หัวข้อ: O ปลายฝน .. ต้นหนาว .. O เริ่มหัวข้อโดย: สดายุ ที่ 08 ธันวาคม 2019, 11:31:AM (https://www.bloggang.com/data/s/sdayoo/picture/1567423143.jpg) O เจ้าโบกปีกเบาบางที่กลางฟ้า เอาเวหาห้อมตัวเร้ารัวเสียง ปีกโล้ลมคลี่สยายอยู่รายเรียง ก่อนบ่ายเบี่ยงลิ่วคว้างเส้นทางจร O จะผ่านฝนสู่หนาวอีกคราวแล้ว เมื่อดอกแก้วกรุ่นล้อมกลิ่นหอมอ่อน กางเขนดงโผกระหยับลงจับคอน เมื่ออาวรณ์วูบวับลงจับใจ O ถวิลดวงดอกฟ้าโน้มมาสู่ พร้อมแรงชู้สุมซ้อนด้วยอ่อนไหว จังหวะปีกโบกฟ้า .. เช่นอาลัย- เมื่อโบกโบยความนัยออกไหววน O ท่วงทำนองพร้องพร่ำ .. นกร่ำเสียง หวังร้อยเรียงความปวง .. ผ่านห้วงหน- บรรจงมอบความนัยแห่งใจคน หวังปรุงปรนหอมละมุนให้คุ้นเคย O ปลายพรรษา .. ลมล่องเมฆฟ่องฟ้า รอดวงตาอ่อนน้อย .. เจ้าคล้อยเผย- แววอาวรณ์นิรมิต .. ให้ชิดเชย ร่วมยั่วเย้ยปฏิพัทธ์ให้หยัดรอย O ลมเอย..ฝากพรมผ่าน..เอาหวานหอม- เข้าเห่กล่อมฤดีเดียว .. ที่เปลี่ยวหงอย อาจเอื้อมพจน์บรรสาร-เนิ่นนานคอย แทนอ้อมอกอันละห้อย .. โอบร้อยนวล O กล่อมเอย .. กล่อมงาม .. ฝ่าสามโลก เพื่อโบยโบกปฏิพัทธ์รำบัดหวน หัวอกเอย .. ต้องเสน่ห์จนเรรวน- คำนึงล้วนรูปถนอม ..ในอ้อมทรวง O ปีกนกคงคลี่กาง .. ที่กลางฟ้า ละม่อมหน้ารูปแพง .. รอบแรงหวง- คล้ายคลี่กางโอบอุ้มใจพุ่มพวง พร้อมเงื่อนบ่วงอาวรณ์ .. สุมซ้อนลง O ต้องแรงลมปลายปีก .. ฤๅหลีกหลบ เช่นบรรจบต้องงาม .. ย่อมลามหลง ร้อยรัดคลื่นรมยา .. รูปอ่าองค์ ที่บรรจงจบบทด้วยรสสุมาลย์ O ต้องแรงลมปีกโผ .. ขึ้นโล้ล่อง เหมือนเมื่อต้องรูปละม่อม .. อันหอมหวาน ใดเล่าจักเห่รับอยู่นับนาน มิใช่ห้วงดวงมานดอกหรือไร O ปีกนกยังโบกบิน .. ผ่านถิ่นแนว เนตรโชนแววเล่าบิน .. ถึงถิ่นไหน ? รูปหนึ่งกอปรเลือดเนื้อ .. พร้อมเยื่อใย- แสนอ่อนไหวยังคง ..จำนงรอ O จะผ่านฝน .. สู่หนาวอีกคราวแล้ว หวังจิตแผ้วผ่องดวง, บำบวงขอ- มนต์ทิพให้รุมเร้าพะเน้าพะนอ เฝ้าลามล้อแรงชู้ .. ให้รู้ชม O เมื่อสิ้นฝน .. ต้นหนาวจักหนาวยิ่ง หวังแอบอิงออดซุกให้สุขสม ก็แต่ร่วมเสน่หาเฝ้าปรารมภ์ ให้อกห่มห้อมกาย .. แต่ถ่ายเดียว ! O เมื่อสิ้นฝนเข้าหนาว .. คาบหนาวนี้ ควรหรือที่ต้องชะแง้ .. เฝ้าแต่เหลียว- หาแววตาสบสื่อ .. พร้อมมือเรียว- เอื้อมมาเกี่ยวก้อยกลางเส้นทางเดิน O กล่อมเอย .. กล่อมงาม .. ฝ่าสามภพ จวบครันครบปฏิพัทธ์, เพื่อ-ขัดเขิน- ในห้วงอกโหมระลอกคอยหยอกเอิน- ให้สะเทิ้นสะท้านอยู่ .. ไม่รู้แล้ว ! O กล่อมเอย .. กล่อมโลก .. ให้ยกผ่าน- ความออดอ้อนอ่อนหวาน .. อันซ่าน .. แผ่ว เพื่อดวงตาพริ้มพรับ .. เมื่อวับแวว แขนเรียวจักไม่แคล้ว .. โอบแล้ว .. รอ ! . . เพื่อดวงตาอ่อนโยน .. เมื่อโชนแวว แขนเรียวโอบรั้งแล้ว .. สุดแล้วลา ! https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=09-2014&date=08&group=11&gblog=579&fbclid=IwAR1wmdjjyjeTqwEyYFe4ft8PX84Q9mF1y9F9XrtrSEAss4aDBCDuAIbxEhM (https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=09-2014&date=08&group=11&gblog=579&fbclid=IwAR1wmdjjyjeTqwEyYFe4ft8PX84Q9mF1y9F9XrtrSEAss4aDBCDuAIbxEhM) หัวข้อ: Re: O ปลายฝน .. ต้นหนาว .. O เริ่มหัวข้อโดย: สดายุ ที่ 27 ธันวาคม 2019, 05:31:PM O แสงช่วงแห่งดวงมณี .. O (https://www.bloggang.com/data/s/sdayoo/picture/1577435571.jpg) O หม่นมัวเงียบงันอยู่ ..ในตรู่สาง หยดน้ำวางตัวเกลื่อน..ทั่วเถื่อนหน ฟ้าสูง .. ภาพฝูงนก .. บินวก-วน เมื่อสูรย์พ้นสิขรคล้อย .. ขึ้นลอยดวง O หอมโกสุมกล่อมยาม .. เมื่อวามวับ- ดวงวันทอลออระยับขึ้นรับช่วง ลมเช้าชื่นเฉื่อยโชย .. ก็โดยรวง- ช่อมาลย์ปวงเตรียบหอมรายล้อม .. รอ O ตฤปความหอมรื่นล้ำ-แห่งธรรมชาติ บำบวงภาษปรุงปอง .. พร่ำพร้องขอ หมายโสตเทพเพลิดเพลิน .. คำเยินยอ ดลฤทธิ์ต่อสายใย .. รัดใจนั้น O ผูกมัดใจหนึ่งอยู่ .. อย่ารู้คลาย เก็บสองปลาย .. ซ่อนไว้เพื่อไหวสั่น- แห่งถวิลร้อนแรง .. จักแบ่งปัน- โอบออขวัญ .. อบอุ่นเข้าหนุนทรวง O ละคาบยามพ้นผ่าน .. แม้นนานเนิ่น พึงจำเริญแนบแน่นด้วยแหนหวง ดื่มด่ำรสวาบหวามถ้อยความปวง- พร้อมความห่วงใยมี .. เต็มที่ทาง O หมายทุกทุกอณูธาตุ .. ห้วงอากาศ ยอโอภาสวับวาวทุกก้าวย่าง ล้อมรูปแพงทองขวัญ .. ป้องสรรพางค์- ถนอมร่างถนอมเนื้อ .. ไว้เอื้ออิง O ทุกโอภาสแอบออ .. ร่ำรอถนอม พึงแนบน้อมอาลัยสู่ใจหญิง ทุกรอบวันลับดวง .. โปรดช่วงชิง- ดวงใจมิ่งขวัญวาง .. ที่กลางใจ O บำบวงถ้อยเทอดแถนทั้งแดนฟ้า เพื่อก่อรูปพรรณนา .. หมายอาศัย- สื่อความอุ่นอ่อนหวานจากด้านใน- ดวงจิตให้สั่นเต้น .. ด้วยเอ็นดู O เตรียบคำถ้อยเพื่อแถนทั้งแสนสรวง ช่วยทาบทวงอาวรณ์ .. มอบย้อนสู่- หัวใจเยาว์อบร่ำความดำรู- ด้วยนัยชู้แห่งชาย .. ที่หมายชม O หม่นมัวเงียบงันอยู่แห่งตรู่สาง ก็เริดร้างด้วยระยับแสงทับถม ตระการรูปปรารถนาในอารมณ์ ก็ห้อมห่มทรวงไว้ด้วยนัยเดียว O เตรียบจินตาร่ำรอลออภาค รับอาวรณ์ไหลหลากอันกรากเชี่ยว เตรียมใจไว้ปลิดปลิวด้วยนิ้วเรียว- เจ้าเอื้อมเหนี่ยวเด็ดวาง .. แนบหว่างใจ O เตรียบอารมณ์ร่ำรอพะนอถวิล ก็โดยจินตนาความ .. อันหวามไหว กลางวงรอบเสน่หาความอาลัย หวังหมุนให้เฝ้าหมาย .. แต่ชายเดียว O ขวัญเจ้าเอย .. ครั้งรูปเผยผ่านมาให้ตาเหลียว เยื่อใยอย่างแฝงเร้น .. ฟั่นเป็นเกลียว- ม้วนสองปลายรัดเหนี่ยว .. พันเกี่ยวไว้ O สายใยแทนความแหนหวง คือเงื่อนบ่วงโอบขวัญ .. เฝ้าฝันใฝ่ เพื่อเสพรับอุ่นอายจากภายใน อุ่นอาลัยล้อมรุม .. เข้าสุมลน O แต่บรรจบก็ลุกลามเป็นความหมาย แววตาฉายสบกันนับพันหน ก็แต่นั้น .. หวั่นไหว .. และใจคน จักหลุดพ้นพรากได้ .. เยี่ยงไรฤๅ ? O เห็นมณีน้ำระยับงามจับตา ควรคิดคว้าเอาไว้ .. มิใช่หรือ ใครเล่าจะเหนี่ยวดึง .. ส่งถึงมือ มีแต่ยื้อยึดครอง .. เป็นของตัว O เหลื่อมแสงพร้อยพร่างอยู่ไม่รู้สิ้น เชื่อมสองจินต์เผยออก .. นัยหยอก-ยั่ว แววมณีแฝงเร้น .. คล้ายเต้น-รัว- อยู่โดยทั่วดวงมณี .. ณ ที่นั้น O จนเส้นช่วงโชติวิเชียร .. เริ่มเวียนว่าย แววช่วงฉายจากไหน .. นะไหวสั่น ดูเถิด-ที่ก่ำแก้ม .. ราวแต้ม-ปัน- ด้วยหวามหวั่นจบพักตร์ .. จำหลักแล้ว O รับรู้ความครวญคะนึง... เมื่อแววซึ้งซ่านใจ .. นั้นไหวแผ่ว มณีงามก็คล้ายดั่งจะปลั่งแวว- และคล้ายแน่วแน่อยู่ .. ให้รู้นัย O รับรู้ความอาวรณ์... ที่เหมือนอ้อนออดอยู่ .. จนรู้ได้- ที่เหมือนอ้อนออดรู้ .. เพื่อรู้ใจ ที่เหมือนไล้โลมทั่วทั้งตัวตน O ลมเหนือที่เหน็บหนาว .. เมื่อโหมฝ่าห้วงหาวทุกคราวหน เถิด-ทุกครั้งอวลหอม .. เข้าล้อมลน ล้อมใจคนถวิลชู้อย่ารู้คลาย O เจ้าดวงมณีเอย .. ยิ่ง-รำเพยลมร่ำ .. เจ้ารำร่าย- แววออดอ้อนฝ่าสมัย .. ยั่วใจชาย เกรงว่า-สายเกินการณ์จักต้านแล้ว ! https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=07-2014&date=24&group=11&gblog=562 (https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=07-2014&date=24&group=11&gblog=562) หัวข้อ: Re: O ปลายฝน .. ต้นหนาว .. O เริ่มหัวข้อโดย: สดายุ ที่ 28 ธันวาคม 2019, 08:03:AM O อุปาทานรูป .. O (https://www.bloggang.com/data/s/sdayoo/picture/1577358121.jpg) ๑๔ O ชลพินธุรินภวะละหลั่ง นภะฝั่งก็พร่างไฟ- ด้วยดาริกาสมะสมัย รุจิไล้ประโลมหลัว O เย็นรื่นเพราะคลื่นวตะระลอก ขณะหมอกก็หม่นมัว เผยร่าง .. ระหว่างพรรณะระรัว- พะ-เหยาะยั่ว .. กะเยียบเย็น O คู่ดาวอะคร้าวรหัสะนัย ก็ประไพประภาพเพ็ญ ยามชายชม้ายพิศะ บ เร้น- นยะเต้นขจ่างตา ๘ O เกิดแต่เมื่อเดือนฉายที่ปลายช่วง- ดาวเลื่อนดวงหันเห .. ลับเวหา แทนที่ด้วยคำมั่นคำสัญญา- ขึ้นค้ำฟ้าแทนช่วง .. ของดวงไฟ O เกิดแต่เมื่อชาติภพบรรจบรูป เมื่อเปลวเทียนควันธูป .. ลอยวูบไหว ภาพแววตาสั่นรัว .. คล้ายหัวใจ- ต้องเลศนัยแรงชู้เข้าจู่โจม O เสียงธรรมพระ .. จะแจ้งสำแดงสอน เพื่อดับร้อนข่มทุกข์ที่ลุกโหม ในอกผู้สั่นระทึกเสียงครึกโครม ฤๅอาจโซรมให้ซบ .. เพียงสบธรรม ? O คำพระว่า .. ตามองสบต้องรูป ใจอาจวูบวาบเผลอ .. ถึงเพ้อพร่ำ ด้วยรูปการหวานหอม .. ช่วยน้อมนำ- พาเหยียบย่ำเวทนา .. สู่อาวรณ์ O คำพระว่า .. อารมณ์หากข่มไหว จงข่มไว้ด้วยธรรมท่านพร่ำสอน ตาสบรูป .. ภพชาตินั้นอาจทอน- ให้ขาดตอนขาดช่วง .. จนล่วงรอย O เสียงพระเทศน์ยังแว่วไม่แล้วล่วง เพื่อคอยหน่วงเหนี่ยวโลกพ้นโศกสร้อย หากแววตาใครหนอเหมือนรอคอย- เหลือบ .. ชม้อยชม้ายสู่ .. ให้รู้ความ O เปลวเทียนและควันธูปยังวูบไหว เมื่ออกใจเสพทราบ .. รสวาบหวาม รูปพักตร์เอย .. โลมรุกเข้าคุกคาม- จักข่มข้ามบ่ายเบี่ยงเอาเยี่ยงไร ? O จนสิ้นเสียงพระเทศน์, แววเนตรนั้น- จากลอบเหลือบสบกัน .. ค่อยสั่นไหว คล้ายเลือดซับแก้มก่ำ .. อยู่รำไร เมื่ออาลัยอาวรณ์ สุดผ่อนลง O เมื่อนันทิ .. ผลิเล่ห์ในเวทนา จนอุปาทานขับ .. ขึ้นรับส่ง สร้าง-ภพชาติเป็นกรรมขึ้นดำรง แรงจำนงก็เผยแล้วผ่านแววตา O อธิษฐาน .. เยี่ยงไรหนอใจนั่น ให้-ผูกพันเฝ้าคอยละห้อยหา ? หรือ-ชาติใดพานพบเพียงสบตา- ให้รองรับเสน่หาทุกคราครั้ง ? O ครั้งนั้น .. คงตั้งจิตอธิษฐาน- จึงสืบผ่านถ้อยคำด้วยน้ำหลั่ง- ลงให้พื้นปฐพินทร์ได้ยิน .. ฟัง- จนรับรู้กำลัง .. ความตั้งใจ O จึงวันนี้ .. รูปน้อยเหมือนคอยอยู่ คอย-รับรู้ .. รับรองความผ่องใส ปรากฎขึ้นเทียบค่าความอาลัย- กับรูปในความฝันจากวันเพรง O เรียวรูปนิ้วจับของประคองถวาย ก็คลับคล้ายรูปนิมิตเคยพิศเพ่ง จันทร์เคยทอแสงปลั่งกลางวังเวง ก็ยังเปล่งปลั่งงาม .. จนยามนี้ O จันทร์ที่ลอยกลางสรวง .. ยังดวงเดิม รูปต่ายเติมแต้มลงยังคงที่ เช่นรูปในแววตา .. กอปรท่าที- แห่งใยดีอาวรณ์ .. ออดอ้อนนั้น O ยังอ่อนโยนอ่อนหวาน .. จนปานว่า- แววในตาลอบชม้ายยังส่ายสั่น สั่งชี้จิตวิญญาณจากวานวัน ก่อนครั้งสัญญาชาติจักขาดวง O เปลวเทียนและควันธูปยังวูบไหว เมื่ออาลัยพิสวาดิด้วยชาติหงส์ เริ่มเร้ารุกคุกคาม-ตั้งจำนง- ต่อรูปองค์เบื้องหน้าอย่าท้าทาย O เหมือนแว่วธรรมพุทธา, เมื่อตาจ้อง เรียวรูปนิ้วจับของประคองถวาย แต่บัดนั้นอุปาทานก็พานกาย เมื่อดวงเนตรนั้นชม้ายเหลือบชายมา O สิ้นเสียงธรรม, นันทิ-กลับผลิช่วง- ขึ้นในดวงจิตคอยละห้อยหา เติมแต้มรูปอภินันท์ ลงสัญญา ชี้, บัญชาให้สำทับชั่วกัปกาล O เสียงพระเทศน์พ้นผ่านไปนานแล้ว ลมยังแผ่วยังพลิ้วเป็นริ้วผ่าน เมื่อ .. ดวงตาพรับพริ้ม เผยยิ้ม .. ปาน- ช่วยเหยียบโลกทรมาน .. ให้ .. ลาญลบ ! O เสียงไก่ขันแว่วฝ่าอุษาสมัย