หัวข้อ: O จันทร์เจ้า .. O เริ่มหัวข้อโดย: สดายุ ที่ 28 พฤษภาคม 2019, 06:13:PM (https://www.bloggang.com/data/s/sdayoo/picture/1555062668.jpg) O แล้วผืนฟ้ามืดดำก็รำบาย- ด้วยเดือนเพ็ญผ่องผายกำจายแสง เลื่อนโลกันต์หมุนเวียน .. รับเปลี่ยนแปลง เผยงดงามสำแดง .. ในแหล่งชล O ปล่อยริ้วเรื้องเปลื้องสู่ .. สินธูผืน ให้-ลม, คลื่น .. ห้อมเห่ห้วงเวหน ทุกส่วนเสี้ยวเลือนลางทั้งล่าง-บน จึงปลาบปนริ้วพรายสู่สายตา O แจ้งเมื่อกาลดวงวันพรากชั้นสรวง พร้อมคาบช่วงเนตรชม้ายเหลือบชายหา ความรู้สึกแฝงเร้นวาบ .. เต้น .. มา- ซ้อนผ่านท่าทีหลบ .. เมิน .. สบนัยน์ O สบงามแต่ราตรี .. เริ่มลีลา เมื่อแววตาตอบรับ .. เริ่ม-วับ .. ไหว สบสะเทิ้นสั่นรัว .. ทั้งหัวใจ โอ .. เยี่ยงไร จึงระส่ำ .. อยู่ล้ำลึก ? O ฤๅ .. โคมสรวงอ้อยอิ่ง .. ลอยนิ่งอยู่ หวังเหลื่อมแสง .. ย้อนสู่ให้รู้สึก แข่งน้ำใจหวานซึ้ง .. คำนึง .. นึก- ว่า-ค่ำดึกคล้อยหลังแล้ว .. ยังคอย O จวบปลายค่ำอำลาขอบฟ้า .. พ้น ข่มมืดหม่นถ้วนบท .. ให้ถดถอย ภาพคำนึงของใคร .. กลับไหว-ลอย และคล้ายอ้อยอิ่งอยู่ .. ไม่รู้เลือน O สิ้นจันทร์สิ้นคืนค่ำ .. ลมร่ำ-หนาว เมื่อเนตรวาวรำบาย .. ความ .. ป่ายเปื้อน- ลงบนช่วงรอคอย .. ดั่งคอยเตือน- ว่า-หอมหวานเริ่มเขยื้อน .. ขยับตัว O สิ้นจวงจันทร์บนฟ้า .. เมื่อหล้าต่ำ- มีอีกจันทร์งามล้ำ .. ครอง .. ค่ำ .. หลัว ไม่มีหรอกเวหน .. ที่หม่นมัว แต่ทุกชั่วคาบยาม .. กลับงามนัก O เมื่ออารมณ์จมจ่อม .. พรั่งพร้อมอยู่- ด้วยสุดกู้ .. กลับยอม - ถูกล้อมกัก มีหรือความอาวรณ์ .. อาจผ่อนพัก- เพียงชั่วพักตร์รูปละม่อม .. เจ้าล้อมลน O กุมเหงนั่นเพียบพร้อม .. ละม่อมหน้า โหมคุณค่าเติมเต็ม .. อย่างเข้มข้น ฤๅ-อาจทนทานไหว .. หัวใจคน ย่อมเอ่อล้นอาลัย .. เท่าใจมี O ใครเล่าต้องควรคิด .. รับผิดชอบ รองรับตอบ อาลัย .. หัวใจที่- ถูกกักกุมล้อมให้ .. คอยใยดี- อันขีดชี้นิรมิตจากฤทธิ์พรหม ? O ใครเล่าควรต้องคิด .. ส่งจิตถึง กอปรคำนึงเหนี่ยวรั้ง .. ร่วมสั่งสม- แรงถวิลปรารถนา .. ถ้วนปรารมภ์ เพื่อกุมเก็บรื่นรมย์ .. ไว้ชมเชย O พร่างพรายจันทร์อีกดวงในทรวงนี้ จนสุดลี้หลบแล้วนะแก้วเอ๋ย กุสุมาหอมร่ำ .. ลมรำเพย- ช่วยผ่านเผยอาวรณ์ .. เจ้าย้อนคืน O พร่างพรายแล้วจวงจันทร์ .. ในฝันพี่ เรื้องราศีงามพิสุทธิ์ .. ก็สุดขืน แม้นทุกข์ทนเจ็บช้ำ .. ยอมกล้ำกลืน- รอเจ้าย่ำเหยียบยืน .. ทั่วผืนใจ ! . . O ใกล้รุ่งแล้ว .. จวงจันทร์จะพลันลับ- เหลือเนตรพรับพริ้มแต้มความแจ่มใส- ทอดทอความอ่อนหวานที่หวานใด- หา-เถิดในปฐพี .. ยากมีเทียม ! https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=09-2014&date=28&group=11&gblog=584 (https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=09-2014&date=28&group=11&gblog=584) หัวข้อ: Re: O จันทร์เจ้า .. O เริ่มหัวข้อโดย: สดายุ ที่ 02 มิถุนายน 2019, 01:27:PM O รูปนามเอย .. O (https://www.bloggang.com/data/s/sdayoo/picture/1559355679.jpg) O ลมยามเย็นโชยเฉื่อยคล้ายเหนื่อยอ่อน เมื่อความร้อนเพียบพูนค่อยสูญสลาย ความมืดมัวหม่นดำเริ่มกล้ำกราย เมื่อแสงปลายช่วงวัน .. ดับ-อันตรธาน O แว่วสรรพเสียงนกค่ำ .. เริ่มร่ำร้อง เมื่อคีตพร้องพร่ำศัพท์ขึ้นขับขาน ลมอุสุมโลมลูบต้องรูปคราญ เมื่อแก้วผ่านกรุ่นหอมมาล้อมรอ O เหมือนหรีดหริ่งเรไร .. นั้น-ให้เสียง- แทนสำเนียงพร่ำพร้องในห้องหอ พร้อมภาพกาลโน้มแนบ .. ร่าง-แอบออ เผยภาพขึ้นยั่วล้อ .. ให้ทรมาน O จาก .. ไปวัดทำบุญเพื่อหนุนชาติ- หวังป่นปราศ-โศกเศร้าคอยเผาผลาญ ถึง .. คำข้าวคำบวง .. เมื่อช่วงวาน- สุข-เอ่อซ่านอารมณ์ .. เกินข่มลง O จน .. คำพระกล่อมเกล้า .. เมื่อเข้าสาย ผ่านความหมายต่อเติมเข้าเสริมส่ง- เรียงร้อยบทพุทธธรรมให้ธำรง- อย่างมั่นคงแนบชิด .. กลางจิตใจ O ตราบ .. คู้ค้อมศีรษะกราบพระเจ้า หอมกลับเร้ารุม .. รม เกินข่มไหว แว่วศัพท์เสียง, ความ, คำ .. พร้อมกำไล- กรรทบให้ .. เงียบงัน .. สิ้น-อันตรธาน ! O รูปองค์พระสีทองงามผ่องใส เมื่อหัวใจรายล้อมด้วยหอมหวาน ธูป, เทียน, ช่อเสาวคนธ์ที่บนพาน ก็เผยผ่านครบครัน .. ในสัญญา O งดงามแห่งรูปเยาว์ในเช้าวัน- เหมือนรอโอบอุ้มขวัญกลางพรรษา แต่งรื่นรมย์โสมนัส .. ล่มศรัทธา- ด้วยแววตาปลาบปลั่ง .. ทอ-สั่งการ O หลัง..คำสอนความพระ .. เสียงจะแจ้ว คือเสียงรับคำแผ่ว .. ดังแว่วหวาน คล้าย-สะไบงามอะเคื้อ .. ห่มเนื้อคราญ- เผยภาพผ่านทับซ้อน .. แต่ตอนนั้น O สองมือเรียวกอบประนม .. หน้าก้มน้อม ผมหล่นล้อมรูปหน้า .. แววตาหวั่น- จากอุทธัจขัดเขิน .. มอง .. เมิน .. กัน จนอกใจระทึกสั่นแต่วันเพรง O ภาพเยื้องย่างก้าวคอย .. ชม้อยตา- พร้อมวงหน้างามพิสุทธิ์ - ค่อยรุดเร่ง- ขึ้นวอให้ทาสหญิง .. น้อม-กริ่งเกรง คอนขึ้นไหล่คร่ำเคร่ง .. รุดเร่งเดิน- O -นั้น-ยังคงติดตามจนยามนี้ ท่วงท่าที-มองสบ .. แล้วหลบ .. เขิน- หลัง .. แววตาโหมระลอก .. เฝ้าหยอกเอิน แรงสะเทิ้นในทรวงก็ช่วงแวว O มาบัดนี้ .. รูปองค์ที่ตรงหน้า, คำพูดจาอ่อนหวานที่ผ่านแว่ว- ราวเผยรูปงามพิสุทธิ์ .. ยื้อยุดแวว- ตา .. สบความผ่องแผ้ว .. ทุกแววตา O ยังคงเป็นโบสถ์พระ .. วาระนั้น จากแรกวันชาติภพ .. พานพบหน้า ยังคงเป็นท่วงที .. เคยมีมา งาม .. แจ่มจ้าในอกเกินยกพ้น O ตาสบรูป .. มือเรียว-ราวเหนี่ยวหน่วง- เอาความเงียบเหงาปวง .. พาร่วงป่น ตาสบตา .. ในอกก็วก .. วน- สั่นไหวอลเวงอยู่ .. ไม่รู้แล้ว O แล้วงามก็ลุกลามขึ้นท่ามกลาง- ความเวิ้งว้างล้อมห่มด้วยลมแผ่ว ความหวานซึ้งอบอุ่น .. ก็หมุนแวว- ตาผ่องแผ้วสบรู้ .. แรงชู้ชาย . . O ราว .. หัตถ์ทิพจับวางลงขวางหน้า ยั่วแววตาอ่อนโยนให้โชนฉาย- ความอาลัยอาวรณ์เกินผ่อนคลาย เผยรำบายสำหรับให้รับรู้ O เมื่อเผยรูปคอยล้อมไม่ยอมหลบ ทุกตาสบตากัน .. ฤๅ-กั้นอยู่- กับอ่อนหวานเพียบเพ็ญ .. ด้วยเอ็นดู เฝ้าเวียนเผยความสู่ .. ถึงผู้เดียว O เมื่อเผยรูปลักษณ์ล้ำ .. มาค้ำอก ความหยิบยกย่อมต้อง .. ขอ-ข้องเกี่ยว หวัง .. ถึงเนื้อเนียนผิวของนิ้วเรียว- เอื้อมมาเหนี่ยวเด็ดใจ .. เอาไปครอง O ด้วย-งามรูปรอยจริต .. ให้พิศเพ่ง, แววตาเปล่งปลาบพรับให้จับจ้อง, โลกก็เหมือนเลื่อนรับการจับจอง หลังแววผ่องแผ้วหวาน .. วาบผ่านตา O จีวรพระเหลืองลออ .. ปลิวล้อลม เมื่อแววความรื่นรมย์ .. บัง .. บ่มหน้า ทับซ้อนภาพ .. รูปคราญ .. ครั้งนานมา ผู้คอยหาละห้อยเห็นไม่เว้นยาม O สายลมยังโชยเฉื่อยคล้ายเหนื่อยอ่อน เมื่อดวงตาเหลือบค้อน .. ราว-อ้อนถาม- ว่า .. เวียนสบตาอยู่ .. ฤๅรู้ความ- ว่า .. ตาวามวับอยู่ – คือ .. รู้แล้ว ? O เมื่ออาวรณ์ในทรวง .. เริ่มช่วงฉาย ก็เมื่อสายลมเร้า..อย่าง-เบาแผ่ว ความอ่อนหวานในอก .. จึงยกแนว- เผยผ่านแววตาสะทกสะเทิ้นนั้น- O –ให้รับรองหวานหอมที่ล้อมอยู่ ทั้งรับรู้ .. ว่าใจที่ไหวสั่น- จากคำบวงสืบสร้างแต่ปางบรรพ์ ครั้งร่วมขันคำข้าว .. ร่วมกล่าวคำ O รอคอยเถิด .. อกใจผู้ใฝ่หา พากย์พรรณนามอบสู่ .. ให้รู้สัม- ผัส .. อารมณ์หมายปองเพื่อจองจำ- เจ้า .. ให้คร่ำครวญหาด้วยอาลัย O สุดหัวใจ .. ถ้อยคำตอกย้ำอยู่ เพื่อแรงชู้รัดพันโอบขวัญให้- รับรองการฝ่างามเอาตามใจ ด้วยอาลัยอุ่นร้อน .. ที่ย้อนรอย O เมื่อหัวใจใฝ่หา .. รูปราศี เส้นทางที่ดุ่มเดินก็เกินถอย รูปแพงเอย .. ความพิไลที่ใฝ่คอย- คือแสงพร้อยแห่งเพชรเพียงเม็ดเดียว ! . https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=09-2015&date=04&group=11&gblog=638&fbclid=IwAR30SkE4rKKH_gSMaBrz-ZwvlM2-RTfwhMU95xwAeQOO2As_huFH0MlsMLo (https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=09-2015&date=04&group=11&gblog=638&fbclid=IwAR30SkE4rKKH_gSMaBrz-ZwvlM2-RTfwhMU95xwAeQOO2As_huFH0MlsMLo) หัวข้อ: Re: O จันทร์เจ้า .. O เริ่มหัวข้อโดย: สดายุ ที่ 03 มิถุนายน 2019, 09:36:AM O แรงอาลัย .. O (https://www.bloggang.com/data/s/sdayoo/picture/1558062562.jpg) ๘ O คงใช่แล้ว-ห่วงหา .. ความอาวรณ์ เริ่มซอกซอนรุมรัดเกินปัดหาย เมื่อไมตรีเยื่อใยแห่งใจชาย ถักทอดสายโอบฉุดจนสุดยั้ง O กำแพงใดใครสร้างขึ้นขวางคั่น ฤๅอาจกั้นกีดไหว .. เมื่อใจสั่ง ต่อให้สูงใหญ่ล้ำเหลือกำลัง ถูกซอนเซาะซ้ำครั้ง .. ย่อมพังครืน O เมื่อนั้นแหละทั้งปวง .. ความห่วงหา จะโหมฤทธิ์เข้ามาทั้งตาตื่น บรรโลมหวานหยาดย้ำ .. เช้า .. ค่ำคืน จนสุดขืนขัดห้าม .. งดงามนั้น O ย่อมรุมเร้าในอกสุดยกย้าย และวนว่าย .. อาลัยด้วยไหวหวั่น ย่อมวาดหวัง .. รอยคำ .. ถ้อยรำพัน มากล่อมขวัญเร้าทรวง .. อย่างห่วงใย O ย่อมละห้อยคอยเห็น .. ด้วยเป็นห่วง จะเลยล่วงลับกันก็หวั่นไหว เจ้าเอยกลางราตรีจะมีใคร ร่วมเผยรูปอำไพที่นัยน์ตา O ย่อมมาดหมายร่นฟ้า .. เข้ามาใกล้ โอบกายไว้แนบทรวงด้วยห่วงหา จะชวนชี้ดาวสวรรค์และจันทรา กล่อมคีตาให้สดับอยู่กับใจ O จากต่างฟ้าต่างแดน .. ที่แสนห่าง จนแผ้วทางนฤมิตมาชิดใกล้ ถักทอแล้วแน่นเหลือสายเยื่อใย จะทอดให้ก้าวย่าง .. ย่ำกลางทรวง O ใจเอยนั่นจันทร์เพ็ญลอยเด่นฟ้า ชมเถิดราศีโสมเมื่อโลมสรวง ย่อมยอแสงแจ่มจ้าสู่หล้าปวง จะเลยล่วงลับได้อย่างไรกัน O ชื่นเอย .. แต่เมื่อโฉมประโลมเล่น ครั้นห่างเห็นห่วงละห้อยแต่คอยขวัญ เกินอักษรกรองคำจักจำนรรจ์ ร้อยรำพันความนัยออกใกล้เคียง O เจ้าเอยแต่เมื่อเห็น .. เกินเร้นห่วง จะเลือนล่วง .. อาลัยก็ให้เสียง มาทักทายยั่วล้อ .. จนพอเพียง ก่อนบ่ายเบี่ยงหลบให้ .. ห้วงใจคอย O เบื้องบนนั่น .. จันทร์พร่างอยู่กลางสรวง โลกล่างปวง .. เย็นเยียบจนเงียบหงอย ดาวบนฟ้าแสงกระพริบ, ตาปริบปรอย- ชม้ายชม้อย .. แฝงนัยอยู่ในที O ดาวจันทร์จึงดับดวง .. จนล่วงสิ้น รองรับยินดีโลกทั้งโลกที่- แววอ่อนหวานอ่อนไหว .. แฝงใยดี- ค่อยหมุนคลี่ม้วนรัดในบัดนั้น ! ๑๔ O จากขวัญและขวัญดละคะนึง ภวะซึ้งก็ล่ามพัน จวบนัย ณ นัยนะถวัลย์ พะ-ผจัญ, ก็แจ้งความ O หวานใด ณ ในอุบัติภพ- ะจะลบ บ่ ให้ลาม เมื่อนัย ณ นัยนะวะวาม ดุจะล่ามและรอบล้อม O หอมใด ณ ในภพะมนุษ- ยะจะยุด บ่ ให้ยอม เมื่อเนตรและเจตทะนุถนอม ดุจะพร้อม .. และยอมใจ https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=sdayoo&month=22-04-2016&group=11&gblog=653 (https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=sdayoo&month=22-04-2016&group=11&gblog=653) หัวข้อ: Re: O จันทร์เจ้า .. O เริ่มหัวข้อโดย: เนิน จำราย ที่ 03 มิถุนายน 2019, 09:40:PM ขอความกรุณาด้วยจริงใจ
กลอนยาวจังนั่งอ่านนึกผ่านคำ ลื่นเลิศล้ำลีลาท้องฟ้าใส สำนวนขับรับรุกสุขแชมไกล ทวนทีไรเพลินรสกำหนดความ แต่ยาวจังนั่งอ่านเพียงผ่านพ้น ก็ลืมต้นแตกปลายเป็นลายสาม คนสูงวัยภัยตามาห้ามปราม ยิ่งพยายามแสนยากลำบากแท้ เนิน จำราย หัวข้อ: Re: O จันทร์เจ้า .. O เริ่มหัวข้อโดย: สดายุ ที่ 04 มิถุนายน 2019, 12:47:PM ด้วยความยินดีครับคุณเนิน จำราย ผมก็เขียนไปเรื่อยครับ .. อิๆๆ . . . O รื่นวรรษา .. O (https://www.bloggang.com/data/s/sdayoo/picture/1557651051.jpg) O ต้านสายลมห่มห้อม .. ด้วยอ้อมกอด วงแขนทอดโอบกายช่วยคลายหนาว วานนั้นเนตรสองดวง .. ก็ช่วงราว- จะข่มดาวแสงปลั่ง .. สิ้นทั้งปวง O ในอ้อมกอดพลอดพร่ำ .. ด้วยคำหวาน เงียบเปลี่ยวเปล่าทรมานย่อมลาญล่วง เมื่อแดดข่มขับหมอก .. พฤกษ์ดอกดวง- ก็ช้อยช่อรอหน่วงแสงสรวงนั้น O วานนั้นแดดเรื่อรอง .. ฟ้าผ่องใส สุมาลย์ต้องลมไกว .. ก็ไหวสั่น ลมบนฟ้าโหมระลอก .. นกหยอกกัน และสัมพันธ์หนึ่งครองด้วยสองใจ O เมื่อทอดกายสองแขนหนุนแทนหมอน ลมแผ่วพลิ้วโชยย้อน .. คนอ่อนไหว หลับอยู่กลางอ้อมละมุนของอุ่นไอ และเรียวมือลูบไล้ .. ด้วยใยดี O หอมเขนยเกยกอด .. ตลอดคาบ นิ่งเสพทราบอุ่นไออยู่ในที่ ครั้งนั้นแรงอาลัย .. รอบไมตรี- ก็คลายคลี่โอบคลุม .. ลงสุมซ้อน O จนกระซิบคำหวานเผยผ่าน .. แว่ว ลมร่ำแก้วโรยล้อม .. กลิ่นหอมอ่อน หอมหัวใจหวานล้ำ .. ถ้อยคำวอน- ก็ซอกซอนแทรกผลอยู่วนเวียน O สกุณาป่าฝนบินพ้นผ่าน เมื่อตำนานรสประณีต .. เริ่มขีดเขียน ด้วยเลือดอุ่นเรื่อแดง .. ด้วยแรงเพียร- งามก็เจียรจารทั่ว .. ทั้งหัวใจ O เลิศพิสุทธิ์ยุดย้ำ .. กรองคำถ้อย ก็เพื่อคอยสำหรับ .. การขับไข รอบอาวรณ์รำบายจากภายใน เผยออกให้เห็นความงดงามนั้น O เมื่อตื่นตามองเห็น .. ความเป็นไป ก็เมื่อสบตาใคร .. แวว-ไหวสั่น