หัวข้อ: หนังสือที่ถือ..ดั่งหนังสือที่ไร้ในอักษร เริ่มหัวข้อโดย: เปลวเทียนเปลี่ยนสี ที่ 15 มกราคม 2009, 02:37:PM เที่ยวเดินเพลิน....ลัดเลาะเดิน...เพลิดตลาด สายตาปราด...ไปประสบ...พบหนังสือเก่าๆ เป็นหนังสือ..ที่ใครถือ...ซื้อก่อนเรา ตั้งแต่ครั้งยังไม่เยาว์....เราไม่เกิด นามปากกา...ว่าคนเขียน..นามว่า ส. ศิวลักษ์...จักเติมต่อ...จ้อประเสริฐ emo_12 แม้นกระดาษ..ขาดหวิ่น..ไม่ชินเชิด วาจาร้อย....ถ้อยคำเลิศ...เกิดถูกใจ ชื่อหนังสือ...นั้นหรือ...คือชื่อว่า "ตายประชดป่าช้า"....น่าอ่านไหม พอเปิดอ่าน...พาสำราญ...หวานละไม ถ้อยคำใจ...ช่างโดนใช่...สมัยมัน ผ่านวันเดือน..ที่เคลื่อน...ปีหนึ่งศูนย์ จักอาดูร...ช่างคุ้น....ไม่หมุนหวั่น เรื่องอดีต..มิเพี้ยนผิด...ลิมิตมัน เขียนกี่วัน...ผ่านกี่คืน...ยังเป็นจริง ส่วนเรื่องราว...ที่ท่านกล่าว....ว่าเช่นไร ครั้งต่อไป...จักนำพา...มาเห็นจริง วันนี้ลา...ตามเวลา....ค่าบางสิ่ง emo_29 ไปเรียนดิ่ง...ด้วยเลยวิ่ง...ซิ่งเวลา หัวข้อ: Re: หนังสือที่ถือ..ดั่งหนังสือที่ไร้ในอักษร เริ่มหัวข้อโดย: มั่น แซลี้ ที่ 15 มกราคม 2009, 08:23:PM อ้อๆ หนังสือของ ศิวลึงค์ เอ้ย!!! ไม่ใช่ๆ ศิวลักษ์ อิอิอิ อย่าลืมเอามาเล่าน่ะจ๊ะ หัวข้อ: Re: หนังสือที่ถือ..ดั่งหนังสือที่ไร้ในอักษร เริ่มหัวข้อโดย: เปลวเทียนเปลี่ยนสี ที่ 15 มกราคม 2009, 11:28:PM นึกระอา...มามุสา....ว่าไปเรื่อย
ก็คนเฉื่อย...เลยลืมเรื่อย...เหนื่อยใจหา ค้นหาแล้ว...เจ้าดวงแก้ว...แล้วก็รู้ว่า หนังสือที่ค้นหา...ลืมเอามา...หาไม่เจอ emo_05 ด้วยพลั้งเผลอ...เลยเผลอวาง...ไว้ที่บ้าน คงอีกนาน..กว่าการงาน...จะผ่าน....เฮ้อ emo_01 กว่าจะเจอ...มาเสนอ... ขออภัยในกลอนเกลอ...เผลอลืมวาง emo_33 หัวข้อ: Re: หนังสือที่ถือ..ดั่งหนังสือที่ไร้ในอักษร เริ่มหัวข้อโดย: เปลวเทียนเปลี่ยนสี ที่ 15 มกราคม 2009, 11:48:PM ไม่เป็นไร..เมื่อที่โม้ไว้...ไกลเกินกู่ emo_18นึกตรึกดู....มาเรียนรู้...ดูเล่มใหม่ แม้ไม่เก่า....เทียบเท่า...เล่มอยู่ไกล แต่แสนใหม่....อ่านไม่ไว...ยังไม่จบ emo_45 ชื่อหนังสือ...ลือมา..."สปาอารมณ์" หนังสือแปล...แลนิยม....คำคมครบ ได้มาแต่...ร้านนายอินทร์....ถิ่นนัดพบ มิคลาคลบ....แวะเวียนผ่าน...อ่านประจำ emo_26 "สปาอารมณ์...คำบาดคม...สมคำท่าน ชื่อก็โก้..."OSHO"...ประพันธ์...อัศจรรย์ถ้อยคำ อ่านเพียงนิด...ก็สะกิด...คิดจิตจำ เพียงแรกเริ่ม...เติมคำนำ...ก็โดนใจ กล่าวไว้ในตอนหนึ่ง...ซึ่งกล่าวว่า "เหล่ามนุษย์...ฉุดปัญญา...โกรธาไหว ช่างโง่เขลาเบาปัญญา....โกรธาใจ ไกลเกินไป...จนไม่น่าเชื่อได้...ว่ามนุษย์จักทำ ใครบางคน...ฝืนใจท่าน...มารความคิด เขาอาจถูกหรือผิด....สิทธิเขา....แต่เราช้ำ อิสระภาพของเขา...เราตกเป็นทาส...ในถ้อยคำ โต้ตอบไปมีแต่ช้ำ....จำจนตาย แต่หากเจ้า..พูดกับเขา..เบาๆว่า หากเจ้าสุขที่ได้ว่า...ให้ตัวข้า...ว่าให้อาย เฉกเช่นสุขของข้า...หาใจร้าย สุขมากมาย...ที่ใจคลาย...ไม่โกรธเคือง" ที่กล่าวไว้เบื้องต้น...ล้วนคนเขียน มิได้เปลี่ยนได้เพี้ยน...เรียนตามเรื่อง ขออนุญาต...ท่านนักปราชญ์...บังอาจเฟื่อง นำเนื้อเรื่องหยิบยกมา...อย่าเคืองคลาย เพียงคำนำ...ก็เลิศล้ำ....คำที่กล่าว ไว้คราวหน้า...จักหยิบยก...ถกความหมาย ด้วยวันพรุ่ง....ยุ่งธุระ...ซะเช้าร้าย เพลานี้จึงลาไหว้...ไปนิทรา... |