หัวข้อ: คีต_กานท์ เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 28 มิถุนายน 2020, 04:36:PM คลิก@...เริ่มใหม่ (http://www.klonthaiclub.com/index.php?topic=30468.msg224580;topicseen#msg224580)
โหมโรง เพลงชุด ประพันธ์ทำนองโดย ครูมนตรี ตราโมท (ขุนบรม ตามเรื่องเล่าตามตำนานของลาว แนวนิยายบรรพบุรุษของชนชาติไทลุ่มน้ำโขง *ข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์ยังถกเถียงกันไม่จบ ไม่รู้จะอ้างอิงอันไหนถูกผิด) ััััััััััััั ขุนบรม กษัตริย์พระองค์แรกแห่งชนเผ่าไท ที่ถูกบันทึกว่าทรงพระปรีชาสามารถ แผ่อาณาเขตไปถึงลาว เวียดนาม ไทย และจีน…พงศาวดารลาว ของมหาสิลา วีระวงส์ ว่าขุนบรมคือพีล่อโก๊ะ ครองหนองแส หรือเมืองแถน เมื่อ พ.ศ.1272 เมื่อชันษาได้ 32 ปี โอรสรวม 7 องค์ ให้แยกย้ายกันไปครองเมืองต่างๆ องค์ที่ 1 ขุนลอ ไปครองเมืองชวา (ล้านช้าง) องค์ที่ 2 ยี่ผาลาน ไปครองเมืองหอแต (หนองแส) องค์ที่ 3 สามจูสง ไปครองเมืองแกว (เวียดนาม) องค์ที่ 4 ไสผง ไปครองล้านนา องค์ที่ 5 งั่วอิน ไปครองเมืองอโยธยา (สยาม) องค์ที่ 6 ลกกลม ไปครองเมือง เชียงคม (คำเกิด) และองค์ที่ 7 เจ็ดเจิง ไปครองเมืองพวน (เชียงขวาง) xAJEvJNQCzU ลำน้ำโขงโยงสายหลายขุนเขา แผ่นดินเหย้าดินดำสายน้ำใส ลำน้ำเขินเนินแก่งไม่แบ่งใจ แผ่นดินไหญ่มวลประนีมีประนอม dVacr5N7sHE "ขุนบรม"ท้าวลาวว่ามหากษัตริย์ ทรงถนัดครองด้าวจีนลาวยวนขอม "ขุนบรม"ทปฐมนาถราษฎร์ยินยอม ทรงถนอมสืบสายมาอุษาคเนย์ X8TV1gBqRZg หัวข้อ: Re: คีต_กานท์ เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 03 กรกฎาคม 2020, 10:51:AM กระทู้นี้เป็นกระทู้ ฝึกเขียนกลอน ไม่ใช่กระทู้อ้างอิงทางประวัติศาสตร์ Bbr9zEdm0O0 น่านเจ้าประวัติศาสตร์ที่เราน่ารู้ อยากรู้ โดยผู้ที่น่าเชื่อถือมากหลายท่าน ทว่า ไม่สมควรเชื่อถือ ยังไม่มีท่านใดบอกได้ว่า สิ่งใดจริงสิ่งใดไม่จริง เลือกเชื่อเอาตามใจ 5l_06wyw8aQ ชาติเรามีสมัญญาว่าชาติไทย เป็นชาติใหญ่แต่โบราณนานหนักหนา ภูมิลำเนาของเราแต่ก่อนมา อยู่ท่ามกลางพสุธาของเอเซีย เมื่อชาติจีนรุกร้นร่นลงใต้ เข้าแย่งไทยทำกินถิ่นก็เสีย จีนไล่ไทยเหมือนไฟไหม้ลามเลีย ไทยต้องเสียดินแดนแคว้นโบราณ ถูกแย่งที่หนีร่นลงทางใต้ ไทยมาตั้งเมืองใหม่อย่างไพศาล ชื่อน่านเจ้าอยู่ไปไม่ได้นาน จีนก็ตามรุกรานถึงทางนี้ เมื่อถูกรุกสุดสู้อยู่ไม่ได้ ไทยก็แตกแยกกันไปหลายวิถี ไทยอิสานเลื่อนลงโขงนที ไทยใหญ่หนีร่นมาอยู่สาละวิน พวกไทยน้อยพลอยเลื่อนเคลื่อนลงมา อยู่แม่น้ำทั้งห้าทางทักษิณ คือยมน่านปิงวังตั้งทำกิน พวกไทยกลางยึดถิ่นเจ้าพระยา ..... หลวงวิจิตรวาทการ ijz1GRJ7aXU [color=darkolivegreen] แม่น้ำโขงโค้งคดทดหลากล้น ถ่ายน้ำท้นเชี่ยวชักก็หักเห แม่น้ำขุ่นหนุนส่งก่อนลงทะเล ถ่ายน้ำเทสู่บึงใหญ่ในยูนนาน น่านเจ้าก่อยอยศปรากฏยิน ครั้นคราวถิ่นเกรียงไกรแผ่ไพศาล น่านเจ้าเกิดเลิศกลับดับตามกาล ครั้นคราวฐานถึงแตกแยกกระจาย แพัพ่ายจีนรุกล่าน่าจะจริง เป็นหลากสิ่งหลายสำนักชักเหมือนหมาย แพ้พ่ายจวนรวนร้างต่างโยกย้าย เป็นหลากสายใครรู้ที่อยู่ใด [/color] หัวข้อ: Re: คีต_กานท์ เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 06 กรกฎาคม 2020, 04:31:PM PI6uu9iuKwM UMwRjZkcW3E เทเรียน เดอ ลา คูเปอรี ศาสตราจารย์ชาวฝรั่งเศส เจ้าของแนวความคิดที่เชื่อว่าความเป็น มาของคนไทยอยู่บริเวณมณฑลเสฉวนของจีน ได้แสดงความเห็นไว้ว่า คนเชื้อชาติไทยตั้งถิ่นฐานเป็นอาณาจักรอยู่ในดินแดนจีนมาก่อน เมื่อประมาณ 2,208 ปีก่อนคริสตกาล ชนชาติ " ไท" ได้ถูกระบุไว้ในรายงานสำรวจภูมิประเทศจีนในสมัยพระเจ้ายู้ จีนเรียกชนชาติไทยว่า "มุง" หรือ "ต้ามุง" ถิ่นที่อยู่ของคนไทยซึ่งปรากฏในจดหมายเหตุจีนนี้อยู่ในเขตที่เป็นมณฑลเสฉวนปัจจุบัน ประวัติเราเขาว่าน่าเชื่อหรือ ประกาศชื่อชนเชื้อเพื่อโปร่งใส ประวัติเรียงเคียงคามนามเด่นใด ประกาศใช่อาณาเขตประเทศเรา แม่โขงพาอารยะประสิทธิ์สรรค์ ขยายพงศ์พันธุ์สายเชื้อเครือเทือกเถา แม่โขงพัดซัดซากพังยังเห็นเค้า ขยายพงศ์เผ่าแพร่เหมาะเพราะรากเดิม ชาติกำเนิดเปิดโลกมีโศกสุข รับแล้วรุกรากเหง้าเอาสร้างเสริม ชาติกำหนดกฎก่อเพื่อต่อเติม รับแล้วเริ่มเรียนรู้ฤๅดูดาย หัวข้อ: Re: คีต_กานท์ เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 09 กรกฎาคม 2020, 08:46:PM หลังจากพญามังรายรวบรวมอาณาจักรหริภุญชัยเข้ากับโยนกเชียงแสนเสร็จสิ้นแล้ว ได้ขนามนามราชอาณาจักรแห่งใหม่นี้ว่า "อาณาจักรล้านนา" พระองค์มีดำริจะสร้างราชธานีแห่งใหม่นี้ให้ใหญ่โตเพื่อให้สมกับเป็นศูนย์กลางการปกครองแห่งอาณาจักรล้านนาทั้งหมด พร้อมกันนั้นก็ ได้อัญเชิญพระสหายสนิทร่วมน้ำสาบานสองพระองค์ได้แก่ พญางำเมืองแห่งเมืองพะเยา และ พ่อขุนรามคำแหงแห่งสุโขทัย มาร่วมกันสถาปนาราชธานีแห่งใหม่ในสมรภูมิบริเวณที่ลุ่มริมฝั่งมหานทีแม่ระมิงค์ (แม่น้ำปิง) โดยตั้งชื่อราชธานีแห่งใหม่นี้ว่า "นพบุรีศรีนครพิงค์เชียงใหม่" แต่ก่อนที่จะตั้งเมือง พระองค์ทรงได้สร้างราชธานีชั่วคราวขึ้นก่อนแล้ว ซึ่งก็เรียกว่า เวียงกุมกามแต่เนื่องจากเวียงกุมกามประสบภัยธรรมชาติใหญ่หลวงเกิดน้ำท่วมเมืองจนกลายเป็นเมืองบาดาล ดังนั้นพระองค์จึงได้ย้ายราชธานีมาอยู่ ณ นครเชียงใหม่ ในปี พ.ศ. 1839 และได้เป็นศูนย์กลางการปกครองราชอาณาจักรล้านนานับแต่นั้น …..วิกิพีเดีย อาณาจักรล้านนา คือ อาณาจักรในอดีตที่ตั้งอยู่บริเวณภาคเหนือตอนบนของประเทศไทย, สิบสองปันนาเชนเมืองเชียงรุ่ง (จิ่งหง) มณฑลยูนนาน ภาคตะวันออกของพม่า ฝั่งตะวันออกของแม่น้ำสาละวิน ซึ่งมีเมืองเชียงตุงเป็นเมืองเอก ฝั่งตะวันตกแม่นำสาละวิน มีเมืองนายเป็นเมืองเอก และ 8 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง เชียงราย พะเยา แพร่ น่าน และแม่ฮ่องสอน[1] โดยมีเมืองเชียงใหม่ เป็นราชธานี มีภาษา ตัวหนังสือ วัฒนธรรม และประเพณีเป็นของตนเอง ต่อมาถูกปกครองในฐานะรัฐบรรณาการของอาณาจักรตองอู อาณาจักรอยุธยา และอาณาจักรอังวะ จนสิ้นฐานะอาณาจักร กลายเป็นเมืองส่วนหนึ่งของอาณาจักรอังวะในราชวงศ์นยองยาน ไปในที่สุด …..