หัวข้อ: กลอนดอกสร้อยรำพึง เริ่มหัวข้อโดย: Issarapun Karnjanareka ที่ 12 กรกฎาคม 2008, 11:47:AM เคยแต่งกลอนนี้ไว้ตอนบวชเป็นพระนวกะ เมื่อช่วงพรรษา ปี 2531 ที่วัดชลประทานฯ โดยดูจากสิ่งที่เป็นองค์ประกอบของวัดที่บวช และจากธรรมะที่พระอาจารย์สอน อยากเผยแพร่ครับ เพราะคิดว่าเป็นกลอนแต่งที่ดีที่สุดในชีวิตแล้วล่ะ .... ( อาจยังมีข้อบกพร่องอยู่บ้าง เพราะเป็นมือสมัครเล่นจริงๆ )
กลอนดอกสร้อยรำพึง โบสถ์เอ๋ยโบสถ์วิหาร ดูตระการ ใหญ่โต รโหฐาน ตัวเรือนก่อ สร้างล้ำค่า เหลือประมาณ หรือต้องการ เพียงรูปลักษณ์ ประจักษ์แสดง ความเป็นวัด มิใช่วัด ที่วัตถุ เครื่องบรรลุ ชี้นำ ธรรมส่องแสง หากจิตใจ ยังขุ่นมัว ชั่วร้อนแรง ก้อนอิฐแพง ก็สิ้นไร้ ความหมายเอย เมรุเอ๋ย เมรุสถาน พอพบพาน คิดไป น่าใจหาย ที่สำคัญ มั่นคง คือความตาย เป็นจุดหมาย ปลายสุด ของทุกคน ทิ้งไว้แต่ ร่างกาย ที่ไร้ค่า พอไฟพล่า ผลาญเผาไหม้ กลายเป็นผง เหลือเพียงกรรม ชั่ว-ดี ที่ดำรง ให้คนปลง รำลึกถึง รำพึงเอย ระเอ๋ย ระฆัง หง่างหง่างดัง กังวาน ประสานเสียง เป็นปกติ เคยชิน ยินสำเนียง อยู่คู่เคียง วัดมา แต่โบราณ เหมือนนาฬิกา ปลุกใจ ให้ระลึก มีสตินึก ดังเสียงเคาะ ระฆังขาน สัมปชัญญะ คือเสียงก้อง ร้องกังวาน เป็นธรรมฐาน นำทางเลิศ ประเสริฐเอย หมาเอ๋ย หมาวัด เจ้าเป็นสัตว์ เดียรัจฉาน คนพาลหยาม เป็นขี้เรื้อน สกปรก ไม่งดงาม ดูต่ำทราม น่ารังเกียจ เสนียดจริง แต่เจ้าคง ไม่อาทร ทุกข์ร้อนนัก ไม่สนใจ ว่าใครจัก มาสุงสิง ไม่เหมือนคน บางคน ร้อนรนจริง จิตวุ่นวิ่ง ฟุ้งซ่านบ้า ยิ่งกว่าเอย ต้นเอ๋ย ต้นโศก ใช่เจ้าโศก วิโยคไป กับใครเขา คนล้วนต่าง ตรองตรึก ทึกทักเอา ว่าตัวเจ้า ชื่อโศก วิโยคครัน เจ้าเป็นเพียง ต้นไม้ ธรรมชาติ สักว่าธาตุ ปรุงแต่ง เปลี่ยนแปลงผัน ไม่เคยคิด ว่าเจ้าเป็น เช่นไรกัน ไม่ยึดมั่น เป็นตัวตน เหมือนคนเอย หัวข้อ: Re: กลอนดอกสร้อยรำพึง เริ่มหัวข้อโดย: หมอกกับควัน ที่ 12 กรกฎาคม 2008, 12:38:PM ชอบมากเลยคับ
+2 เลยละกัน ความหมายดีจังดี หมาเอ๋ย หมาวัด เจ้าเป็นสัตว์ เดียรัจฉาน คนพาลหยาม เป็นขี้เรื้อน สกปรก ไม่งดงาม ดูต่ำทราม น่ารังเกียจ เสนียดจริง แต่เจ้าคง ไม่อาทร ทุกข์ร้อนนัก ไม่สนใจ ว่าใครจัก มาสุงสิง ไม่เหมือนคน บางคน ร้อนรนจริง จิตวุ่นวิ่ง ฟุ้งซ่านบ้า ยิ่งกว่าเอย ต้นเอ๋ย ต้นโศก ใช่เจ้าโศก วิโยคไป กับใครเขา คนล้วนต่าง ตรองตรึก ทึกทักเอา ว่าตัวเจ้า ชื่อโศก วิโยคครัน เจ้าเป็นเพียง ต้นไม้ ธรรมชาติ สักว่าธาตุ ปรุงแต่ง เปลี่ยนแปลงผัน ไม่เคยคิด ว่าเจ้าเป็น เช่นไรกัน ไม่ยึดมั่น เป็นตัวตน เหมือนคนเอย emo_28 emo_28 emo_28 emo_28 emo_28 หัวข้อ: Re: กลอนดอกสร้อยรำพึง เริ่มหัวข้อโดย: เพลงผ้า ที่ 12 กรกฎาคม 2008, 06:47:PM เคยแต่งกลอนนี้ไว้ตอนบวชเป็นพระนวกะ เมื่อช่วงพรรษา ปี 2531 ที่วัดชลประทานฯ โดยดูจากสิ่งที่เป็นองค์ประกอบของวัดที่บวช และจากธรรมะที่พระอาจารย์สอน อยากเผยแพร่ครับ เพราะคิดว่าเป็นกลอนแต่งที่ดีที่สุดในชีวิตแล้วล่ะ .... ( อาจยังมีข้อบกพร่องอยู่บ้าง เพราะเป็นมือสมัครเล่นจริงๆ ) กลอนดอกสร้อยรำพึง โบสถ์เอ๋ยโบสถ์วิหาร ดูตระการ ใหญ่โต รโหฐาน ตัวเรือนก่อ สร้างล้ำค่า เหลือประมาณ หรือต้องการ เพียงรูปลักษณ์ ประจักษ์แสดง ความเป็นวัด มิใช่วัด ที่วัตถุ เครื่องบรรลุ ชี้นำ ธรรมส่องแสง หากจิตใจ ยังขุ่นมัว ชั่วร้อนแรง ก้อนอิฐแพง ก็สิ้นไร้ ความหมายเอย เมรุเอ๋ย เมรุสถาน พอพบพาน คิดไป น่าใจหาย ที่สำคัญ มั่นคง คือความตาย เป็นจุดหมาย ปลายสุด ของทุกคน ทิ้งไว้แต่ ร่างกาย ที่ไร้ค่า พอไฟพล่า ผลาญเผาไหม้ กลายเป็นผง เหลือเพียงกรรม ชั่ว-ดี ที่ดำรง ให้คนปลง รำลึกถึง รำพึงเอย ระเอ๋ย ระฆัง หง่างหง่างดัง กังวาน ประสานเสียง เป็นปกติ เคยชิน ยินสำเนียง อยู่คู่เคียง วัดมา แต่โบราณ เหมือนนาฬิกา ปลุกใจ ให้ระลึก มีสตินึก ดังเสียงเคาะ ระฆังขาน สัมปชัญญะ คือเสียงก้อง ร้องกังวาน เป็นธรรมฐาน นำทางเลิศ ประเสริฐเอย หมาเอ๋ย หมาวัด เจ้าเป็นสัตว์ เดียรัจฉาน คนพาลหยาม เป็นขี้เรื้อน สกปรก ไม่งดงาม ดูต่ำทราม น่ารังเกียจ เสนียดจริง แต่เจ้าคง ไม่อาทร ทุกข์ร้อนนัก ไม่สนใจ ว่าใครจัก มาสุงสิง ไม่เหมือนคน บางคน ร้อนรนจริง จิตวุ่นวิ่ง ฟุ้งซ่านบ้า ยิ่งกว่าเอย ต้นเอ๋ย ต้นโศก ใช่เจ้าโศก วิโยคไป กับใครเขา คนล้วนต่าง ตรองตรึก ทึกทักเอา ว่าตัวเจ้า ชื่อโศก วิโยคครัน เจ้าเป็นเพียง ต้นไม้ ธรรมชาติ สักว่าธาตุ ปรุงแต่ง เปลี่ยนแปลงผัน ไม่เคยคิด ว่าเจ้าเป็น เช่นไรกัน ไม่ยึดมั่น เป็นตัวตน เหมือนคนเอย +1 เพราะมากค่ะ หัวข้อ: Re: กลอนดอกสร้อยรำพึง เริ่มหัวข้อโดย: รัศมีธรรมส่องทาง ที่ 13 กรกฎาคม 2008, 11:38:PM รัศมีธรรมฯ รำพัน
ได้มาอ่าน กลอนดอก สร้อยรำพึง เมื่อครั้งหนึ่ง ในร่มเงา พระศาสนา มองทุกสิ่ง คิดในใจ พิจารณา แล้วอุตส่าห์ ถ่ายทอดมา ด้วยบทกวี ด้วยมองโลก ตามทาง พระศาสดา บรรพชา บวชเรียน ตามวิถี เพื่อทดแทน พระคุณ บุพการี ประเพณี อันดี ที่สืบมา ขออนุ โมทนา สาธุการ ให้เบิกบาน ด้วยพระธรรม นำศึกษา ได้เผยแผ่ สิ่งที่ดี มีคุณค่า บุญรักษา ได้ดวงตา ที่เห็นธรรม emo_12 emo_12 emo_12 emo_12 emo_12 สาธุ...