พิมพ์หน้านี้ - O ก่อนอัสดงคต .. O

ชุมชน บ้านกลอนไทย ชุมชนสำหรับคนไทยผู้รักกลอน

บทประพันธ์กลอนและบทกวีเพราะๆ => กลอนคิดถึง => ข้อความที่เริ่มโดย: สดายุ ที่ 10 มิถุนายน 2019, 06:27:PM



หัวข้อ: O ก่อนอัสดงคต .. O
เริ่มหัวข้อโดย: สดายุ ที่ 10 มิถุนายน 2019, 06:27:PM


(https://www.bloggang.com/data/s/sdayoo/picture/1442929171.jpg)


วสันตดิลกฉันท์ ๑๔

O คาบปลายผกายรุจิพิราม
ขณะยามนะค่ำเย็น
แว่วร้องคะนองวิหคะเห็น-
จะละเล่นระเริงลม

O ร่ำร่ำ .. ตะวันจะละจะลา
ประลุภาวะจ่อมจม
เห็นเห็น .. ก็เพ็ญศศิวิกรม
ชุติห่ม ณ ห้วงหน

O แสงอ่อนสะท้อนอุทกะผืน
ประลุตื่น ณ ในตน
จึงเลศและเนตระก็สน-
ธิกมละอาวรณ์

O คร่ำครวญกระบวนภวะถวิล
กระอุจินตะกำจร
อบอวลก็ส่วนรตินิวรณ์
ฤ จะถอนถวิลถึง

O เยียบเย็นเพราะเร้นสุริยะแสง
รติแรงก็รัดรึง
ล้อมลาม ฤ ห้ามพิษะคะนึง
ขณะหนึ่ง ก็ หนักหนา

O ใจเห็นจะเช่นอุทกะ-ลม
ขณะพรมประโลมรา-
ตรียามเพราะงามภวะสถา-
ปนะภาวะรมย์เพ็ญ

O ปมเหตุเพราะเนตระชม้อย
ฤดิคอย ก็ ลำเค็ญ
ตอบเลศกะเนตระ ก็ เห็น-
ภวะเต้นขจ่างตา

O โดยเลศะเนตระยุพะเยา-
วะระเร้า บ ร้างลา
เชื่อมใจและใจประดุจะผา-
ณิตะทา ณ ดวงมาน

O ดั่งปาริชาตินิรมิต
เฉพาะพิศะพิมพ์พาล
ดลเดชวิเศษรติพิศาล-
ะสมาน ณ แรกมอง

O เพรงบุญ ฤ หนุนรติพิจิตร
สุจริตะรับรอง
เพรงบาป ณ คาบนิระสนอง
จิตะสอง ก็ ร่วมสาน

O ร่วมบาตร ณ ชาติบุพะประภพ
ฤ จะทบและเป็นทาน
เจ้าเอย ฤ เคยอธิษฐาน
อุปการะร่วมกรรม

O สองชาติสวาดิพิสมัย
สมะนัยะน้อมนำ
โอนใจและใจปณิธิสัม-
ผัสะย้ำผสานใย

O สืบจิตเพราะฤทธิ์อธิษฐาน
บุพะกาละก่อนไกล
เห็นพลัน ก็ พลันอุปธิใน-
จิตะไห้ละห้อยเห็น

O อาวรณ์สะท้อนประดุจะแสง
ผละละแหล่ง ณ ยามเย็น
น้ำพลิ้ว ก็ ริ้วศศินะเพ็ญ
กระจะเต้นกระจ่างตา

O สูรย์สิ้นศศินะก็ถวัล-
ยะสวรรคะเชิญรา-
ตรีเนาและเยาวะก็สถา-
ปนะภาวะล่าม-ล้อม !


https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=09-2015&date=22&group=2&gblog=84 (https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=09-2015&date=22&group=2&gblog=84)


หัวข้อ: Re: O ก่อนอัสดงคต .. O
เริ่มหัวข้อโดย: สดายุ ที่ 08 กรกฎาคม 2019, 07:24:PM


O ในห้วงคำนึง .. O


(https://www.bloggang.com/data/s/sdayoo/picture/1557559134.jpg)


