หัวข้อ: O ฟ้าคร่ำลมครวญ .. O เริ่มหัวข้อโดย: สดายุ ที่ 13 มีนาคม 2020, 12:20:PM (https://www.bloggang.com/data/s/sdayoo/picture/1581518369.jpg) O กัมปนาทวิชชุโชติ .. เหมือนโกรธเกรี้ยว จันทร์รูปเรียวเคยประดับก็ลับหาย อัสสุชลหล่นฟ้า .. กลับพร่าพราย- ด้วยชม้ายชายตา .. แฝงท่าที O ครั่นครื้น-เสียงลมฟ้า .. เสียงห่าฝน หากใจคนกลีบสุมาลย์เริ่มบานคลี่ วิชชุเฟื้อยเส้นปราด .. ลงฟาดตี และกลีบสีบุษบันเริ่มสั่นสะทก O รับรู้ - คลื่นลมฝนอีกฝนหนึ่ง พร้อมทั้งความหวานซึ้งติดตรึง .. อก ไร้แสงดาวดื่นเรียง, ไร้เสียงนก- หากสาธกไร้เสียง .. จักเลี่ยงฤา ? O พระท่านว่าตาจบกรรทบรูป จิตอาจวูบด้วยพฤติ .. แล้วยึดถือ ตั้งแต่เนตรเหลือบเหลียว-เยี่ยงเรียวมือ- เข้ายุดยื้อเพรียกถวิลให้ดิ้นรน O พอสิ้นเสียงธรรมพระ .. ก็จะแจ้ง- ถึงนัยแฝงเร้นผจง .. ให้ส่งผล สาธุการแผ่วพลิ้วกลางริ้วสุคนธ์ และใจคนอบอุ่นละมุนละไม O เบื้องนอก-ลมเฉื่อยโชย .. ฝนโปรยปราย เบื้องหน้า-สายตานั้นเหมือนสั่นไหว วาบวิ่งแสงวิชชุยังคุไฟ และวาบวับตาใครเล่าไหววน O นับเนื่องแต่บ่วงกรรม .. พาจำพราก สืบช่วงจากแดดอุ่นถึงฝุ่นฝน ตราบ-ธรรมแว่ว, เพทนา, นัยน์ตาคน- หวานหอมกลีบสุคนธ์ .. ก็หล่นคอย O สิ้นคาบยามน้ำหยาดบำราศแล้ว เหลือเพียงคีตผ่านแว่ว อย่างแผ่วค่อย พร้อมคู่ดาววาบแสงลงแฝงรอย เพรียกละห้อยห่วงเห็นไม่เว้นยาม O ดึกดื่นเสียงกัมปนาทค่อยขาดช่วง หากแต่ท่วงทีละม่อม .. กลับล้อม-ล่าม อิริยาพฤติจริตย่อมติดตาม- เข้าคุกคามถวิลอยู่แต่ผู้เดียว O ภาพ-กบก้มประนมกรอันอ่อนช้อย, เนตรชม้อยชม้ายตอบยามลอบเหลียว, พร้อมสายลมแผ่วพลิ้ว-ด้วยนิ้วเรียว- กบ-เหมือนเหนี่ยวจิตชายอย่าคลายคะนึง O ผมหล่นล้อมรูปหน้าเมื่อหน้าก้ม เพียงสายลมขวางอยู่เมื่อรู้ถึง- ความอาวรณ์ในจิต .. ว่าติดตรึง- กับรูปซึ่ง .. ธรรมพระ-ต้องละวาง ! O ทุกลอบเหลือบเหลียวอยู่ก็รู้เลศ เหมือนดลเวทย์มนต์อุบัติขึ้นขัดขวาง ธรรมพระแว่ว .. ดวงขวัญก็กั้นกลาง อนัตตาความว่างก็ห่างไกล O จาก-อ่อนเอนแกว่งไกวของไม้พุ่ม- ถึงลมรุมเร้าผ่าน .. กิ่ง .. ก้านไหว ฤาต่างความรุมเร้า – รูปเงาใคร- เผยผ่านงาม .. สดใส .. คอยไหววน O กี่ปีกนกล้อลม .. กี่ร่มพฤกษ์- ผ่าน .. รำลึกย้อนหลัง, สักครั้งหน- ที่รูปคราญโลมไล้ .. หัวใจคน- จัก .. ฝ่าพ้นผ่านงาม .. สักงามนั้น ? O สิ้นจันทร์ .. สิ้นคืนค่ำ .. ลมร่ำ-หนาว หากเนตรวาววับนัย ยังไหวสั่น- เหมือนคอยยั่วคอยย้ำ .. แทนรำพัน- โอบอุ้มแรงใฝ่ฝันให้สั่นรัว O กุมเหงนั่นเพียบพร้อม .. ละม่อมหน้า เติบเต็มโหมคุณค่ากลางฟ้ารั่ว มธุรสบุษบันก็กลั่นตัว หยาดโลมทั่วดวงจิต .. รอชิดเชย O พร่างพรายจันทร์อีกดวงในทรวงนี่ หากหลีกลี้ .. อ้อยอิ่งทำนิ่งเฉย- หนี้อาวรณ์ทบต้น .. จักล้นเลย- ความอันเคยเอ่ยนับทุกกัปกัลป์ O พร่างพรายแล้วเสน่หา .. คันธารส แต่เผยบทบาทน้อม .. เข้าล้อมขวัญ เถิด-ถ้อยคำบวงโอ่ .. ทั้งโลกันต์ เพียงเศษเสี้ยวส่วนอนันต์ .. รำพันนี้ ! . . https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=07-2017&date=12&group=11&gblog=681&fbclid=IwAR32JFMjZuNPDR3uKWIJUCgiEHOi1tiEGFnteg5kFOEnQ0_PI-wExVbQgEE (https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=07-2017&date=12&group=11&gblog=681&fbclid=IwAR32JFMjZuNPDR3uKWIJUCgiEHOi1tiEGFnteg5kFOEnQ0_PI-wExVbQgEE) หัวข้อ: Re: O ฟ้าคร่ำลมครวญ .. O เริ่มหัวข้อโดย: สดายุ ที่ 18 มีนาคม 2020, 06:21:PM (https://www.bloggang.com/data/s/sdayoo/picture/1582557292.jpg) O รูปแพงเจ้า-พึงเผยความเอ่ยเอื้อน ให้ความเหมือน .. เจ้ามี .. ดูทีหรือ เผยอาวรณ์รูปเยาว์-ให้เขาลือ จนยึดถือเป็นอย่าง-อย่าพรางเลย O หลับตาสิ .. วาบไหวรูปใครนั้น ยิ่งปิดกั้นรูปรอย .. ยิ่งคอยเผย รำพันพากย์ฝากคิดไว้ชิดเชย อกเจ้าเอย .. จะหลบเลี่ยง-พี่เยี่ยงไร O เพื่อผ่านรสหวานหอมเข้ากล่อมบท พร้อมกรองพจน์วาที .. ช่วงชี้ให้- รูปแพงเจ้าเสน่หา .. เกินฝ่าไป- จากอาลัยเหนี่ยวหน่วง .. เป็นบ่วงร้อย O วาดหวังถึงงดงาม .. จึง-ยามคิด- ย่อมแนบชิดชมหอม .. หรือยอมถอย เพียงเพื่อรูปแพงทองใจล่องลอย- เฝ้าละห้อยแหนหวงอย่าล่วงเลย O หมายโอบเอื้อเอารักจำหลักขวัญ และผูกมั่นด้วยนัยที่ใคร่เผย อันคำรัก-ชนเทียบความเปรียบเปรย- เพียรอ้างเอ่ย - แค่ธุลีของพี่เอง ! |