ความรู้สึกลึกซึ้งเชื่อมถึงกัน แววที่หวั่นไหวอยู่ .. ก็รู้เชิญ O ถ้วนสิ้นความอ่อนหวาน .. ที่ผ่านหา คล้ายกับว่ามาช่วย .. กลบขวยเขิน ความรู้สึกดื่มด่ำก็ดำเนิน- เข้าก้ำเกินใจอยู่ไม่รู้ลา O สายลม .. มวลดอกไม้ที่รายรอบ คล้ายรอนอบน้อมให้ผู้ใฝ่หา สุรโลกสรวงสูง .. จับจูงมา รองรับแรงภิรมยาในอารมณ์ O กลางสายลมโรยระลอก .. หอมดอกไม้ คือหัวใจคนรื่น .. สิ้นขื่นขม กรุ่นตักเนื้ออุ่นอ่อน .. ตาค้อนคม- เหมือนห้อมห่มถ่ายถอน .. ความอ่อนล้า O งามประกายเนตรพรับให้นับเนื่อง ผ่องผกายเรื่อเรื้องที่เบื้องหน้า โอนอ่อนหวานผ่านแล้วในแววตา มอบห่วงหาอาวรณ์ .. ลงซ้อนทบ O กลางสายลม .. แขนเรียว .. ส่วนเสี้ยวหน้า- ก็โน้มฝ่าใฝ่ฝันลงบรรจบ โอษฐ์อิ่มแนบแก้มพลัน .. ก็ครันครบ- เงื่อนเหตุแห่งชาติภพ .. ตระหลบล้อม O ครั้งนั้นความอ่อนหวานที่ผ่านหา ก็เหมือนว่าแผ่ซ่านทุกย่านหย่อม แทรกวิญญาณเจตจินต์ให้ยินยอม- เพื่อรอพร้อมถนอมขวัญ .. ให้มั่นคง O ทั้งสิ้นและทั้งปวง .. ความห่วงใย ก็วกเวียนรอบให้ .. อาลัย-หลง- ร่วมอ่อนไหวอ่อนหวาน .. ได้ผ่านลง- แผ่วบรรจงแตะวาง .. ที่กลางใจ O ทั้งสิ้นและทั้งปวง .. แรงห่วงหา ก็วกย้อนกลับมา .. ให้อาศัย- ส่งรับความมั่นหมาย .. จากภายใน- สองหัวใจผูกมั่น .. ร่วมพันธนา O วันนี้ .. ริ้วลมฝน .. เมื่อพ้นผ่าน ถ้วนปวงความอ่อนหวานก็ปานว่า- โหมแรงลงผูกพัน .. คอยบัญชา- แต้มเติมอาวรณ์ชู้คอยอยู่ .. เคียง O แก้วดอกขาวหอมอ่อนกำจรกลิ่น เมื่อถวิลอาลัย .. เริ่มให้เสียง รื่นลมร่ำกำจาย..ก็หมายเพียง- หอมจะรอร่วมเรียงลงเคียงใจ O งามท่วงทีลักขณารูปปรารมภ์ ต่างฤๅ-มาลย์กลิ่นฉมเมื่อลมไหว- ออดอ้อนลมลอดเลี้ยวผ่านเรียวใบ ต่างฤๅ-นัยน์ตาค้อน .. ออดอ้อนนั้น ? O รื่นรมย์กลางลมเหนือ, ที่เหนือกว่า- คือแววตาของใคร .. วาบไหว-สั่น บอกว่าบางอารมณ์ .. สุดข่ม, กัน- ความผูกพันเสน่หาแสนอาวรณ์ O กลางริ้วลมโรยระลอก .. หอมดอกแก้ว คล้ายเสียงหนึ่งผ่านแว่ว .. ดังแผ่ว-อ้อน คอยรุมเร้าจิตชาย .. สู่ปลายจร- เอื้อมเหนี่ยวกรเรียวเจ้า .. ที่เฝ้ารอ O ริ้วลมหนาวผ่านสาย .. เมื่อสายแล้ว โลมลูบแก้วระริกไหว .. ก้าน .. ใบ .. ช่อ ต้องลมหนาวล้อมรุมทั้งพุ่มกอ ต่างฤๅพักตร์นวลลออ .. ร่ำรอชม O โอ .. เลือดฝาดแต่งแต้มเนียนแก้มอิ่ม หรือ-สบยิ้มอ่อนหวาน .. แล้วซ่านสม ? โอ .. ท่วงทีเอียงอายกลางสายลม- ฤๅ-อาจข่มขับล้างให้จางรอย ? O เข้าสาย .. ลมอ่อยเอื่อย, นกเจื้อยแจ้ว