O เรื่อยรี้คีตะกานท์ .. ค่อยผ่านแว่ว
เมื่อลมแผ่วผ่านริ้ว .. น้ำพลิ้วผืน
กรุ่นกลิ่นแก้วอบร่ำ .. รอค่ำคืน-
คลี่ลงโอบกอดคลื่น .. ที่ตื่นฟอง
O เจื้อยแจ้วเสียงสูงต่ำ .. คล้ายรำพัน-
กล่อมดวงขวัญทอนโศกแห่งโลกผอง
มีจังหวะใจย้ำเร่งทำนอง-
เสียงพร่ำพร้องแห่งชู้ .. ให้รู้นัย
O ร้างเดือนดาวกลางพลบ, หรือ-หลบซ่อน-
จากแววตาออดอ้อน .. แสนอ่อนไหว
รื่นเย็นลมร่ำหา, แววตาใคร-
ก็ช่างแสนร่ำไร .. ล้อใจคน
O แม้น-เหมือนจันทร์ซ่อนแสงจากแหล่งที่
ทั้งราศีดาวช่วง .. ลับห้วงหน
หากแววตาหวั่นสะทก .. ยังวก-วน-
ทอดทอแสงอำพน .. เข้าดลใจ
O โบกโบยลมเย็นรื่น .. ล้อมผืนน้ำ
เมื่อคืนค่ำปรากฏความสดใส
โดยความซึ้งซ่านล้ำ, แก้มก่ำใคร-
ก็เรื่อสีแต้มใส่ .. ทุกนัยน์ตา
O ระริกสายน้ำตื่นพลิ้วผืนระลอก-
เข้ายั่วหยอกโลมหลั่ง .. ริมฝั่งท่า
รูปละม่อมเนียนแก้มยั่วแย้มมา
ปรารถนาอาวรณ์ – ฤๅถอนพ้น ?
O อ้อยอิ่งเสียงสังคีตแว่วหวีดผ่าน
พาหอมหวานทั้งปวงให้ร่วงหล่น-
ลงสู่ห้วงคำนึง .. ของหนึ่งคน-
เลื่อนระดับเอ่อล้นท่วมท้นใจ
O รูปนามเอย .. เผยลักษณ์มาดักขวาง-
หรือเพื่อรอก้าวย่างทุกย่างให้-
ย่ำเหยียบลงกลางบ่วง .. ความห่วงใย-
แล้วอาลัยเสน่หา .. ไม่ล้าเลือน ?
O พร่างพรายน้ำเหลื่อมรับอยู่วับไหว
เมื่อหัวใจคำนึง .. ซาบซึ้งเหมือน-
ว่า .. รูปนามตามติด .. คอยพิศเบือน-
สายตาเลื่อนแววชู้ .. ให้รู้การณ์
O สูงต่ำแห่งสังคีตแว่วหวีดเสียง
ยังแว่วเพียงขับกล่อมพาหอมหวาน-
เข้าโอบไล้โลมสิ้นจิตวิญญาณ
ให้สะท้านสะเทื้อนอยู่ .. แต่ผู้เดียว
O วิกาลคล้อยน้ำค้างพรายพร่างเม็ด
ดั่งแพรเพชรลอยผืนในคืนเปลี่ยว
สรวงย่อมมืดหม่นครัน .. เพราะจันทร์เรียว-
เร้นส่วนเสี้ยวเลื่อนดวงจนล่วงรอย
O ป่านฉะนี้ .. รูปแพงจักแฝงร่าง-
ในท่ามกลางเย็นเยียบและเงียบหงอย
หรือ .. หัวใจพร่ำพ้อเฝ้ารอคอย-
อกแขนอ้อยสร้อยโอบให้แอบอิง ?
O คิดถึงกันมากไหม .. หัวใจนั่น
แล้ว .. ไหวสั่นเพียงไหนหนอ .. ใจหญิง ?
แทน-เตียงนุ่ม .. เนื้ออ่อนเจ้าผ่อนพิง-
หมาย .. เกลือกกลิ้งก่ายร่างที่กลางทรวง
O รอคอยเถิด .. รูปละม่อมในอ้อมแขน-
จักโอบรูปไว้แน่น .. อย่างแหนหวง-
เพียงเพื่อแววหวามไหวที่ในดวง-
ตาคู่ช่วงโชนความออกล่ามพัน !
O แม้นจันทร์แรมเร้นดวง .. เลือนช่วงแสง
หากที่แฝงฝากช่วงในห้วงฝัน-
กลับเจิดจ้าโชนช่วงเยี่ยงดวงวัน-
เมื่อแรกผันเรือนรุ้งทาบคุ้งฟ้า
O เก็บงำแวววับวามแห่งยามเช้า-