ขออนุโมทนาบุญด้วยนะครับ + 1 ไปเลยครับ หัวข้อ: Re: กลอนดอกสร้อยรำพึง เริ่มหัวข้อโดย: สายใย ที่ 27 กันยายน 2009, 11:58:AM เคยแต่งกลอนนี้ไว้ตอนบวชเป็นพระนวกะ เมื่อช่วงพรรษา ปี 2531 ที่วัดชลประทานฯ โดยดูจากสิ่งที่เป็นองค์ประกอบของวัดที่บวช และจากธรรมะที่พระอาจารย์สอน อยากเผยแพร่ครับ เพราะคิดว่าเป็นกลอนแต่งที่ดีที่สุดในชีวิตแล้วล่ะ .... ( อาจยังมีข้อบกพร่องอยู่บ้าง เพราะเป็นมือสมัครเล่นจริงๆ ) คัมเอ๋ยคัมภีร์กลอนดอกสร้อยรำพึง โบสถ์เอ๋ยโบสถ์วิหาร ดูตระการ ใหญ่โต รโหฐาน ตัวเรือนก่อ สร้างล้ำค่า เหลือประมาณ หรือต้องการ เพียงรูปลักษณ์ ประจักษ์แสดง ความเป็นวัด มิใช่วัด ที่วัตถุ เครื่องบรรลุ ชี้นำ ธรรมส่องแสง หากจิตใจ ยังขุ่นมัว ชั่วร้อนแรง ก้อนอิฐแพง ก็สิ้นไร้ ความหมายเอย เมรุเอ๋ย เมรุสถาน พอพบพาน คิดไป น่าใจหาย ที่สำคัญ มั่นคง คือความตาย เป็นจุดหมาย ปลายสุด ของทุกคน ทิ้งไว้แต่ ร่างกาย ที่ไร้ค่า พอไฟพล่า ผลาญเผาไหม้ กลายเป็นผง เหลือเพียงกรรม ชั่ว-ดี ที่ดำรง ให้คนปลง รำลึกถึง รำพึงเอย ระเอ๋ย ระฆัง หง่างหง่างดัง กังวาน ประสานเสียง เป็นปกติ เคยชิน ยินสำเนียง อยู่คู่เคียง วัดมา แต่โบราณ เหมือนนาฬิกา ปลุกใจ ให้ระลึก มีสตินึก ดังเสียงเคาะ ระฆังขาน สัมปชัญญะ คือเสียงก้อง ร้องกังวาน เป็นธรรมฐาน นำทางเลิศ ประเสริฐเอย หมาเอ๋ย หมาวัด เจ้าเป็นสัตว์ เดียรัจฉาน คนพาลหยาม เป็นขี้เรื้อน สกปรก ไม่งดงาม ดูต่ำทราม น่ารังเกียจ เสนียดจริง แต่เจ้าคง ไม่อาทร ทุกข์ร้อนนัก ไม่สนใจ ว่าใครจัก มาสุงสิง ไม่เหมือนคน บางคน ร้อนรนจริง จิตวุ่นวิ่ง ฟุ้งซ่านบ้า ยิ่งกว่าเอย ต้นเอ๋ย ต้นโศก ใช่เจ้าโศก วิโยคไป กับใครเขา คนล้วนต่าง ตรองตรึก ทึกทักเอา ว่าตัวเจ้า ชื่อโศก วิโยคครัน เจ้าเป็นเพียง ต้นไม้ ธรรมชาติ สักว่าธาตุ ปรุงแต่ง เปลี่ยนแปลงผัน ไม่เคยคิด ว่าเจ้าเป็น เช่นไรกัน ไม่ยึดมั่น เป็นตัวตน เหมือนคนเอย เป็นเครื่องชี้นำสัตว์ทรงตรัสหมาย ให้ทำตามคำสอนเสียก่อนตาย เมื่อวางวายสายก่อนเกินย้อนทำ มิใช่มีเพียงใส่ไว้ในตู้ อวดเลิศหรูแต่งไว้ให้งามขำ เพียงงานศพเคารพพบพระธรรม ไม่เคยนำคัมภีร์ชี้ทางเอย. หัวข้อ: Re: กลอนดอกสร้อยรำพึง เริ่มหัวข้อโดย: เพรางาย ที่ 29 กันยายน 2009, 12:39:PM โบสถ์เอ๋ยโบสถ์เก่า
คนแก่เฒ่าเรี่ยไรได้เงินสร้าง ช่วยหยิบจับก่อฉาบคนละทาง เป็นรูปร่างพอใช้ชื่นใจนัก ครั้นนานเข้าโบสถ์เก่ากลับสวยน้อย ติบ่อยบ่อยชักเห็นเป็นประจักษ์ เศรษฐีใหญ่ให้เงินตามเชิญชัก และสลักชื่อตนบนโบสถ์เอย หัวข้อ: Re: กลอนดอกสร้อยรำพึง เริ่มหัวข้อโดย: Issarapun Karnjanareka ที่ 23 ตุลาคม 2009, 06:36:AM เพิ่มเติมบทดอกสร้อยรำพึงครับ
บิณฑเอ๋ย บิณฑบาตร ออกโปรดญาติ โยมทั้งหลาย ใฝ่กุศล เดินเท้าเปล่า ก้าวย่าง อย่างอดทน รับบาตรคน ตามบ้าน ทุกย่านไป ทุกคำข้าว ชาวบ้าน ทานอุทิศ ต่อชีวิต ภิกษุสงฆ์ ดำรงหมาย ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ทั้งใจกาย สืบเชื้อสาย ส่องแสงธรรม นำสุขเอย |