โพสต์เมื่อ 27th September 2012 โดย Anonymous…..http://nuthappy4320.blogspot.com/?m=1 (http://nuthappy4320.blogspot.com/?m=1) อดีตดินแดนภาคเหนือของประเทศที่ได้ชื่อว่าล้านนา เคยมีหัวเมืองในความปกครองที่มีคำขึ้นต้นว่า “เชียง” อยู่ถึง 5 เมือง อันได้แก่เชียงราย เชียงใหม่ เชียงทอง เชียงตุงและเชียงรุ่ง ซึ่งรวมเรียกว่า “เมือง 5 เชียง” หัวเมืองต่าง ๆ เหล่านี้ล้วนแล้วเคยมีกษัตริย์ปกครองมีอย่างยิ่งใหญ่ ทว่าภายหลังการเข้ามาของประเทศมหาอำนาจซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้หัวเมืองล้านนาต้องถูกแบ่งแยกในบรรดาเมือง 5 เชียง เมืองเชียงรายถือได้ว่ามีความเก่าแก่ที่สุด เมื่อเอ่ยถึงประวัติของเชียงราย จะต้องกล่าวถึงประวัติของเมืองเชียงแสนควบคู่กันไป เพราะในยุคที่ไทยกำลังหนีจีนมาตั้งนครหลวงอยู่ที่แคว้นเมาและหนองแสนั้น ถิ่นที่ตั้งของจังหวัดเชียงราย เป็นที่อยู่ของชาวป่าชาวเขาพวกหนึ่งที่เรียกว่า “ลัวะ” หรือ “ละวะ” หรือ “ละว้า” และชาวป่าพวกอื่นๆ อยู่ราวพุทธศตวรรษที่ 11 ขอมมีอำนาจมาถึงอาณาจักรโตรบูร และยกเข้ามาตีแคว้นยวนเชียงขับไล่ชาติไทยแล้วมาตั้งอาณาจักรขึ้นที่เชียงแสน เรียกว่า “สุวรรณโคมคำ” ที่ซากเมืองเชียงลาวใกล้ฝั่งโขงและสร้างเมือง “อุมงคเสลา” ที่ซากเมืองฝาง ต่อมาประมาณ พ.ศ.1300 ขุนใสฝา โอรสขุมบรม กษัตริย์ไทยครองนครหนองแส ได้สร้างเมืองใหม่ขึ้น บริเวณเมืองสุวรรณโคมคำที่ร้างอยู่ เจ้าสิงหนวัติกุมาร ได้อพยพคนไทยประมาณแสนครัวเรือนออกจากหนองแส (ตาลีฟู) ลงมาสร้างเมืองใหม่ขนานนามว่า “เมืองนาคพันธุ์สิงหนวัตินคร” หรือเมืองเชียงแสน ปีพ.ศ. 1802 พระเจ้าเม็งรายขึ้นครองราชสมบัติที่เมืองหิรัญนครเงินยาง ได้ทรงรวบรวมหัวเมืองฝ่ายเหนือและเสด็จตามช้างไปจนถึงดอยจอมทองริมแม่น้ำกกนที เห็นภูมิประเทศเป็นชัยภูมิที่ดี จึงได้สร้างพระนครไว้โดยก่อปราการโอบเอาดอยจอมทองไว้ในท่ามกลางเมือง แล้วขนานนามว่า “เมืองเชียงราย” เมื่ออาณาจักรล้านนาตกเป็นของพม่าในปี พ.ศ.2101 พม่าได้ให้ขุนนางมอญปกครองเมืองแทน …..https://www.google.com/url?sa=t&source=web&rct=j&url=https://www.chiangmainews.co.th/page/archives/770207/&ved=2ahUKEwj_tKPQjsDqAhXadn0KHZtGD8EQFjAIegQIBBAB&usg=AOvVaw0dnrEegrNQZ64tJjC-9WBR (https://www.google.com/url?sa=t&source=web&rct=j&url=https://www.chiangmainews.co.th/page/archives/770207/&ved=2ahUKEwj_tKPQjsDqAhXadn0KHZtGD8EQFjAIegQIBBAB&usg=AOvVaw0dnrEegrNQZ64tJjC-9WBR) ตีเมืองเชียงใหม่ครั้งที่ 2 หลังจากที่กองทัพเมืองเชียงใหม่ภายใต้การนำของโปมะยุง่วนได้พยายามตีเมืองสวรรคโลกในปีพ.ศ.2313 แต่ไม่สำเร็จอีกสามปีต่อมา (ปีพ.ศ.2316) โปสุพลาแม่ทัพพม่าก็ได้นำไพร่พลจากเมืองเชียงใหม่ลงมาตีเมืองพิชัย แต่พระยาพิชัยได้ยกทัพออกไปรับมือและสามารถป้องกันเมืองเอาไว้ได้โดยในการต่อสู้กันพระยาพิชัยถือดาบสองมือไล่ฟันทหารพม่าจนดาบของตนเอกหักจึงได้สมญานามว่า "พระยาพิชัยดาบหัก" ตั้งแต่นั้นมา ในปีถัดมาพม่าประสบกับปัญหาภายในประเทศกับพวกมอญกบฎสมเด็จพระเจ้าตากสินทรงเล็งเห็นโอกาสที่จะชิงลงมือเพื่อยึดเมืองเชียงใหม่จึงได้ยกทัพจำนวน 15,000 นายออกจากกรุงธนบุรีเมื่อเดือน 12 ปีพ.