พร้อมเหลื่อมเงาสายน้ำที่หลามบ่า
ก่อรูปนามพร่างพรายในสายตา
ให้แต่ปรารมภ์ชู้ .. ไม่รู้แล้ว
O ค่ำนี้ .. แววตาระยับเกินขับข่ม
แก้วกรุ่นกลิ่นรื่นฉม, สายลมแผ่ว-
ก็รำบัดรำบายปัดป่ายแนว
ลูบโลมความผ่องแผ้ว .. ล้อมแววตา
O ฟากฟ้า .. เมฆหม่นดำ, เสียงคำรน-
ก้องกาหลครึกโครม, ลมโหมหา
บนโลกต่ำ-รูปนาม .. ก็ล่ามคา-
ปรารถนาอาลัย .. ที่ในตน
O มีใจ .. พร้อมรูปเงา-รุมเร้าอยู่-
เมื่อรอบชู้โหมช่วง, กลางห้วงหน-
สายวิชชุเฟื้อยเส้น .. แล้วเต้น .. วน
แข่งใจคนรัวเต้นไม่เว้นยาม
O ถวิลถึง .. รูปสล้างที่กลางหมอน-
จักทอดถอนใจทราบ - รสวาบหวาม
อ้อมแขน .. อกอุ่นเอื้อ .. นิ่มเนื้องาม-
หรืออาจห้ามใจข่ม .. การสมยอม ?
O ลมลูบน้ำกระเพื่อมผิวเป็นริ้วตื่น
เสียงโอดอื้นพร่ำพ้อ .. ร่ำรอ-ถนอม-
ก็แผ่วผ่านตอกย้ำ .. ให้ด่ำดอม-
รสหวานหอมรูปนามแห่งยามนั้น
O เรื่อยรี้ .. คีตะกานท์ยังผ่านแว่ว-
ก็เมื่อแววในตา .. ค่อยพร่าสั่น
ระทึก .. ระทวยใจ .. ของใครกัน-
คงแว่วอยู่เช่นนั้น .. เสียง-สั่นเครือ
O คงแว่วอยู่ในโสต .. เสียงโอดอื้น
รัญจวนตื่น .. ในยามก็งามเหลือ
ร้างเหน็บหนาวทุกรอย .. จะคอยเจือ-
จางช่วงเชื้ออุ่นร้อน .. ให้ผ่อนแรง
O ราวเสียงแผ่วไกลลิบ .. กระซิบกระซาบ
ก่อนนัยน์ตาสบทราบ .. แล้ววาบแสง
ออดอ้อนผ่านรูปคำ .. ก็สำแดง-
นัยฝากแฝงอาวรณ์ .. อันร้อนรน
O วูบวับความอ่อนไหว .. ผ่านนัยน์ตา
ที่เหมือนว่าไหวสั่นนับพันหน-
จากอาวรณ์สั่นสะทก .. ในอกคน-
ผู้วกวนเวียนหอมไม่ยอมร้าง
O คะเนนึก .. รูปพรรณในบรรจถรณ์-
จักออดอ้อนแวดล้อมไม่ยอมห่าง
ช่วงแขนเรียว, ดวงขวัญ, รูปสรรพางค์-
จักร่วมวางชาติภพบรรจบลง
O คะเนนึก .. เนื้อนวลคร่ำครวญถวิล
เมื่อกรุ่นกลิ่นหอมระรุม .. ให้ลุ่มหลง-
ค่อยผ่านรสรื่นล้ำ .. ร่วมจำนง-
การรับส่งหวานหอม .. รายล้อมใจ
O เรื่อยรี้คีตาพร้องทำนองประณีต
ดังแว่วหวีดโลมรุกผ่านยุคสมัย
เสียงสั่นเครือคร่ำครวญ, เนื้อนวลใย-
ค่อยพลิ้วไหวตอบรู้ .. แรงชู้นั้น
O พร้อมคีตาพร่ำพร้องทำนองประณีต
เสียงแว่วหวีดก้องรัว, เนื้อตัวสั่น-
ก็เผยผ่านแขนเรียว .. โอบเหนี่ยวพัน-
ธนา-ความใฝ่ฝัน .. บัดนั้นเอง !
.
.
https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=12-2012&date=14&group=11&gblog=426 (https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=12-2012&date=14&group=11&gblog=426)