บอกจันทร์ให้งำรอยแล้วถอยหลบ เพื่อเปิดฟ้าแรกวันให้ครันครบ- การบรรจบรูปธรรมแสนอำพน O ลมหนาวพลิ้วผ่านอยู่แต่ตรู่สาง หมอกก็คลี่ม่านพรางทั่วทางถนน หนาวเนื้อตัว, หนาวในหัวใจคน- นั้น-หนาวจนถวิลอุ่น .. ไว้หนุนทรวง O เม็ดน้ำค้างวางหยาด .. เรียงหยาดรับ- การทอดทับแต้มแต่งด้วยแสงสรวง จึงเห็นรูปเพชรพลอย .. นั้นลอยดวง- พร้อมรูปหวงพร่างแพร้วในแววตา O แววระยับวามช่วง .. ในดวงเนตร ค่อยเผยเลศนัยเผดียง บอกเดียงสา ทั้งพฤติ, รูปนาม .. ย่อมล่ามอา- รมณ์ .. ผู้อุปาทานขับ แนบกับใจ O มุขมณีน้ำระยับ .. ย่อมจับจิต- ผู้เพ่งพิศ-อภิรมย์, ฤาข่มไหว เห็นแต่เพียรจับจ้องหมายมองไป เสพรูปนามเพ็ญพิไล .. หวัง-ไขว่คว้า O เห็นงามก็ว่างามไปตามเห็น กับแฝงเร้นกรณีทุกทีท่า ดั่งดวงแก้วเหลื่อมประกายต่อสายตา เพื่อร่ำรอเสน่หาจากตาชาย O เห็นงามคุกคามฝ่า .. แววตาสบ ย่อมบรรจบลุกลามเป็นความหมาย ถวิลแต่คุณค่าอันพร่าพราย ที่โชนฉายแววมณีเป็นสีเดียว O ทุกพื้นเหลี่ยมมุมรัตน์ .. จำรัสแสง เหลื่อมสำแดงรูปรอยให้พลอยเหลียว ผ่านแววตาแฝงเร้น .. ราวเส้นเกลียว- เคลื่อนเส้นเข้ารัดเหนี่ยว .. พันเกี่ยวใจ O แล้วม้วนเส้นม้วนปลายเก็บปลายเงื่อน จนสุดเคลื่อนสุดคลาย .. ต้น-ปลาย .. ไหว เพื่อเสพรับอุ่นอายจากภายใน- อุ่นอาลัยให้ระรุม .. คอยสุมลน O แต่บรรจบก็ลุกลามเป็นความหมาย แววตาคล้ายจำนรรจ์นับพันหน กระนั้นแล้ว .. หวั่นไหว .. และใจคน จักหลุดพ้นพรากได้เยี่ยงไรกัน O เห็นมณีน้ำระยับงามจับจิต ย่อมต้องคิดหมายปอง ตระกองขวัญ เพื่อยึดโยงปักปลูกความผูกพัน ไปชั่วกัปชั่วกัลป์พุทธันดร O คะเนนึกคะนึงอยู่แต่ตรู่สาง ที่แววอางขนางเห็นเกินเร้นซ่อน ที่แสงในแววตาผู้อาทร สบ-เว้าวอน .. เพรียกถวิลเพรียกจินตนา O คะเนนึกคะนึงอยู่ไม่รู้สิ้น เปลี่ยวเหงาย่อมพังภินท์จนสิ้นท่า เมื่อแสงวามผ่องแผ้วในแววตา เผยต่อหน้าพาโลกพ้นโศกซม O แววมณีงามเพ็ญ .. เมื่อเต้นตอบ- โลกโดยรอบเคยระยับก็ลับ .. ล่ม เหลือเพียงงามเบื้องหน้าให้ปรารมภ์ รอขับข่มทุกมณี ในที่นั้น O เม็ดน้ำค้างทุกหยาด .. บำราศแล้ว เหลือเพียงแก้วมณีพราย .. ยังส่ายสั่น ครองภาวะโชนช่วง .. เมื่อดวงวัน- ราวจักบรรลัยล่วง ด้วยดวงตา ! https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=04-2016&date=09&group=11&gblog=650&fbclid=IwAR3_F7fOTa15EsusnEuaChGM4esI5tyIxjmst0s-gsmbGXDLWmqlko9nAcM (https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=04-2016&date=09&group=11&gblog=650&fbclid=IwAR3_F7fOTa15EsusnEuaChGM4esI5tyIxjmst0s-gsmbGXDLWmqlko9nAcM) หัวข้อ: Re: O ปลายฝน .. ต้นหนาว .. O เริ่มหัวข้อโดย: วลีลักษณา ที่ 28 ธันวาคม 2019, 09:47:AM บท "แสงช่วงแห่งดวงมณี"
ท่าน เยินยอเทพแถนทั้งแสนสรวง แล้วเจ้าดวงมณีจะหลบหนีไปที่ใด อยากท้วงนิดนึงว่า ท่านจะไม่เหลือเทพแถนให้คนอื่นใด้ใช้บริการบ้างเลยหรือ 555555 เมื่อไรจะเขียนได้อย่างนี้บ้างนะ มีความสุขส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่นะคะ หัวข้อ: Re: O ปลายฝน .. ต้นหนาว .. O เริ่มหัวข้อโดย: สดายุ ที่ 28 ธันวาคม 2019, 11:52:AM สวัสดีครับคุณวลี ขอให้มีความสุขมากๆ ในปีที่จะมาถึง .. และตลอดไปนะครับ หัวข้อ: Re: O ปลายฝน .. ต้นหนาว .. O เริ่มหัวข้อโดย: สดายุ ที่ 29 ธันวาคม 2019, 08:30:AM O ลมหนาวและดาวเดือน .. O (https://www.bloggang.com/data/s/sdayoo/picture/1577547131.jpg) O ปีกนกคลี่แผ่กาง .. ร่อนกลางหาว เมื่อเดือนดาวเลื่อนดวงจนล่วงหาย ลมรุ่งสางรินร่ำ .. หอมกำจาย พาปีบคลายหอมรส .. เป็นบทเดียว O ดอกสีขาวพราวลออ .. ร่ำรอสมัย- เลื่อนดวงไฟขึ้นส่อง .. ให้มองเหลียว- มาเสพรูปแดดทอ .. กลีบช่อเรียว- กลางพุ่มใบขาบเขียว .. ทุกเรียวใบ O ลมอ่อยเอื่อยเฉื่อยโชย .. ร่ำโรยสู่ อารมณ์ผู้เพ็ญถวิล .. ก็รินไหล เหิมระลอกวนว่าย .. อยู่ภายใน- ห้องหัวใจ .. เจตจินต์ทั้งสิ้นแล้ว O สิ้นวรรษาฟ้าหม่น .. สิ้นฝนพรำ เหลือลมร่ำสายโรยอยู่โผยแผ่ว เลื่อนดวงตาคู่ระยับ .. พริ้มพรับแวว- เลศผ่องแผ้วแนบช่วง .. อีกดวงตา O ปีกนกยังคลี่กาง .. อยู่กลางหน พร้อมอีกใจดิ้นรนเฝ้าค้นหา ความงดงามอ่าลออ .. ที่รอมา- แต่ครั้งครา .. ชาติภพเลือนลบกัน O ปีกแห่งรัก .. ห้อมห่มสายลมร่ำ โดยเสียงคร่ำครวญพร้อม .. รอกล่อมขวัญ กรุ่นหอมปีบฟายฟุ้ง ยามรุ่งวัน- พึงล้อมพันธนาอยู่ .. อย่ารู้คลาย O ให้รื่นเหมือนลมริน .. หอบกลิ่นชู้ รอบล้อมอยู่ให้ถวิล .. แต่สิ้นสาย รูปแพงเอย .. อาลัยแห่งใจชาย จักทอนถ่ายถ้วนบทได้หมดฤๅ ? O แถบรุ้งบนโค้งฟ้า .. ย่อมลารอย เหลือเพียงเนตรปริบปรอย .. เฝ้าคอยสื่อ แฝงฝากลมอุ่นนั้นให้บรรลือ- เสียงอึงอื้อสั่นไหวอยู่ในทรวง O พร้อมกับความออดอ้อน .. นัยซ่อนเร้น- ราวไฟเต้นเปลวลุกไปทุกช่วง เผยผ่านร้อนรุมไหม้อยู่ในดวง- ตาคู่หวงแหนงาม .. แห่งยามนี้ O ปีบเลือนกลิ่น .. สายหยุดก็หยุดหอม รอแวดล้อมคุณค่ารูปราศี เริ่มบทกลางโอภาส .. ลมวาดวี ให้ภาคพื้นธาตรี .. รู้ปรีดา O ริ้วลมหนาวแผ่วผ่าน, ความหวานหอม- ก็เหมือนคอยแวดล้อมอยู่พร้อมหน้า เพียงเลศนัยเผยช่วงผ่านดวงตา- ก็รับรู้เสน่หา .. ผ่านท่าที O เพียงแววหวานอ่อนโยน .. เริ่มโชนช่วง ก็รับรู้แหนหวงในทรวงที่- แรงอาวรณ์อาลัย, ความใยดี- หลั่งล้นปรี่ออกแล้ว .. ที่แววตา O เลศนัยเคยซ่อนเร้น .. เมื่อเต้น .. ตื่น ความแช่มชื่นห้วงใจผู้ใฝ่หา- ก็โหมตอนหวานล้ำขึ้นค้ำคา- ปรารถนาอาลัยที่ในดวง O ผ่านลูบโลมเนื้อผิว .. คือ-ริ้วลม- เข้าห้อมห่มแทรกแฝง .. ให้แรงหวง- เข้าลูบโลมสั่นไหวอยู่ในทรวง กี่คาบช่วงผ่านแล้ว .. อย่า-แล้วเลือน ! O เข้าเหมันตะฤดู .. ลมวู่ไหว แรงอาลัยพูนเพียบ .. ฤๅ-เปรียบเหมือน ดูเอาเถิด .. ตาชม้อยเฝ้าคอยเตือน- ให้สบแล้วสุดเขยื้อนขยับพ้น O เมื่อแววตางามระยับ .. ไม่ลับล่วง ความเงียบเหงาในทรวงก็ร่วงป่น แววออดอ้อนอ้อยสร้อยก็คอย-วน- เวียนวกปรนเปรอใจคอยไขว่คว้า O ปลายปีกนกยกโบก .. ผ่านโลกกว้าง ยังคลี่ค้างเช่นนั้น .. เพื่อฟันฝ่า- วงรอบความเป็นมีแห่งชีวา ไกลสุดตาลิบโลก .. ยังโบกบิน O ก็เช่นความละห้อยหา .. แรงอาวรณ์- จักเวียนย้อนวนอยู่ไม่รู้สิ้น ไกลสุดตารูปแล้ว .. ยังแว่วยิน- ความถวิลอาลัย .. ที่ในทรวง O ปลายปีกนก, อกคนผู้วนคิด- ย่อมทรงสิทธิ์ทรงศักดิ์ทั้ง .. รัก .. หวง ฤๅ .. รูปการณ์เวียนย้ำ .. เช่นคำบวง- แนบความห่วงใยเหลือทุกเนื้อความ O ปลายปีกนกเหยียดกางที่กลางหาว เมื่อ-วับวาวเนตรนั้น .. คล้าย-หวั่น .. หวาม ลมเลื่อนริ้วโลมลูบ .. จบจูบงาม- ย่อมเลื่อนตามหัวใจ .. ผู้ไขว่คว้า O ตราบที่ปลายปีกนก .. ยังยกโบก- โล้ลมโลก .. แสงสรวง, ความห่วงหา- ย่อมติดตรึงลงมั่นในสัญญา เพียงหนึ่งรูปหนึ่งหน้า .. จนกว่าวาย O มองดูเถิดแสงระยิบ .. จากลิบโพ้น ฤๅ-เทียบความอ่อนโยนที่โชนฉาย ? พร้อมอกอุ่นอาลัย .. ของใจชาย ร่ำรอถ่ายโอนสู่ .. เจ้าผู้เดียว ! https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=10-2014&date=18&group=11&gblog=593&fbclid=IwAR0svbq4i57rl-4YUP17hmHJkvK5tz9b_9KNPStTAZtbk2dDeQBW1mvmKbk (https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=10-2014&date=18&group=11&gblog=593&fbclid=IwAR0svbq4i57rl-4YUP17hmHJkvK5tz9b_9KNPStTAZtbk2dDeQBW1mvmKbk) หัวข้อ: Re: O ปลายฝน .. ต้นหนาว .. O เริ่มหัวข้อโดย: สดายุ ที่ 01 มกราคม 2020, 08:29:AM O เหมันตะฤดู .. O (https://www.bloggang.com/data/s/sdayoo/picture/1577772958.jpg) O คิดถึงมากเพียงไหนหนอใจเจ้า- กับยั่วเย้าความสู่ - เคยรู้ไหม แล้วที่คอยสั่นรัวทั้งหัวใจ- เพราะความใครออดอ้อน .. นะ-อ่อนน้อย ? O รู้หรือไม่รอบคะนึง .. หวานซึ้งเจ้า เวียนรอบอยู่แล้วเล่า .. ยามเหงาหงอย นั้น-จากอารมณ์ชู้ .. ที่รู้คอย- เฝ้าละห้อยห่วงหา .. ด้วยอาวรณ์ O ไม่ต้องข่มเอียงอาย .. ทำส่ายหน้า เมื่อหวานซึ้งในตา .. เกินกว่าซ่อน เมื่อ-ทุกความคำเย้ายั่ว .. เว้าวอน แววเหลือบค้อนส่งมา .. แววตาใคร ? O โอนั่น – รูปแก้มเผย .. ไยเฉยอยู่ หรือเลือดเรื่อซ่านสู่ .. ข่ม-อยู่ไหว? กระนั้นแล้วแรงชู้ .. เมื่อจู่ใจ- แววตาเผยความนัย .. ข่มได้ ฤๅ O ค่ำดึกดื่นดวงฤดีอย่าลี้หลบ- การบรรจบ .. โดยทิพกระซิบสื่อ ความอบอุ่นโอบอุ้ม .. เมื่อกุมมือ- เปรียบว่าคือ ปรารมภ์แห่งคมคำ O จักกล่อมเจ้าหลับฝันในบรรจถรณ์ ทั้งอาวรณ์อาลัยเมื่อได้สัม- ผัส .. ความหอมหวานรส .. ถ้วนบทบำ- รุง .. หัวใจชื่นล้ำผ่านค่ำคืน O สุ้มเสียงความเว้าวอน .. คำอ้อนออด- จักคอยพลอดพร่ำสู่ .. เกินรู้ขืน จนม่านหม่นแห่งพลบค่อยกลบกลืน- แววระทึกตอบตื่นในผืนตา ! O ใช่ไหมที่ .. คำนึงมีถึงกัน- นับหมื่นพันภพชาติ .. เพรียกปรารถนา ใช่ไหมที่ .. คอย-รอ .. ด้วยทรมา รอ-การผูกพันธนา .. ด้วยอาวรณ์ O เมื่อเหน็บหนาวลมร่ำ .. ผ่านค่ำคืน อกควรขืนหนาวร้ายให้คลาย .. ถอน- ด้วยอบอุ่นอาลัย ดั่งไฟฟอน- รอ-สุมซ้อนแทรกสู่ .. ไม่รู้วาย ! O ใช่ไหมที่ .. บริบทแสนงดงาม ค่อยแผ่ซ่านลุกลาม .. สืบความหมาย มีอารมณ์อาลัยแห่งใจชาย- คอยเวียนว่าย รองรับ .. เลศ- วับวาว ! O แล้วร่องรอยงดงาม .. แห่งความนัย ค่อยเผยให้ล้อมห่มสายลมหนาว- ที่ร่ำโรยผ่านเยือน .. แสงเดือนดาว- ก็พร่างพราวนักแล้ว - ในแววตา O อ่อนหวานละเมียดละมุน .. อบอุ่นแสน จึง-โลดแล่นล้อมใจผู้ใฝ่หา ให้ออดอ้อนหอมหวาน .. แห่งมารยา- ที่เหมือนว่าสุมสั้ง .. ไม่รั้งรอ O ทิพเอย .. ทิพแถนทั้งแดนสรวง รับรู้เถิดความปวง .. เฝ้าบวงขอ ช่วยเผยผ่านความหมาย .. ให้ฉายทอ ล้อมหัวใจจดจ่อ .. โลมล้อกัน O ทิพเอย .. ทิพแถนทั้งแดนฟ้า ปรารถนาความปวง .. ในทรวงขวัญ- จงสื่อนัยออกสู่ .. ให้รู้ทัน ว่าดวงใจหนึ่งนั้น .. จักมั่นคง O กลาง-เหน็บหนาวรอบฤดู .. ลมกรูเกรียว ทุกส่วนเสี้ยว-ข่ายขุม .. แรงลุ่มหลง- เหมือนตรารอยลึกล้ำ .. ตอกย้ำลง เป็นจำนงตั้งอยู่ .. เกินรู้ล้าง O กลางออดอ้อนรอบชู้ .. ฤดูลม- ก็พัดข่มขับแทรกความแตกต่าง ใบไม้แห้งหลุดร่อนลงว่อนวาง- เช่นขวากขวางในอก .. ถูกยกทิ้ง O แค่หัวใจรับรู้ .. ยอมอยู่เคียง- หวานย่อมเพียงพอรุก .. ข่มทุกสิ่ง ในความหมายอ้อนแอบ .. รอแนบอิง- ย่อมจากดวงใจหญิง .. เจ้าทิ้งลง O อกเอย .. แม้นหนาวอยู่ .. ฤดูนี้- อุ่นกลับมีตวงเติม .. คอยเสริมส่ง จากใจหนึ่งมอบนำ .. แรงจำนง งามจึงคงคาอยู่เกินรู้เลือน O อกเอย .. แม้นหนาวอยู่ .. ฤดูลม ที่ห้อมห่มล้อมอยู่ .. กลับดูเหมือน- เป็นอบอุ่นอ่อนหวาน .. ใคร-ผ่านเยือน หมายให้เคลื่อนเข้ารับ .. แนบกับใจ O เพื่อเคลี่อนขับหนาวล้น .. ให้พ้นผ่าน ด้วยอุ่นร้อนแผ่ซ่าน .. จนต้านไหว ฤดูลมร่ำสาย .. มีสายใย- ม้วนปลายไว้ผูกมั่น .. เป็นพันธนา O เมื่อจันทร์ลอยขึ้นฟ้า .. อวดราศี ความรุ่มร้อนเคยมี .. ย่อมลี้หน้า เหลือแสงรื่นเย็นยามงดงามตา สิเนหาสองใจ .. คือ - นัยเดียว O รู้ไหมว่า .. ดาวช่วงในห้วงฟ้า ยาก-เทียมตาตื่นตอบ .. ยามลอบเหลียว รู้ไหมว่า .. ไม้ลู่ .. ลมกรูเกรียว ยาก-เทียมเสี้ยวส่วนใจ .. สั่น .. ไหวคอย..! https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=10-2012&date=14&group=11&gblog=408 (https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=10-2012&date=14&group=11&gblog=408) หัวข้อ: Re: O ปลายฝน .. ต้นหนาว .. O เริ่มหัวข้อโดย: สดายุ ที่ 03 มกราคม 2020, 10:58:AM O สุดหัวใจ .. O (https://www.bloggang.com/data/s/sdayoo/picture/1578023710.jpg) .. แม้นกุศลเราสองเคยร่วมสร้าง ขอร่วมห้องอย่าได้ห่างเสน่หา เสี่ยงผลที่ได้เพิ่มบำเพ็ญมา ขอร่วมชีวาร่วมวางชีวาวาย .. .. เกิดไหนขอให้ได้ถนอมพักตร์ ความรักอย่าได้ร้างอารมณ์สลาย รักนุชอย่าได้สุดเสน่ห์คลาย ขอสมหมายที่ข้ามาดสมาทาน .. O เสนาะพากย์เพลงยาว .. กลอนเจ้าฟ้า ดั่งแว่วมา .. ให้สดับเสียงขับขาน กระซิบความสื่อล่วง .. สู่ดวงมาน- ของนงคราญรูปพิไลผู้ใยดี O รำพันพากย์เอื้อนอ้อนเสียงอ่อนหวาน บอกรูปคราญจำหลักเป็นสักขี เสน่หาอาลัย .. เยื่อใย-มี มอบบัตรพลีในนามของความรัก O ภาพอดีตเรื่องราวที่กล่าวขาน ค่อยเผยผ่านความสู่ .. ให้รู้จัก จนรับรู้ความนัย .. อยู่ในวรรค- ว่าหัวใจถูกกัก .. เกินหักพ้น O นั่น .. แววเนตรใครวาบ .. ล้อคาบยาม ก่อนแสงวามวาบช่วง .. นั้นร่วงหล่น หรือภพชาติเบื้องบรรพ์ .. ช่วยบันดล- ให้งามล้นโดยชาติ .. มาพาดเงา O ชายฟ้าเลื่อนเตือนตะวันกล่อมขวัญสรวง ปลดเงื่อนบ่วงโศกสร้อยทุกรอยเหงา หลังสายลมแผ่วลูบ, จึง-รูปเยาว์- เหมือนอยู่เฝ้ารุมล้อมไม่ยอมคลาย O หรือ-งามชาติรูปนั้น .. จากบรรพกาล จักข้ามผ่านภพชาติ .. ด้วยมาดหมาย- ร่วมจุนเจืออาลัย .. แห่งใจชาย- พา .. วนว่ายเสน่หา .. ห้วงอาวรณ์ O หรือบุญสร้างบาปสม .. เกินข่มห้าม สบรูปแล้วรูปนามก็ตามหลอน อิริยาพากย์เล่า .. แสนเว้าวอน- เหมือนออดอ้อนแฝงเร้น .. อยู่เช่นนั้น O โอ รูปลักษณ์รมยา .. เดียงสาโลก กรรมเมื่อโบกโบยนัย .. พาไหวหวั่น ต้อง-เงื่อนนัยแห่งชู้ .. โจมจู่ พลัน- ย่อมผูกพันมั่นอยู่ .. ไม่รู้คลาย O ครั้งนั้นหวายโบยหลัง .. จนพังยับ จวบชีพวิญญาณลับ .. ลมดับหาย ถูกลบรูป-นามทิ้งทั้งหญิงชาย พร้อมแรงสายสวาทชู้เคียงคู่กัน O ครั้งนี้ แรงอาวรณ์เคยซ่อนอยู่ เคยรับรู้อาศัย แต่ในฝัน กลับต้องเผยภพชาติ .. มาพาดพัน จากบุญบาปเบื้องบรรพ์คอยบัญชา O อธิษฐาน .. เพรงวาสน์ให้พาดช่วง จนแหนหวง .. เฝ้าคอย .. ละห้อยหา- เติบเต็มอยู่ในทรวงไม่ล่วงลา จนแววตาอาวรณ์ .. นั้น-ร้อนรน O กี่ห้วงเวียนวงวัฏฏ์ของสัตว์โลก อาจฝ่าโศกสุมสั่ง .. สักครั้งหน กี่ช่วงคาบปฏิพัทธ์ .. รำบัดตน อาจฝ่าพ้นเสน่หา .. ที่ท้าทาย ? O เมื่อเผยรูปเผยนาม .. มาตามผลาญ เผยอ่อนหวานอ่อนโยน .. ออกโชนฉาย รู้หรือไม่ .. ด้านในหัวใจชาย- ไม่ต่างหวาย .. โบยหลังเมื่อครั้งนั้น ! O แม้นรูปกายแตกดับ .. เกินนับชาติ ยังคงมาดหมายอยู่ -ไม่รู้หวั่น เพียง-จักขุวิญญาณ .. แผ้วพานกัน- ย่อมหยั่งสัญญาชู้ .. โถมสู่ใจ O จึงเมื่อวางชาติภพ .. มาจบ-ต้อง สัญญาพ้องรูปนาม .. ย่อม-หวามไหว พร้อมอาการเต้นรัวที่หัวใจ เมื่อภาพใครลอบเร้น .. บีบเค้นลง O ครั้งนั้น .. หวายวาดลงที่ตรงหลัง แม้นเลือดหลั่งโลมกาย .. อย่าหมายบ่ง- ถอนเอาเสี้ยนรักฝัง .. ที่ยังคง- วางจำนงข้ามภพ .. รอ-พบเจอ O ครั้งนี้ .. รอยสวาท .. เหมือนพาดผ่าน- แววอ่อนหวานเปล่งปลั่ง .. ทุกพลั้งเผลอ- เนตรชำเลืองเหลือบนำ .. ย่อมบำเรอ- บำรุงใจพร่ำเพ้อ .. ชะเง้อคอย O โอ .. วับวาบแววหวาน .. เหมือนผ่านสู่- ให้รับรู้จดจำแทนคำถ้อย ว่าจิตใจพร่ำเพ้อ .. จนเหม่อลอย- เหมือนร่วมร้อยเรื่องขาน .. เมื่อนานปี O ครั้งนั้น .. โดยจารีตเป็นขีดคั่น จึงต้องทัณฑ์โทษหนัก .. สมศักดิ์ศรี สองภพชาติ .. หัวใจ .. ยังไหววี- ตอบเสียงหวายโบยตี .. ในที่นั้น O ครั้งนี้ .. โดยรูปคราญ .. เผยผ่านต้อง เช่นบ่วงคล้องอกใจ .. จนไหวสั่น ความอบอุ่นอ่อนหวานก็ปานทัณฑ์- แต่เบื้องบรรพ์รัดล่าม .. เกินข้ามพ้น O โอ แววเนตรใครหนอ .. ยั่วล้อยาม ก่อนแสงวามสองดวง .. ค่อยร่วงหล่น- กลางอาลัยอาวรณ์ .. อันร้อนรน ใครหนอ .. วนรอบหวาน .. หมุนด้านรอ O โอ แสงดาวสองดวง ไยช่วงนัก หมายกุมกักหัวใจ หรือไรหนอ รูปนามเอย .. แรงชู้ ฤๅรู้พอ- เมื่อยั่วล้อ .. ทอดตัวกลางหัวใจ ? ..................... กลอนสองบทแรก .. นำมาจากเพลงยาวเจ้าฟ้ากุ้ง .. พระอุปราชในรัชสมัยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกฐ แห่งราชวงศ์บ้านพลูหลวง .. ราชวงศ์สุดท้ายแห่งกรุงศรีอยุธยา. https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=10-2014&date=05&group=11&gblog=587 (https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=10-2014&date=05&group=11&gblog=587) หัวข้อ: Re: O ปลายฝน .. ต้นหนาว .. O เริ่มหัวข้อโดย: สดายุ ที่ 04 มกราคม 2020, 05:27:PM O หอมเสน่หา .. O (https://www.bloggang.com/data/s/sdayoo/picture/1578133387.jpg) O โกสุมช้อยกลีบล้อ - - - ลมโรย พากลิ่นหอมรื่นโชย - - - ผ่านเช้า พร้อมภู่ว่อนล้อม-โหย - - - หารส นั้นนา อีกรูปหอมกลับเร้า - - - เร่งให้ถวิลหอม ฯ O ลมเหนื่อยอ่อนผ่านริ้ว .. ไม้พลิ้วรูป เพียงแววตาเหม่อวูบ ก็รูปเจ้า- ที่ผุดเผยเพรียกฝันจากวันเยาว์- ค่ำจดเช้าพริ้มพรับแนบกับ .. ใจ O จึงต้องมีช่วงตอน .. รูปอ่อนเนื้อ- ผ่านมาเชื้อเชิญขวัญ .. ร่วมฝันใฝ่ ด้วยอารมณ์เสน่หา .. ด้วยอาลัย- กอปรสุมใส่ไว้แล้ว ผ่านแววตา O คิดถึง คะนึงหา ก็ถาโถม- ลงจู่โจม เกื้อหนุน ตอบคุณค่า แต้มหัวใจหวานซึ้ง ให้ตรึงตรา- แต่รูปน้อยปรารถนา .. ผู้ปรารมภ์ O แต่ .. พระลบทอดทับผู้หลับใหล จน .. อำไพภาสระยับค่อยทับถม ยังรอคอยรูปละม่อม .. ไว้จ่อมจม- อาวรณ์ที่เกินข่ม .. เกินล่มล้าง O โกสุมหอม .. ลมรื่น .. ใจตื่นรู้- ว่าแรงชู้ แรงชื่น เกินฝืน .. ห่าง เรณูช่อช้อยงามอยู่ท่ามกลาง- กลีบดอกพรางกลิ่นไว้ .. เปิดให้แล้ว O ตฤปคันธารสล้ำ .. อบร่ำกลิ่น เมื่อลมรินรุมเร้าอย่างเบาแผ่ว ถ้วนรูปรอยในตา .. ก็บ่าแวว- ความผ่องแผ้วรื่นล้ำ .. ออกกล้ำกราย O เมื่อความรื่นรมยาในตานั้น ค่อยร้อยรัดล่ามพันเกินบั่นสลาย รูปละม่อม, เสน่หา, นัยน์ตาชาย- ก็สืบสายใยรักเกินหักลง O มีหรือวิหคใดที่ในหล้า อาจเทียบค่าด้วยยูงอันสูงส่ง อันขนเขียวเรียวปลายลวดลาย .. รงค์- เหมือนบรรจงให้วิจิตร .. ด้วยฤทธา O มองเห็นไหมวิหคเหิน .. จำเริญรูป เพียงปีกวูบกรรพือก็ลือค่า ปลายปีกคลี่กางอยู่ .. เย้ยหมู่กา เพื่อโลกหล้ารู้ระหว่าง .. ความต่างกัน O ยอคุณค่าเกื้อหนุนด้วยคุณค่า ปรารถนา-เต็มพร้อม .. คอยกล่อมขวัญ เพื่อจับจูงฝ่าช่วงแสงดวงวัน ทั้งฝ่าจันทร์แสงช่วงในห้วงพลบ O เพื่อเชื่อมใจสองดวงด้วยห่วงหา เชื่อมสองปรารมภ์ขวัญให้บรรจบ เชื่อมห่วงใย, ผูกพัน-ให้ครันครบ แล้วซ้อนทบเป็นเท่าทวีคูณ O ลมเหนื่อยอ่อนแผ่วพลิ้ว .. ผ่านริ้วลูบ- เกสรรูปเหลืองแดง .. ล้อแสงสูรย์ ลมร่ำหอม, งันเงียบก็เพียบพูน- รับจำรูญจำรัส .. โลมปัถวี O คะเนนึกคะนึงหา .. เพ-ลานั้น ย่อมเพียงขวัญกลางพุ่มโกสุมสี- เบิกบานกลีบดอกอยู่ .. ให้รู้ที- รู้ท่าความใยดี .. ผู้มีใจ O จนรับรู้ช่วงตอน .. รูปอ่อนเนื้อ- รออุ่นเอื้อโอบขวัญ .. รับหวั่นไหว อ่อนโยนด้วยแววตา .. แสนอาลัย- สำหรับให้ .. หทยางค์ได้วางลง ๑๔ O หอมนั้นนิรันดระสมัย ขณะไหนก็จำนงค์ เพ็ญนันทินั้นก็จะผจง กระแหนะลง ณ ดวงมาน O ขวัญพี่ ฤดี ผิวะจะหมาย จิตะชายจะเคียงคราญ คำนึงและซึ้ง .. ฤ จะประมาณ ขณะผ่านประโลมลง O หนึ่งเดียวเพราะเหนี่ยวจิตะกระหวัด ปฎิพัทธะจำนงค์ หนึ่งผู้เหมาะคู่ .. เฉพาะจะสง- เคราะหะวงศะไพศาล O รอคอยละห้อยถวิละถึง รติซึ้งก็ตรึงมาน เยี่ยงหอมพะยอมขณะประสาร- รสะผ่านระรุมพร้อม ! https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=07-2014&date=14&group=11&gblog=559 (https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=07-2014&date=14&group=11&gblog=559) หัวข้อ: Re: O ปลายฝน .. ต้นหนาว .. O เริ่มหัวข้อโดย: สดายุ ที่ 06 มกราคม 2020, 05:07:PM O อาวรณ์ .. O (https://www.bloggang.com/data/s/sdayoo/picture/1578304156.jpg) O วางอักษรกรองถ้อยไว้คอยสื่อ บอกว่าแรงยุดยื้อเกินรื้อถอน เกิดแต่เมื่อแววตาแสนอาทร- ผ่านออดอ้อนคุกคามเอาตามใจ O ผ่านความหมายเร้นแฝงสำแดงสู่ ประเมินความพิเคราะห์ดูก็รู้ได้- ว่าถึงห่างต่างช่วง, แต่ห่วงใย- ทอดรอให้เยี่ยงบ่วงรัดหน่วงคะนึง O แต่บัดนั้นนันทิจึงผลิช่วง เช่นเงื่อนบ่วงผูกพรางรอ .. ย่างถึง แล้วกระหวัดรวบจิตให้ติดตรึง ด้วยหวานซึ้งรายล้อมให้ยอมตน O วันแล้วและวันเล่ารูปเยาว์เอ๋ย ความคุ้นเคยละเมียดละมุน .. เยี่ยงฝุ่นฝน- ต้องสายลมพลิ้วพรายลอยว่าย-วน หัวใจคนวน-ว่าย .. ย่อมคล้ายกัน O ผ่านความหมายกำหนดเป็นบทบาท เยี่ยงโอภาสดวงรพีแต้มสีสัน- บนฟ้าสูง, เมื่องามเข้าล่ามพัน- แต้มดวงขวัญให้ถวิลยากภินทนา O จากบัดนั้นจนบัดนี้ .. ขวัญพี่เอ๋ย ย่อมคุ้นเคยเฝ้าคอยละห้อยหา เงียบเหงาในบัดนี้ย่อมลี้ลา ปรารถนาก็เวียนวกเกินยกพ้น O แต่รับรู้คำความที่ลามล่วง ว้าเหว่เคยทาบทวงก็ร่วงป่น พร้อมแววตาวูบไหว, หัวใจคน- เหมือนสั่นวนวูบไหวตามนัยน์ตา O เมื่อความหมายอ่อนหวานส่งผ่านอยู่ เฉกช่อมาลย์ช้อยชูให้รู้ค่า เพื่อแวดล้อมมุ่งมั่นรองฉันทา เพทนาในอก .. ย่อมยกตัว O จักบ่ายเบี่ยงเยี่ยงไร .. ดวงใจนี่ กับท่วงทีเผยออกเหมือนหยอกยั่ว พร้อมแววในตานั้นที่สั่นรัว- ด้วยหวานที่เกลือกลั้วอยู่ทั่วตา O จาก-เหลือบหลบสบตอบแล้วลอบยิ้ม จน-ถึงพิมพ์รูปธรรมอันล้ำค่า- เข้าแวดล้อมแนบขวัญ .. คอยบัญชา ก็รู้ว่าเกินคิดจะบิดเบือน O เช่นโอภาสอ่อนโยนที่โชนฉาย ยอยกเอาความหมายลงป่ายเปื้อน- ใจที่ต้องแรงชู้อย่ารู้เลือน การเขยื้อนการขยับต้องรับกัน O สื่อความหมายฉายทอร่ำรออยู่ รอรับรู้ .. รับรองคุ้มครองขวัญ สายใยร่วมสืบสานจากวานวัน ปรุงแต่งนันทิช่วงโชนห้วงใจ O