หัวข้อ: อิจฉา... เริ่มหัวข้อโดย: wonderloveyou ที่ 02 ธันวาคม 2008, 08:43:PM เห็นเธอกับเขาสนิทสนมกัน...ก็เลยเกิดอาการอิจฉา ไม่รู้เหมือนกันว่า..กินยาบ้ามาจากไหน อยากจะเข้าไปบีบคอ...ไม่ให้เขาหายใจ แบบไม่ให้มีชีวิตอยู่ต่อไป...ไม่ให้เจอเธอ ดูเหมือนจะโหดทารุณไป..ใช่ไหม ก็จะทำไม..ฉันเกลียดเขา มาแย่งเธอจากไป...ให้กินยาเมา เเล้วจับตัวเขา..รัดคอให้ตายคามือ อิจฉาตาร้อน ปน ใจเศร้า ถ้าทำเขาก็บาป..ใครใครก็ถือ เดี๋ยวจะหาว่าฉัน..ใจดำทำได้รือ ใครจะรู้ว่าฉันเจ็บจะตาย...อยู่เเล้วเธอ เจ็บจนไม่รู้จะร้องไห้..อย่างไรให้มีน้ำตา เพราะมันกลั่นออกมา..ไม่ได้อีกแล้ว!! ก็มันทั้ง เจ็บ และ อิจฉา จนเริ่มแสดง อาการลงแดงของคน หมดปัญญาา --------------------------------------------------------------------- หัวข้อ: Re: อิจฉา... เริ่มหัวข้อโดย: ฝูงบินต่ำ ที่ 02 ธันวาคม 2008, 08:46:PM อิจฉาตาร้อน
หยุดก่อนได้ไหม สงบจิตใจ ลืมไปเรื่องราว หัวข้อ: Re: อิจฉา... เริ่มหัวข้อโดย: wonderloveyou ที่ 02 ธันวาคม 2008, 09:07:PM อิจฉาตาร้อน หยุดก่อนได้ไหม สงบจิตใจ ลืมไปเรื่องราว มันหยุดไม่ได้ที่ห้ามให้อิจฉา...เขา ก็ไอ้เรา...มันด้อยกว่าเขาไปทุกอย่างนี่ สมควรแล้วที่จะถูกเมิน..จนนาทีนี้ เขาก็ยังไม่ใยดีไม่แคร์เรา...ไอ้คนนอกสายตา ------------------------------------------------- หัวข้อ: Re: อิจฉา... เริ่มหัวข้อโดย: wonderloveyou ที่ 04 ธันวาคม 2008, 09:44:PM ท่องไว้เสมอฉันคือ ดอกไม้ริมทาง
เมื่อเธออ้างว้างสับสนทะเลาะกับเขา ก็มาระบายอารมร์มาลงที่ เรา มีแต่เขาเท่านั้นที่สำคัญ บังคับจิตใจแล้ว...นะเธอ ที่จะไม่ให้ เหอมเกริม อิจฉาเขา แต่จะทำยังไง ความร้ายมันไม่เบา บังคับจิตใจเราให้อิจฉา จนเจ็บเอง ---------------------------------------------------- หัวข้อ: Re: อิจฉา... เริ่มหัวข้อโดย: wonderloveyou ที่ 05 ธันวาคม 2008, 10:14:PM โทรไปหาเธอทีไรเธอก็จะบอกว่า ไม่ว่างคุยโทรศัพท์อยู่
เธอไม่พูดฉันก็รู้ว่าคุยอยู่กับเขา ก็แหมล่ะ...ฉันไม่มีค่าให้ใช้ถึงคำว่า เรา ไม่ใช่เขา ที่สำคัญจนเกินเยียวยา จะให้ทำยังไงเรามีสิทธิ์ แค่คิดถึง จนต้องซึ้งถึงคำว่า ห่วงหา ก็ไอ้เรา จะพูดหรือจะจา เธอก็ว่า ไม่ดี อย่าพูดเลย...เพราะเธอรำคาญ ก็เป็นอย่างนี้จะไม่ให้ฉันน้อยใจคงไม่ได้ ผิดหรือไร แค่น้อยใจไม่ได้จะว่า อย่ามาพูดได้ไหมว่า แก้ตัวมันธรรมดา แค่นี้ ก็ว่า ให้ด่าตามใจเธอ -------------------------------------------------------------------- หัวข้อ: Re: อิจฉา... เริ่มหัวข้อโดย: นักเดินทาง ที่ 06 ธันวาคม 2008, 05:28:AM อิจฉาไป ให้ได้อะไรมา
เมื่อความจริงก็ปรากฏเช่นนั้น ยอมรับเถิดกับความจริงอย่าดึงดัน ถึงอย่างไรผลของมันก็เช่นเดิม มีโอกาสได้เข้ามาทักทายน้องรักของพี่ น้องยังมีคุณค่ากว่าใครนัก อย่าได้อิจฉาใครเขาเลย พี่เชื่อมั่นในตัวน้องสาวของพี่นะครับ ตั้งใจเรียน เป็นเด็กดีของพี่ของพ่อแม่นะครับ หัวข้อ: Re: อิจฉา... เริ่มหัวข้อโดย: รัศมีธรรมส่องทาง ที่ 17 กุมภาพันธ์ 2009, 09:33:AM กรรมแห่งความริษยา