ศ.2317 ไปประชุมอยู่ที่เมืองตากและให้เจ้าพระยาจักรีและเจ้าพระยาสุรสีห์นำทหารจำนวน 20,000 นายรุดหน้าไปก่อน พอไปถึงเมืองลำปางพระยาจ่าบ้านและพระยากาวิละซึ่งเป็นชาวล้านนาที่พม่าตั้งให้เป็นแม่ทัพก็ได้มาขอสวามิภักดิ์และอาสานำกองทัพไทยขึ้นไปเมืองตีเมืองเชียงใหม่ เจ้าพระยาจักรีและเจ้าพระยาสุรสีห์ได้ยกทัพต่อไปยังเมืองลำพูนและทำการสู้รบกับพม่าที่ตั้งค่ายรออยู่จนได้รับชัยชนะเสร็จแล้วจึงยกทัพเข้าล้อมเมืองเชียงใหม่โดยในระหว่างนั้นก็มีชาวเมืองที่หนีออกมาเพื่อแปรพักษ์หลายพันคน วันเสาร์ เดือนยี่ ขึ้น 12 ค่ำปีพ.ศ.2317 ทัพหลวงของสมเด็จพระเจ้าตากสินเดินทางมาถึงพระตำหนักค่ายมั่นริมน้ำเมืองเชียงใหม่ ครั้นโปสุพลาและโปมะยุง่วนทราบข่าวก็เกรงว่าจะสู้ไม่ได้จึงตัดสินใจพาครอบครัวหนีออกจากเมืองเพื่อเอาตัวรอด ครั้นวันพฤหัสบดี เดือนยี่ แรม 3 ค่ำ ปีพ.ศ.2317 สมเด็จพระเจ้าตากสินทรงเสด็จอยู่ ณ พระตำหนักริมน้ำเมืองเชียงใหม่และทรงแต่งตั้งให้พระยาจ่าบ้านเป็นพระยาวิเชียรปราการ ครองเมืองเชียงใหม่ ส่วนพระยากาวิละได้เป็นเจ้าเมืองลำปาง และพระยาลำพูนได้เป็นเจ้าเมืองลำพูนตามเดิม โดยในศึกครั้งนี้มีผลทำให้เมืองเชียงใหม่ เมืองลำปาง เมืองลำพูน เมืองแพร่และเมืองน่านมีสถานะเป็นประเทศราชและเข้ามาอยู่ภายใต้อาณาเขตของไทย …..https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=289606194899748&id=251275098732858&sfnsn=mo (https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=289606194899748&id=251275098732858&sfnsn=mo) 1w2f8CfmfgA De22I17BDLU รับแล้วเริ่มเรียนรู้ฤๅดูดาย ล้านนาก่อต่อเนื่องเมืองเชียงแสน ต้องเสียแดนสิทธิอาญาอณาสลาย ล้านนาเกิดเฉิดฉันครั้นโยกย้าย ต้องเสียดายพม่ารุกฆาตกวาดต้อนไป ใต้อาณัติผลัดคล้อยสองร้อยปี ถึงคราวที่ยอมความตามเงื่อนไข ใต้อาญามหาราชประกาศไว้ ถึงคราวไทยรบสู้กู้ล้านนา พระคุณท้นล้นเกล้าเจ้าตากสิน เจ้านครินทร์ขับไสไล่พม่า พระคุณไท้ได้ประทาน"จ่าบ้าน"พญา เจ้านคราเชียงใหม่ให้ ไทยครอง 70ugYGkJNpY หัวข้อ: Re: คีต_กานท์ เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 18 กรกฎาคม 2020, 09:50:AM ื pDTfYGk7t7o ศาสตราจารย์ขจร สุขพานิช กล่าวว่าคนไทมีถิ่นกำเนิดอยู่ทางตอนใต้ของจีนแถบมณฑลกวางตุ้ง กวางสี ต่อมาประมาณ 1,000 ปีก่อนคริสตกาล ชนเผ่าไทจึงได้อพยพมาทางตะวันตก ตั้งแต่มณฑลเสฉวน เมืองเชียงตู ลงล่างเรื่อยมาจนเข้าเขตยูนนาน และลงมาทางใต้ผ่านสิบสองจุไทลงสู่ประเทศลาว เกร็ดความรู้ จากสารานุกรมไทย สิบสองจุไท เป็นชื่อดินแดน ปัจจุบันตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ของประเทศเวียดนาม มีอาณาเขตทิศเหนือ ติดต่อกับแคว้นตังเกี๋ย และภาคใต้ของประเทศจีน ทิศตะวันออกติดต่อกับแม่น้ำดำ ทิศตะวันตกติดต่อกับเขตหัวพัน (ซำเหนือ) ของประเทศลาว มีเมืองแถง (แถน) หรือเดียนเบียนฟู เป็นเมืองดั้งเดิมของดินแดนนี้ สิบสองจุไท หมายถึง สิบสองเขตแดนของไทย หรือสิบสองเจ้าไท เดิมบริเวณที่เรียกว่า สิบสองจุไท ประกอบด้วยเมืองใหญ่น้อยรวมสิบหกเมือง เรียกชื่อว่า สิบหกเจ้าไท ต่อมาในปี พ.