย: ข้าน้อยขอฝากตัว ที่ 13 เมษายน 2009, 02:00:PM บ้านกลอนไทยรวมใจไทยกวี
ถ้อยวาจาพาวจีร่วมสืบสาน ขับภาษาหาคำเด่นเป็นกลอนกานต์ ร่วมสืบสานตำนานฉันทลักษณ์ไทย หัวข้อ: Re: ไฟกวี เริ่มหัวข้อโดย: ป้ากันนา ที่ 14 เมษายน 2009, 02:56:PM ไฟกวีมีรักหวัง เปี่ยมพลังที่สร้างสรรค์ เรียงถ้อยร้อยกำนัล เป็นรางวัลแด่มวลชน |