ความริษยาเกิดจากการขาดมุทิตา (ที่มีลักษณะคือความชื่นชม) หมายความว่า พลอยยินดีในความสุขหรือความสำเร็จของผู้อื่น มุทิตานี้ทำได้ยากกว่ากรุณา บางคนมีเมตตาปรารถนาดี มีความกรุณาสงสาร แต่เจริญมุทิตาไม่ได้ เพราะเราทุกคนมีอนุสัยกิเลสคือความริษยานอนเนืองอยู่ในกระแสจิต น้อยคนนักที่จะกำจัดความริษยานั้นได้ จะต้องฝึกฝนไปเรื่อยๆจึงจะบรรเทาลงได้ การฝึกฝนนั้นก็ต้องประกอบด้วยโยนิโสมนสิการ คือทำความเข้าใจด้วยเหตุผลว่าความริษยาไม่ก่อให้เกิดคุณใดๆ ผู้มีความริษยานั้นจะได้รับผลคือขาดบริวาร แต่ผู้ที่เจริญมุทิตาโดยกำจัดความริษยาได้ย่อมจะได้รับอานิสงส์คือมีบริวารห้อมล้อม มีมิตรสหายห้อมล้อม ความริษยานั้นก่อให้เกิดโทษในปัจจุบันและภพต่อไป ไม่ว่าเกิดกับผู้ใดก็ทำให้ผู้นั้นตกต่ำไปตลอด ยกตัวอย่างกรรมแห่งความริษยาจากพระไตรปิฎก มีเรื่องเล่าว่าในสมัยพุทธกาลมีพระอรหันต์รูปหนึ่งโลสกติสสะ ตอนท่านถือปฏิสนธิในครรภ์มารดา บิดามารดาก็ได้รับทุกข์แสนสาหัส บ้านของท่านเกิดไฟไหม้จนสิ้นเนื้อประดาตัว แต่พวกท่านก็อดทนเลี้ยงดูจนเติบใหญ่รู้ความ เมื่อเดินไปไหนมาไหนได้ก็ถูกทอดทิ้งเป็นขอทานอยู่ข้างถนน วันหนึ่งพระสารีบุตรเถระ เห็นเข้าก็สงสาร พระสารีบุตรได้หยั่งรู้ว่าเด็กคนนี้เคยสั่งสมบารมีธรรมมาในชาติปางก่อน จึงได้นำตัวมาวัดแล้วให้บวชเป็นสามเณร ต่อมาท่านอุปสมบทเป็นพระภิกษุชื่อโลสกติสสะ ภายหลังเจริญวิปัสสนากรรมฐานแล้วบรรลุเป็นพระอรหันต์ ตั้งแต่ท่านเกิดมาจนกระทั่งบรรลุอรหัตผลไม่เคยกินอิ่มแม้สักวันหนึ่งเลย ทั้งนี้เพราะเวลาที่ท่านบิณฑบาตอยู่ เมื่อคนใส่บาตรท่านแล้วอาหารหายไปเองก็มี หรือแม้จะมีอาหารอยู่พียงเล็กน้อยแต่คนอื่นกลับเห็นอาหารอยู่เต็มบาตรเลยไม่ถวายอีกก็มี ซึ่งอกุศลกรรมนี้เป็นผลของความริษยา เรื่องราวในอดีตชาติของพระภิกษุชื่อโลสกติสสะมีว่า สมัยหนึ่งเมื่อพระกัสสปสัมมาสัมพุทธเจ้าอุบัติขึ้นในโลก พระโลสกติสสะนี้เคยบวชเป็นภิกษุในพระพุทธศาสนา ท่านเป็นภิกษุผู้ทรงศีล วันหนึ่งพบพระเถระรูปหนึ่งที่เป็นพระอรหันต์เดินทางมาจากแดนไกล พระโลสกติสสะไม่ทราบว่าพระรปนี้สำเร็จสมณกิจแล้ว ท่านเกรงว่าโยมอุปฏฐากจะเลื่อมใสพระอาคันตุกระรูปใหม่ ด้วยความริษยาจึงแกล้งทำให้พระอาคันตุกะนั้นอดอาหารหนึ่งมื้อ ผลกรรมนี้ส่งผลให้ท่านตกนรกเป็นเวลานาน แล้วมาเกิดเป็นคนที่ไม่เคยกินอิ่มเลย เมื่อท่านใกล้นิพพาน พระสารีบุตรหยั่งรู้ว่าท่านจะนิพพานในวันนั้น จึงใช้คนนำอาหารไปให้ท่าน เพื่อจะได้ฉันอาหารอิ่มก่อนนิพพาน แต่ด้วยผลกรรมเก่าทำให้คนนำอาหารลืมเสียแล้วเททิ้ง ต่อมาพระสารีบุตรนึกขึ้นได้ให้คนไปถามว่าฉันอาหารหรือยัง ท่านตอบว่าวันนี้ไม่ได้ฉันอะไร พระสารีบุตรจึงนำยาจตุมธุไปให้ท่านฉัน โดยพระสารีบุตรได้จับบาตรไว้ตลอดเวลาที่ท่านฉันอยู่ หากไม่จับไว้ยาจตุมธุอาจหายไปจากบาตรด้วยผลกรรม พระโลสกติสสะฉันอิ่มวันนั้นเพียงวันเดียวแล้วปรินิพพานในวันนั้นเอง จะเห็นว่าผลของความริษยานั้นส่งผลในปัจจุบันและอนาคต สามารถติดตามให้ผลจนถึงช่วงเวลาที่จะนิพพานอีกด้วย และที่ผลของความริษยาที่เกิดขึ้นกับพระโลสกติสสะอย่างรุนแรงทำให้ถึงกับตกนรกและมีผลมาจนถึงวันแห่งปรินิพพานนั้นเพราะท่านทำกรรมที่เกิดจากความริษยากับพระอรหันต์นั่นเอง emo_12 emo_12 emo_12 emo_12 emo_12 |