ศ.2427 - 2428 ประเทศฝรั่งเศส จีน และเวียดนาม ได้ลงนามในสนธิสัญญาเทียนสิน เพื่อกำหนดเขตแดนของประเทศเวียดนาม และประเทศจีนใหม่ ดินแดนสิบหกเจ้าไท จำนวนหกเมือง ได้ถูกรวมเข้ากับประเทศจีน จึงเหลืออยู่เพียงสิบเมือง ในเขตเวียดนาม ต่อมาฝรั่งเศสได้จัดการปกครองอีกครั้ง โดยยกฐานะอำเภอสองอำเภอขึ้นเป็นเมืองคือ เมืองมุน และเมืองควาย รวมเข้ากับเมืองที่มีอยู่เดิมสิบเมือง จึงเป็นสิบสองเมือง เรียกว่า สิบสองเจ้าไท หรือสิบสองจุไท สิบสองจุไท มีพลเมืองหลายกลุ่มชาติพันธุ์ โดยมีคนไทยดำ หรือผู้ไท และไทขาว เป็นหลัก เมืองแต่ละเมืองมีเจ้าปกครองเป็นอิสระต่อกัน ประกอบด้วยเมืองไทขาว สี่เมือง ได้แก่ เมืองไล เมืองเจียน เมืองมุน เมืองบาง และเมืองของไทดำ แปดเมือง ได้แก่ เมืองแถง เมืองควาย เมืองดุง เมืองม่วย เมืองลา เมืองโมะ เมืองหวัด (วาด) และเมืองซาง จากการขุดค้นทางโบราณคดี พบว่าสิบสองจุไท มีร่อยรอยของคนที่อาศัยอยู่บริเวณเมืองแถง มาตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ในยุคหินเก่า เชื่อกันว่า เมืองแถง เป็นถิ่นฐานดั้งเดิม และศูนย์กลางของสิบสองจุไท มาตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์ ประวัติศาสตร์ของคนไทในสิบสองจุไท และในประเทศเวียดนาม คงจะเริ่มตั้งแต่พุทธศตวรรษที่สิบเอ็ด ในบรรดากลุ่มคนที่อพยพเข้ามาตั้งถิ่นฐานในสิบสองจุไท กลุ่มคนไทดำเป็นกลุ่มใหญ่ มีจำนวนมากกว่ากลุ่มอื่น และเป็นกลุ่มคนไทที่รักษาอัตลักษณ์ความเป็นไทไว้ ได้มากกว่ากลุ่มอื่น ราวพุทธศตวรรษที่สิบเจ็ด พระเจ้าแผ่นดินกรุงศรีสัตนาคนหุต (ล้านช้าง) ได้ขยายอำนาจและอาณาเขตมายึดสิบสองจุไท พวกผู้ไทจึงอยู่ภายใต้การปกครองของศรีสัตนาคนหุต จนถึงราวพุทธศตวรรษที่ยี่สิบสอง อำนาจของกรุงศรีสัตนาคนหุตอ่อนแอลง จนถึงปี พ.ศ.2250 กรุงศรีสัตนาคนหุต ถูกแยกเป็นสองอาณาเขตคือ หลวงพระบาง และเวียงจันทน์ ดินแดนสิบสองจุไท จึงถูกแบ่งแยกตามไปด้วย ฝ่ายตะวันตก มีเมืองพวน และเมืองเชียงขวาง อยู่ในการปกครองของเวียงจันทน์ ส่วนหัวเมืองฝ่ายเหนือขึ้นไป เจ้านครหลวงพระบางแต่งขุนนางตำแหน่งหัวพัน ไปปกครองดินแดนนี้ จึงเรียกว่า เขตหัวพัน ส่วนหัวเมืองที่อยู่ห่างไกลออกไปคือ บริเวณสิบสองจุไท เจ้าเมืองหลวงพระบางให้เจ้าเมืองปกครองกันเอง ในทำนองประเทศราช …..https://www.baanjomyut.com/library/knowledge_of_encyclopedias/820.html (https://www.baanjomyut.com/library/knowledge_of_encyclopedias/820.html) BArzX0GWRco 9GsN96EnGy8 ชื่อชนตามเผ่าตั้งทั้งสิบสอง ไทบางส่วนชวนลงไต้ตามใจปอง ชื่อชนต้องเรียกปนสับสนไป ประวัติสอนย้อนกันเท่านั้นหรือ อยากรู้คือเชื้อสายตันปลายไฉน