เมื่อลมร่ำโลมแก้วอย่างแผ่วค่อย ต่างฤๅอารมณ์ชู้ที่รู้คอย- เฝ้าแหนหวงอ่อนน้อย .. รูปรอยนั้น O แก้ว .. ปีบ .. โมกดอกขาว .. อะคร้าวรูป ต้องลมลูบโลมไล้ .. ก็ไหวสั่น แววในตาสบหมายย่อมคล้ายกัน ต้องเลศนัยไหวหวั่น .. สุดบั่นทอน O ขลุ่ยสังคีตยังครวญเสียงหวนไห้ เมื่ออาวรณ์อาลัยเกินไถ่ถอน รับรู้เถิดใจเจ้า-ความเว้าวอน- ย่อมออดอ้อนอยู่พร้อมอย่างยอมใจ O กลางริ้วลมโรยระลอก .. หอมดอกแก้ว- ก็หอมแล้วหอมอีก .. เกินหลีกไหว อาจรุมเร้าเจตจินต์ .. ตราบสิ้นไป- แห่งเปลวไฟลุกช่วง .. ทุกดวงดาว ! https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=05-2014&date=28&group=11&gblog=550 (https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=05-2014&date=28&group=11&gblog=550) หัวข้อ: Re: O จันทร์เจ้า .. O เริ่มหัวข้อโดย: สดายุ ที่ 05 มิถุนายน 2019, 09:08:AM O แรกอรุโณทัย .. O (https://www.bloggang.com/data/s/sdayoo/picture/1558084772.jpg) O เมื่อแสงเรื่อรองงามแห่งยามรุ่ง ค่อยค่อยฟุ้งฟายอณูเพรียกตรู่สาง คลี่ปลายปีกปักษินล้อมถิ่นทาง โลกเบื้องล่างก็ค่อยฟื้นขึ้นตื่นตัว O ดอกดวงมวลน้ำค้าง .. หยาดวางเม็ด ดั่งพลอยเพชร-พรึบบน .. ความหม่นหลัว ลมโรยริ้วเรียวใบ, ดอก-ไหวรัว รับรื่นเย็นเกลือกกลั้วอยู่ทั่วใบ O มัวหมอกค่อยค่อยจางลงกลางแดด ร่ำรอแวดล้อมรับ .. การขับไข- ของอำนาจพราวพริบจากลิบไกล แห่งยามอรุโณทัยสมัยนั้น O จึงเห็นปีกผีเสื้อบินเหนือพื้น คลี่ปีกขืนลมร่ำ .. เมื่อน้ำกลั่น- ค่อยหยาดรูปหล่นร่วง .. เมื่อดวงวัน- ลอยดวงขึ้นบังจันทร์ในชั้นฟ้า O พร้อมเหน็บหนาวอวลอณูล้อมตรู่สาง คือหมอกพรางแทรกตัวอยู่ทั่วป่า จนแสงแรกเบิกคาบลงทาบทา ก็รู้ว่า .. วันเคลื่อนสู่เดือนปี O หอมเมื่อดวงดอกไม้ .. แกว่งไกวช่อ- หวานย่อมรอจบจีบแทรกกลีบสี ปีก-ลายต้องลมโกรก .. ก็โบก .. วี กลางหอมที่ .. รายล้อมให้ยอมตัว O ตื่นหอม .. เข้าตฤปหวาน .. จนหวานหยด- กลั่นรูปอวลกลิ่นรสคอยหยดยั่ว โลกยามแรกเมื่อนั้นค่อยสั่นรัว- ไปกับการเกลือกกลั้วของตัวตน O ลมเหนื่อยอ่อนโรยตัวอยู่ทั่วแหล่ง พารื่นล้ำแทรกแฝงทุกแห่งหน พื้นหญ้าไหวเรียวลู่ .. ก็ลู่จน- น้ำค้างหล่นร่วงดินจนสิ้นรอย O ระบัดเรียวเขียวรอ .. แดดทอทาบ ลงลบภาพเย็นเยียบแสนเงียบหงอย เพื่อปลุกโลกให้ตื่นขึ้นยืนคอย- การปลดปล่อยรังสี .. ให้ปรีดา O แตะตื่นพื้นโลกเคยโชกชุ่ม ด้วยแดดรุมรอบล้อมอยู่พร้อมท่า