เมื่อท่วงทีจำนงยังส่งผ่าน ทั้งหอมและทั้งหวานยังผ่านให้- รอน้อมรับงดงามแห่งความนัย แรงอาลัยก็เริ่มช่วงเกินหน่วงรั้ง O จึงสุดคิดบ่ายเบี่ยงหรือเลี่ยงหนี- จากทำนองท่วงที .. เหมือนชี้สั่ง ที่หวานอื่นถ้วนรสถูกบดบัง ด้วยหวานเดียวที่ประดังท่วมทั้งใจ ! https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&group=11&month=03-2018&date=03&fbclid=IwAR2LuAHJNZf2dtxcLXRekpXxzPD6GKZohRglSsumVdoU3Vnv5e6xBotqsPM (https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&group=11&month=03-2018&date=03&fbclid=IwAR2LuAHJNZf2dtxcLXRekpXxzPD6GKZohRglSsumVdoU3Vnv5e6xBotqsPM) หัวข้อ: Re: O ปลายฝน .. ต้นหนาว .. O เริ่มหัวข้อโดย: สดายุ ที่ 08 มกราคม 2020, 06:44:PM O ใต้ปีกนกฟ้า .. O (https://www.bloggang.com/data/s/sdayoo/picture/1578482498.jpg) O โอ ยอดรัก .. ที่จำหลักลงทรวงคือห่วงหา เสียงกระซิบ, สั่นไหวแห่งนัยน์ตา เผยความว้าวุ่นอยู่ไม่รู้คลาย O ปรารถนาย่อมช่วงโชน แววอ่อนโยน แหนหวงย่อมช่วงฉาย หวงความคำแผ่วกระซิบ แววปริบปราย ที่ค่อยถ่ายทอดสู่ให้รู้กัน O อาวรณ์ ทั้งอาลัย ย่อมเผยให้แวดล้อมเข้ากล่อมขวัญ เยี่ยงสายใยม้วนตามคอยล่ามพัน เกินตัดบั่นลับลาจากอารมณ์ O โอ ยอดรัก ดุจศรปักเสียบอยู่สุดรู้ข่ม กระซิบแผ่ว ปรารถนา แววตาคม- นั้นทับถมเพรียกคะนึงทุกกึ่งยาม O ระริก .. ความออดอ้อน แผ่ว, เว้าวอนโดยประภาพอันวาบหวาม เสน่หาอาลัยย่อมไหลลาม- ม้วนปลายเลื้อยรัดล่ามอย่างย่ามใจ O คันธาแห่งมาลี .. ค่อยค่อยคลี่รสหอมแวดล้อมให้- ฆานรูป, เนื้อละมุนและอุ่นไอ กอปรภาวะอ่อนไหว .. วูบ-ไหวตัว O ความอ่อนโยน .. ค่อยถ่ายโอนคำบอกเข้าหยอกยั่ว เพรียกแววตาวาบนั้น ให้สั่นรัว แลเพรียกงามสั่นทั่วทั้งหัวใจ O แผ่วกระซิบกระซาบสู่ .. คือรับรู้อภินันท์ .. ว่า-สั่นไหว เขมภาคคืนสรวง .. เพรียกดวงไฟ- ครอบทั้งไตรโลกลิบชั่วพริบตา ! O ดวงใจพี่ .. ทั้งอุมาลักษมีหรือมีท่า ยามเมื่อสรวงทั้งหกเวียนวกมา ชะลอเทียบตรงหน้าต่อตานั้น O ขวัญพี่เอย .. ความเอื้อนเอ่ยสุ้มเสียงกระซิบสั่น พลิกหกสรวงลงคว่ำในรำพัน ปีกนกฟ้าโอบจันทร์ .. บัดนั้นเอง ! https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=08-2015&date=27&group=11&gblog=637&fbclid=IwAR31PzUCJ-oHyFGTsZQdaION53tRlaBFf_-vnH87NxygbMLGXLlLoYCnQEE (https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=08-2015&date=27&group=11&gblog=637&fbclid=IwAR31PzUCJ-oHyFGTsZQdaION53tRlaBFf_-vnH87NxygbMLGXLlLoYCnQEE) หัวข้อ: Re: O ปลายฝน .. ต้นหนาว .. O เริ่มหัวข้อโดย: สดายุ ที่ 09 มกราคม 2020, 08:12:AM O คิมหันตะสมัย .. O (https://www.bloggang.com/data/s/sdayoo/picture/1578530060.jpg) O แผ่วพลิ้ว .. ลมทะเลเหมือนเห่กล่อม- เอารื่นเข้าแวดล้อม .. อยู่พร้อมท่า ขณะรูปเยาว์วัยล้อมนัยน์ตา ทั้งผืนน้ำแผ่นฟ้า .. ก็พร่าเลือน O ใช่พื้นน้ำพลิ้วกระเพื่อมแสงเหลื่อมรับ แต่เป็นแววพริ้มพรับคอยขับเคลื่อน- แทรกอารมณ์ห่วงละห้อยเฝ้าคอยเตือน- ให้ทุกการขยับเขยื้อน .. ต้องเหมือนคอย ! O มีดวงวันเดียวนั้นบนชั้นฟ้า พร้อมแววตาวามช่วง .. ผู้-ห่วงละห้อย น้ำต้องแสงวามระยิบ, แววปริบปรอย- จักเฝ้าแต่ชายชม้อย รอคอยใคร ? O ลมเห่คลื่นแดดระยิบ .. ไกลลิบอยู่ แววตาตื่นตอบชู้ .. กลับอยู่ใกล้ ตอบตื่นความสั่นรัวแห่งหัวใจ ที่สั่นไหวปลาบปลั่ง .. อยู่ทั้งดวง ! O หาดทรายขาวแทรกบทฟ้าจดน้ำ รื่นลมร่ำดอกแดดก็แผดช่วง กระซิบในงามเงียบก็เทียบทวง- เพียบเพ็ญความแหนหวงทุกช่วงยาม O ซ่าเสียงคลื่นลมระงมศัพท์ เหมือนคอยขับกล่อมหวัง .. โลกทั้งสาม เมื่อเนียนแก้มเนื้อนวลเริ่มลวนลาม- แทรกงดงามแนบตัวกลางหัวใจ O ศัพท์เสียง .. คลื่นลมระงมอยู่ เมื่องามจู่จับจองความผ่องใส ที่ทั้งแดด .. ลม .. คลื่น .. เย็นรื่นใด บำราศไปสิ้นแล้วจากแววตา O คลื่นน้ำ, แดดระยิบ, ฟ้าลิบโล่ง ขาด-เชื่อมโยงทุกวูบที่รูปหน้า- เผยออดอ้อนรำพันในสัญญา ชี้-บัญชาห่วงเห็นไม่เว้นวาย O คลื่นม้วนตัวโตนตอบอยู่รอบหาด ล้อลมลาดล่องต่ำ .. ที่รำร่าย งามนัก .. ผู้จำเริญความเขินอาย ตรึงตาชายโลมแต้มเพียงแก้มนั้น O ไหวคลื่นน้ำเกยหาดขึ้นวาดรอย ตาปริบปรอยเหลือบปราย .. ก็ส่ายสั่น- อยู่กับชั่วลมร่ำความรำพัน เพื่อโอบขวัญพิมพ์ดวง แนบห่วงใย O ริ้วลมร่ำคร่ำครวญ, ลำดวนเอ๋ย- มีรำเพยแห่งคำ .. ลมร่ำให้- บอกว่า .. งามลามล่วงถึงดวงใจ และอาลัยวามช่วง .. ทั้งดวงตา ! O ปีกนกคลี่แผ่เห็นไม่เว้นช่วง คลื่นลมพลิ้วผ่านทรวงผู้ห่วงหา น้ำลูบฝั่ง .. รูปขวัญก็บัญชา- ปรารถนาในอกให้ยกตัว O ลมผ่านริ้ว เห่คลื่นให้ตื่นรับ รูปในตาพริ้มหลับก็พรับยั่ว หน้าผาก, แก้ม-นวลพรรณ, เสียงสั่นรัว- แว่วจากขั้วหัวใจ .. เพียงให้ยอม O ใกล้เพียงแก้มเนื้อนวล .. นั้นจวนจรด หอมก็จดอารมณ์ให้จมจ่อม ทรายขาว, คลื่น, แดด-ทอก็รอพร้อม- อุ่นแนบอ้อมแขนโลภ .. ที่โอบรับ O ทรายขาว, คลื่น, ดอกแดดที่แวดล้อม รอเห่กล่อมรูปน้อยให้คอยสดับ ท่ามกลางอ้อมแขนกอด .. รูปทอดทับ บทการขับกล่อมชู้ .. ฤๅ – รู้แล้ว ? https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=03-2016&date=24&group=11&gblog=646&fbclid=IwAR1Ej9WwBusZOH0DjU6HLDZoj6y5o8rh6Di8tUomJV9UhM0PSsIkH02323E (https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=03-2016&date=24&group=11&gblog=646&fbclid=IwAR1Ej9WwBusZOH0DjU6HLDZoj6y5o8rh6Di8tUomJV9UhM0PSsIkH02323E) หัวข้อ: Re: O ปลายฝน .. ต้นหนาว .. O เริ่มหัวข้อโดย: สดายุ ที่ 11 มกราคม 2020, 09:32:AM O สุดหัวใจ .. O (https://www.bloggang.com/data/s/sdayoo/picture/1578023710.jpg) .. แม้นกุศลเราสองเคยร่วมสร้าง ขอร่วมห้องอย่าได้ห่างเสน่หา เสี่ยงผลที่ได้เพิ่มบำเพ็ญมา ขอร่วมชีวาร่วมวางชีวาวาย .. .. เกิดไหนขอให้ได้ถนอมพักตร์ ความรักอย่าได้ร้างอารมณ์สลาย รักนุชอย่าได้สุดเสน่ห์คลาย ขอสมหมายที่ข้ามาดสมาทาน .. O เสนาะพากย์เพลงยาว .. กลอนเจ้าฟ้า ดั่งแว่วมา .. ให้สดับเสียงขับขาน กระซิบความสื่อล่วง .. สู่ดวงมาน- ของนงคราญรูปพิไลผู้ใยดี O รำพันพากย์เอื้อนอ้อนเสียงอ่อนหวาน บอกรูปคราญจำหลักเป็นสักขี เสน่หาอาลัย .. เยื่อใย-มี มอบบัตรพลีในนามของความรัก O ภาพอดีตเรื่องราวที่กล่าวขาน ค่อยเผยผ่านความสู่ .. ให้รู้จัก จนรับรู้ความนัย .. อยู่ในวรรค- ว่าหัวใจถูกกัก .. เกินหักพ้น O นั่น .. แววเนตรใครวาบ .. ล้อคาบยาม ก่อนแสงวามวาบช่วง .. นั้นร่วงหล่น หรือภพชาติเบื้องบรรพ์ .. ช่วยบันดล- ให้งามล้นโดยชาติ .. มาพาดเงา O ชายฟ้าเลื่อนเตือนตะวันกล่อมขวัญสรวง ปลดเงื่อนบ่วงโศกสร้อยทุกรอยเหงา หลังสายลมแผ่วลูบ, จึง-รูปเยาว์- เหมือนอยู่เฝ้ารุมล้อมไม่ยอมคลาย O หรือ-งามชาติรูปนั้น .. จากบรรพกาล จักข้ามผ่านภพชาติ .. ด้วยมาดหมาย- ร่วมจุนเจืออาลัย .. แห่งใจชาย- พา .. วนว่ายเสน่หา .. ห้วงอาวรณ์ O หรือบุญสร้างบาปสม .. เกินข่มห้าม สบรูปแล้วรูปนามก็ตามหลอน อิริยาพากย์เล่า .. แสนเว้าวอน- เหมือนออดอ้อนแฝงเร้น .. อยู่เช่นนั้น O โอ รูปลักษณ์รมยา .. เดียงสาโลก กรรมเมื่อโบกโบยนัย .. พาไหวหวั่น ต้อง-เงื่อนนัยแห่งชู้ .. โจมจู่ พลัน- ย่อมผูกพันมั่นอยู่ .. ไม่รู้คลาย O ครั้งนั้นหวายโบยหลัง .. จนพังยับ จวบชีพวิญญาณลับ .. ลมดับหาย ถูกลบรูป-นามทิ้งทั้งหญิงชาย พร้อมแรงสายสวาทชู้เคียงคู่กัน O ครั้งนี้ แรงอาวรณ์เคยซ่อนอยู่ เคยรับรู้อาศัย แต่ในฝัน กลับต้องเผยภพชาติ .. มาพาดพัน จากบุญบาปเบื้องบรรพ์คอยบัญชา O อธิษฐาน .. เพรงวาสน์ให้พาดช่วง จนแหนหวง .. เฝ้าคอย .. ละห้อยหา- เติบเต็มอยู่ในทรวงไม่ล่วงลา จนแววตาอาวรณ์ .. นั้น-ร้อนรน O กี่ห้วงเวียนวงวัฏฏ์ของสัตว์โลก อาจฝ่าโศกสุมสั่ง .. สักครั้งหน กี่ช่วงคาบปฏิพัทธ์ .. รำบัดตน อาจฝ่าพ้นเสน่หา .. ที่ท้าทาย ? O เมื่อเผยรูปเผยนาม .. มาตามผลาญ เผยอ่อนหวานอ่อนโยน .. ออกโชนฉาย รู้หรือไม่ .. ด้านในหัวใจชาย- ไม่ต่างหวาย .. โบยหลังเมื่อครั้งนั้น ! O แม้นรูปกายแตกดับ .. เกินนับชาติ ยังคงมาดหมายอยู่ -ไม่รู้หวั่น เพียง-จักขุวิญญาณ .. แผ้วพานกัน- ย่อมหยั่งสัญญาชู้ .. โถมสู่ใจ O จึงเมื่อวางชาติภพ .. มาจบ-ต้อง สัญญาพ้องรูปนาม .. ย่อม-หวามไหว พร้อมอาการเต้นรัวที่หัวใจ เมื่อภาพใครลอบเร้น .. บีบเค้นลง O ครั้งนั้น .. หวายวาดลงที่ตรงหลัง แม้นเลือดหลั่งโลมกาย .. อย่าหมายบ่ง- ถอนเอาเสี้ยนรักฝัง .. ที่ยังคง- วางจำนงข้ามภพ .. รอ-พบเจอ O ครั้งนี้ .. รอยสวาท .. เหมือนพาดผ่าน- แววอ่อนหวานเปล่งปลั่ง .. ทุกพลั้งเผลอ- เนตรชำเลืองเหลือบนำ .. ย่อมบำเรอ- บำรุงใจพร่ำเพ้อ .. ชะเง้อคอย O โอ .. วับวาบแววหวาน .. เหมือนผ่านสู่- ให้รับรู้จดจำแทนคำถ้อย ว่าจิตใจพร่ำเพ้อ .. จนเหม่อลอย- เหมือนร่วมร้อยเรื่องขาน .. เมื่อนานปี O ครั้งนั้น .. โดยจารีตเป็นขีดคั่น จึงต้องทัณฑ์โทษหนัก .. สมศักดิ์ศรี สองภพชาติ .. หัวใจ .. ยังไหววี- ตอบเสียงหวายโบยตี .. ในที่นั้น O ครั้งนี้ .. โดยรูปคราญ .. เผยผ่านต้อง เช่นบ่วงคล้องอกใจ .. จนไหวสั่น ความอบอุ่นอ่อนหวานก็ปานทัณฑ์- แต่เบื้องบรรพ์รัดล่าม .. เกินข้ามพ้น O โอ แววเนตรใครหนอ .. ยั่วล้อยาม ก่อนแสงวามสองดวง .. ค่อยร่วงหล่น- กลางอาลัยอาวรณ์ .. อันร้อนรน ใครหนอ .. วนรอบหวาน .. หมุนด้านรอ O โอ แสงดาวสองดวง ไยช่วงนัก หมายกุมกักหัวใจ หรือไรหนอ รูปนามเอย .. แรงชู้ ฤๅรู้พอ- เมื่อยั่วล้อ .. ทอดตัวกลางหัวใจ ? ..................... กลอนสองบทแรก .. นำมาจากเพลงยาวเจ้าฟ้ากุ้ง .. พระอุปราชในรัชสมัยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกฐ แห่งราชวงศ์บ้านพลูหลวง .. ราชวงศ์สุดท้ายแห่งกรุงศรีอยุธยา. https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=10-2014&date=05&group=11&gblog=587 (https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=10-2014&date=05&group=11&gblog=587) หัวข้อ: Re: O ปลายฝน .. ต้นหนาว .. O เริ่มหัวข้อโดย: สดายุ ที่ 19 มกราคม 2020, 01:54:PM O ตราบชั่วนิรันดร .. O (https://www.bloggang.com/data/s/sdayoo/picture/1579416101.jpg) https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=08-2014&date=30&group=11&gblog=576 (https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=08-2014&date=30&group=11&gblog=576) |