ประวัติศาสตร์วาทเถึยงเกี่ยงกันไว้ อยากรู้ไขเผ่าพันธ์บอกฉันที สงครามเกิดเตลิดทั่วมั่วตลอด ใครที่รอดต่างหลบอพยพหนี สงครามก่อต่อชัดรัฐเกิดมี ใครที่ลี้ยี้อหยัดรัฐใหม่แทน ความรุ่งเรืองเขื่องคามยามสงบ เสริมสร้างภพชาติพันธ์ุอันเหนียวแน่น ความรุ่งโรจน์โดดเด่นเช่นแก่นแกน เสริมสร้างแผนอารยะประเพณี หัวข้อ: Re: คีต_กานท์ เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 23 กรกฎาคม 2020, 09:51:AM เพลงชุดประวัติศาสตร์ เพราะดีก็เลยตั้งกระทู้เขียนกลอน โธ่เอ๊ย พอเรียบเรียงข้อมูล โอยสับสน เลอะเทอะ เยอะแยะ ขัดแย้ง ขนาดจะอ้างอิงข้อมูลยังเกรงใจคนอ่าน วิชาการยังไง บอกมีห้าแนวคิด ที่ไม่บอกว่าเป็นแนวคิด ก็มีพวกแนวพูดอีก ในแนวคิด แนวพูดยังมีแย้งกันอีก ไม่น่า ไม่ไม่ควรเล้ย จนปัญญาข้าฯ มิน่าเขียนกลอนออกมาเลอะเทอะ น่าอาย -nugdUOHGPE v-Jg0-WtmL4 shgUkJEz0Pc มาแต่ไหนไม่รู้แต่อยู่ยัง หมดทางทั้งอพยบจบวิถี มาแต่นานผ่านผันถึงวันนี้ หมดทางที่แดนใดให้พึ่งพิง ความสุขมีที่ใจใครก็บอก สงบนอกคือกายสบายยิ่ง ความสุขมวลควรสุดหยุดแย่งชิง สงบนิ่งใจนั้นสันติชน หัวข้อ: Re: คีต_กานท์ เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 26 กรกฎาคม 2020, 01:24:PM OoHHs9i8bHo ไทยมาจากไหน ไม่ได้บอก บอกขอมอยู่ที่เนี่ย ไม่ใช่เขมร เจ๊กไม่ใช่แปลว่าจีน ฝรั่งใม่ใช่แปลว่าอเมริกา แขกไม่ใช่แปลว่าอินเดีย ขอมไม่ใช่แปลว่าเขมร ZX9KGSZbyaE สงบนิ่งใจนั้นสันติชน ชื่อขะแมร์แปลเขมรตามเวรกรรม ขอมคือคำเรียกใครใช้สับสน ชื่อเขมรเช่นขะแมร์แน่เรียกตน ขอมคือคนทั่วไปไทยแหลมทอง ….. ส่วนอันนี้ไม่บอก ขอมมาจากไหน แต่เขมรมาจากขอม MVOsb8Y_4IQ กระซิบสั่งฟังไว้ไทยไม่มี เหล่าพวกพี้ย้ายสยบหลบสยอง กระซิบสอนมอญพม่าฝั่งขวาจอง เหล่าพวกผองลาวขอมญวนล้วนหนีเข้ามา ว่าหยั่งนั้นมันเห็นเป็นเช่นนี้ ช่องสอดผีวิเคราะห์เพราะตัณหา ว่าอย่างไหนไม่เชื่อเหนือปัญญา ช่องสอดผ่าประเด็นใหม่ ใช่เถียงครู หัวข้อ: Re: คีต_กานท์ เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 29 กรกฎาคม 2020, 09:47:AM -hJFQ6iPKHI ประมาณ 1,300 ปีมาแล้ว ก่อนที่พวกมอญ จะนำความเจริญรุ่งเรืองมาสู่เขตลุ่มน้ำปิง บรรพบุรุษของละว้า ได้ตั้งถิ่นฐานอยู่แล้ว ละว้าหรือที่คนไทยภาคเหนือเรียกว่า “ลัวะ” นั้น เป็นกลุ่มชนออสโตรนีเซียนและเรียกตัวเองว่า “ละเวียะ” ถิ่นกำเนิดที่แท้จริงยังไม่ทราบแน่ชัด แต่เป็นที่เชื่อกันว่าอพยพมาจากทางตอนใต้ของไทย มลายา หรือ เขมร เมื่อประมาณ 2,000 ปีมาแล้ว บางคนเชื่อว่า พวกลัวะ เป็นเชื้อสายเดียวกับพวกว้าที่อยู่ทางภาคเหนือของเมียนมาร์และตอนใต้ของมณฑลยูนนานในประเทศจีน เพราะมีความคล้ายคลึงกันทางด้านภาษา ลักษณะรูปร่างและการแต่งกาย พวกลัวะได้เข้ามาตั้งถิ่นฐานอยู่ในเขตเมืองเชียงใหม่ เมื่อประมาณ 900 ปีมาแล้ว พวกมอญจากลพบุรีซึ่งเป็นผู้สร้างเมืองลำพูนและลำปาง ได้รุกรานพวกลัวะจนต้องหนีไปอยู่บนภูเขากลายเป็นชาวเขาไป ต่อมาในพุทธศตวรรษที่ 18 ชนชาติไทยได้อพยพเข้าสู่ดินแดนแถบนี้ และตีพวกมอญแตกพ่ายไปและมีสัมพันธไมตรีกับพวกลัวะ พวกลัวะเองก็เชื่อว่า บรรพบุรุษของเขาเคยอาศัยอยู่ในเชียงใหม่ และเป็นผู้สร้างวัดเจดีย์หลวงก่อนที่ไทยจะเข้าสู่ดินแดนแถบนี้ ลัวะมีกษัตริย์ของตนเอง และองค์สุดท้ายคือขุนหลวงวิลังก๊ะ ซึ่งถูกพระนางจามเทวี กษัตริย์มอญแห่งนครหริกุญชัย (ลำพูน) ตีแตกพ่ายไปอยู่บนป่าเขา มีลัวะบางส่วนที่อาศัยอยู่พื้นราบ แต่พวกนี้รับวัฒนธรรมขนบธรรมเนียมประเพณีต่าง ๆ จากคนไทยจนสูญเสียเอกลักษณ์ของตัวเองไปเกือบหมดแล้ว http://www.hugchiangkham.com/ (http://www.hugchiangkham.com/)ชนชาติพันธุ์ลั๊วะ/ ….. ละเวือะไม่ใช่ละว้า คนภายนอกมักเรียก “ชาวเลอเวือะ” ที่บ้านป่าแป๋ว่า “ลัวะ” (เช่น จันทรบูรณ์ สุทธิ และคณะ, 2532) แต่ก็มีนักวิชาการบางคนเรียกเลอเวือะบ้านป่าแป๋ว่า “ละว้า” (Lawa) เช่น ในบทความเรื่อง Living With Thailand’s Gentle Lua ของปีเตอร์ กุนสตัดเตอร์ (Peter Kunstadter) ตีพิมพ์ใน National Geographic เมื่อปี ค.ศ.1966 ซึ่งเข้าใจว่า ปีเตอร์ กุนสตัดเตอร์ จะเรียกคนกลุ่มนี้ตามที่ชาวอังกฤษใช้เรียกละว้าในประเทศพม่า แต่จากบทความนี้เองทำให้เลอเวือะที่บ้านป่าแป๋และที่อื่นๆ ในประเทศไทยถูกเรียกชื่อว่า "ละว้า" ในวงกว้าง สำหรับทางการไทยเรียกเลอเวือะบ้านป่าแป๋และหมู่บ้านอื่นๆ ว่า “ลัวะ” คำนี้เริ่มต้นใช้อย่างเป็นทางการเมื่อ พ.ศ.2507 เมื่อมีการตั้งศูนย์วิจัยชาวเขาขึ้น (ซึ่งต่อมาศูนย์นี้ได้เปลี่ยนชื่อเป็นสถาบันวิจัยชาวเขา) ทั้งนี้เพื่อสร้างความรู้ในการจัดกลุ่มชาวเขาให้ถูกต้อง (พิพัฒน์ กระแจะจันทร์, 2551) ดังนั้น ทำให้ตั้งแต่ทศวรรษ 2500 เป็นต้นมา เลอเวือะบ้านป่าแป๋ และที่อื่นๆ จึงถูกทางการไทยเรียกรวมกันทั้งหมดว่าเป็น “ลัวะ” จากการสอบถามเลอเวือะบ้านป่าแป๋หลายคน อธิบายว่า พวกตนเรียกชื่อตนเองว่า "เลอเวือะ" มานานแล้ว ส่วนชื่อเรียกว่า "ลัวะ" เป็นชื่อที่คนเมืองและทางราชการใช้เรียกกัน พวกตนก็ยอมรับคำนี้เพราะเป็นคำที่คนทั่วไปเข้าใจกัน ไม่ได้มีความหมายในเชิงดูถูก ส่วนคำว่า "ละว้า" หรือ "ละวะ" ถือเป็นคำที่นักวิชาการใช้เรียกกัน แต่ก็ไม่ถูกต้อง และมีความหมายคล้ายกับละว้ากินคนในพม่า (สัมภาษณ์ นายคำรอง ผู้อภิบาล, 2555; นายบือ ขจรศักดิ์ศรี, 2556) เมื่อ 6-7 ปีที่ผ่านมา เลอเวือะบ้านป่าแป๋ได้เริ่มต้นทำงานวิจัยท้องถิ่นของตนเอง จึงเริ่มมีการใช้คำว่า “ละเวือะ” 2YNuglu23jc คนที่มาว่ามิอยากจากไปไหน จะร่วมไม้ร่วมมือยื้อจะอยู่ คนที่มองปองร้ายกลายเอ็นดู จะร่วมหมู่อภัยโทษไม่โกรธกัน ยิ่งใหญ่จังยังจมล่มสลาย หวังที่หมายวัฒนธรรมกรรมแปรผัน ยิ่งใหญ่เจ้าเผาไล่ไฟลงทัณฑ์ หวังที่มั่นเหลือทีอยู่รู้กันซะ คิดรุกล้างต่างเจ้าเผากันถ้วน แพ้ชนวนนักเลงเบ่งเกกะ คิดรุกรานผลาญพล่าอ้างอารยะ แพ้ชนะ แค่เจ๊าเราพันธ์ุเดียว หัวข้อ: Re: คีต_กานท์ เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 01 สิงหาคม 2020, 09:50:AM รบกันตลอดเวลา อพยบมายาวนาน รบถึงกาลสิ้นท่าไม่มีปัญญาอพยบไปไหน 1GESaxLMens