จนสรรพเสียงรอบด้านแว่วผ่านมา ปรารถนาทั้งปวงก็ช่วงแรง O หมุนโลก - พลิกบท .. พางดงาม- ล้อม, คุกคามไม่เว้น .. ก่อนเร้นแฝง- เป็นรูปพักตร์งามล้ำคอยสำแดง- ล่มเงียบเหงาปรับแปลงให้แฝงรอย ! O จนเรียวหญ้าระบัดใบขึ้นไหวรับ- แสงระยับผ่องแผ้วอย่างแผ่วค่อย ปวงโลกอันแวดล้อม .. ก็พร้อมคอย- รับรู้แรงห่วงละห้อยทุกรอยใจ O ริ้วแห่งลมร่ำผ่านอยู่นานเนิ่น ยั่วหยอกเอินอาวรณ์ผู้อ่อนไหว ลมร่ำสายโอบเนื้อ .. สายเยื่อใย- เหมือนคลี่ผูกพันไว้ .. ทั้งใจนี้ ! O เบื้องบน .. ปีกนกคลี่โบกบิน เมื่อถวิลในคนเริ่มล้นปรี่ ผ่านรูปรอย, อิริยา ผ่านท่าที- เยี่ยงปีกนกเหยียดคลี่ .. วาดวีลม O โผผกวกร่าง .. อยู่กลางหาว ให้แดดวาววับพร้อม .. ลงล้อมห่ม เยี่ยงรูปรอยปรารถนา .. ล้อมอารมณ์- ค่อยค่อยถมลงทับ .. เกินยับยั้ง ! O ปีกผีเสื้อลวดลายยังบ่ายบิน- สืบเสาะกลิ่นมธุรสให้รด .. หลั่ง- หอมหวานอวลอบใต้ .. ร่มใบบัง- เพื่อแทรกหวานลงฝัง .. ลงฝากรส O หอมหวานอีกผู้ที่จู่โจม- ผ่านรูปโฉมเอี่ยมลออลงจ่อ .. จด เห็นปีกบางเกาะเกี่ยวคลานเลี้ยวลด เมื่องามชดช้อยร่างลงกลางคะนึง O รูปรสจากไหนเล่าจะเข้าขวาง- ปีกหรุบกลางเรณู ของภู่ผึ้ง ลมโรยริ้ว, ปฏิพัทธก็รัดรึง- รสหวานซึ้งลดาชาติ ฤๅอาจเทียม ? O เมื่อมีรูป .. มีใจ-หวั่นไหวรูป สบตาวูบแววคล้ายจะอายเหนียม อิริยารูปละม่อม .. ใช่-จ่อมเจียม หากเต็มเปี่ยมจริตนวลให้ชวนชม O จน-ท่ามกลางแสงช่วงแห่งดวงดาว ริ้วลมหนาวเหน็บพร้อมก็ล้อมห่ม ยิ้มรับท่าเอียงอาย, เมื่อสายลม- ล้ออารมณ์ชายชาญ .. ว่าหวานนัก ! O ไม่มีปีกผึ้งภู่ .. เรณูหอม เหลือเพียงรูปพักตร์ละม่อม .. เข้าล้อมกัก อีกแววตาเหลือบอ้อน .. ไม่ผ่อนพัก การณ์ก็ชักชวนงามเข้าล่ามตรึง O เมื่อมีรูป .. เผยรอยให้คอยหา ทั้งรูปหน้า, รูปจริต .. ให้คิดถึง กลางสายลมโลมพัด .. ที่รัดรึง- คือความซึ้งหวานซาบลงอาบทรวง ! O หมื่นแสนล้านดวงดาวย่อมพราวพร่าง ส่องโลกต่ำเบื้องล่าง .. จากกลางสรวง ที่เผยแววผุดผ่อง .. อีกสองดวง- คล้ายโชนแววจนช่วง .. กว่า-ดวงดาว ! O หัวใจผู้ .. เฝ้าคอยละห้อยเห็น จึงเหมือนเต้นแกว่งรับ .. เพื่อขับหนาว ทั้งรออุ่นโอบคืนให้ยืนยาว พร้อมรอก้าวย่างเดียว .. ก้อยเกี่ยว .. เดิน ! https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=07-2012&date=28&group=11&gblog=401 (https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=07-2012&date=28&group=11&gblog=401) |