oj9NVTFaW7Q IYkg06H3Vjw U5PnHJIjxzk เขมรลาวชาวพม่ามอญ อาณาจักรก่อนอยุธยาว่าแน่น่เหนียว เขมรรุดอยุธยาไล่ไฟเผาเชียว อาณาจักรเกี่ยวแย่งใหญ่ใคร่ช่วงชิง ลาวล้านช้างอ้างขุนบรมปฐมราช อ้ายน้องญาติประจบครบทุกสิ่ง ลาวล้านชนก่นไห้ไทยเผาจริง อ้ายน้องยิ่งผวาหวาดถูกกวาดมา ชาติพันธุ์แยกแตกไปไทอาหม พลแกล้วกลมเก้าพันขันอาสา ชาติพันธุ์ย้ายปลายทางสร้างอาณา พลแกล้วกล้ายึดอัสสัมผ่องอำไพ หัวข้อ: Re: คีต_กานท์ เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 03 สิงหาคม 2020, 10:59:AM ทวารวดี รุ่งอรุณแห่งอารยธรรมสยามประเทศ Oi8N05ilEMs qwRDcPkj_6w RAn-wgf540E ประวัติชาติคลาดเคลื่อนบ้างเบือนบิด หลายแนวคิดชวนเชื่อเพื่อฝ่ายไหน ประวัติชนคนชนะจะเขียนไว้ หลายแนวไขฝ่ายต้านค้านมาแคะ อุทาหรณ์มอญพม่าน่าใจหาย ผลแยกย้ายหนึ่งอนาถสิ้นชาติแหละ อุทรณ์หาพม่ามอญวอนชี้แนะ ผลแยกแยะมอญสลายพ่ายสงคราม อยุธยาทวารวดี คำเรียกนี้คืออารยแห่งสยาม อยุธเยศเขตอณามาตุคาม คำเรียกนามแดนอุษาอารยธรรม หัวข้อ: Re: คีต_กานท์ เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 11 สิงหาคม 2020, 02:34:PM จบกระทู้ประวัติศาสตร์ด้วยการขออภัยต่อความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ หมายรวมถึงความโง่เขลาของข้าพเจ้า โปรดอภัยข้าพเจ้าหากข้าพเจ้าเสนอข้อมูลคลาดเคลื่อนหรือไม่ตรงความเป็นจริงกับฝ่ายใดฝ่ายอื่น อันเนื่องจากคัดลอกมาจากความเห็นต่างทางวิชาการอันหลากหลาย ซึ่งล้วนเปิดเผยแล้วต่อสาธารณะ ข้าพเจ้าพยายามเสนอข้อมูลจากหลายฝ่ายโดยมิได้เลือกลำเอียงทางฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด ต่อไปจะไม่มีกระทู้ประวัติศาสตร์อีก ถ้าจะกล่าวถึงเรื่องราวของชนชาติใด ก็จะเป็นเพียงการนำเสนอด้าน ศิลป วัฒณธรรม ประเพณี ทั้งนี้ก็มิใช่ว่าขัาพเจ้าเชี่ยวชาญ เพียงคิดว่าเป็นเรื่องที่ไม่สร้างความขัดแย้ง ความไม่พอใจต่อผู้ใด โดยเฉพาะทางการเมืองอันเป็นข้อห้าม ePtPJZ-KgDE ไทยอพยบมาจากไหนหรือไม่ ไม่รู้ รู้แต่ว่านับแต่นี้ อยู่ตรงนี้แหละ ไม่ว่าจะเกิด อะไรขึ้น สมัยนี้ไม่มีประเทศไหนยอมรับผู้อพยบ อีกต่อไปแล้ว ถึงบรรทัดนี้ยังหาคนสรุปไม่ได้ว่าประวัติคนไทยเป็นมาอย่างไร ถึงวันนี้ข้าพเจ้ายอมรับว่าโง่มาตลอดชีวิต ไม่รู้แม้แต่ว่าประวัติชาติเรานั้นต่างสอนกันมาแตกต่างกันมากมายหลายทฤษฏี มากๆจริงๆ ….. เท่าทีรู้ว่าเป็นจริง ทั้งจีน เวียตนาม ลาว เขมร พม่า อินเดีย ส่วนใหญ่มีผู้อพยพ และพุ่งเป้ามาที่ประเทศไทย แล้วในอดีต โดยสาเหตุการอพยพมาจากสงครามกลางเมือง ความอดอยาก การกดขี่ข่มเหง ความขัดแย้งทางศาสนา ไทยเราก็ยินดีต้อนรับ สะท้อนถึงความอยู่เย็นเป็นสุขของแผ่นดินไทย ภายใต้ความร่มเย็นของ สถาบันพระมหากษัตริย์ไทย. ….. mEMyPsYDZjI ใต้ร่มปกเกศาราชูปถัมภ์ ทรงการุญพระคุณพ้นกุศลกรรม เริงฤดีรัมย์รมย์เลิศเกิดเป็นไทย ผืนไผทไพร่ฟ้า มหาชน โพธิ์พ่อภูมิพล แผ่คุ้ม ทศพิธท่านเป็นหน เห็นทั่ว เทียวเนอ โพธิ์ร่มพรหมอวยอุ้ม อุ่นเอื้อเสริมศานต์ |