หัวข้อ: O วิสาขะสมัย .. O เริ่มหัวข้อโดย: สดายุ ที่ 27 เมษายน 2019, 05:19:PM (https://www.bloggang.com/data/s/sdayoo/picture/1463195126.jpg) กลอน ๘ O บริบทตรู่เช้า .. หมอก-ขาวมัว ลมโรยตัว .. ลูบไล้ก็ไหวสั่น แถบผ้าขาวป่ายริ้ว-ห่มผิวพรรณ- พร้อมด้วยข้าวในขัน .. มุ่งมั่นรอ O แล้วพิมพ์ภาพงดงาม .. แห่งยามเช้า- ค่อยทอดเงาเคียงหมู่ท่านผู้ขอ ศรัทธาของรูปนาม ก็งามพอ- สืบสาน-ต่อเติมธรรม .. ลงย้ำใจ O คำข้าว..ช่อดอกไม้..ถวายพระ ตอบภาวะศรัทธา .. เพื่ออาศัย- สำหรับน้อมจิตนำ .. พากย์ธรรมนัย- กำหนดให้อัตตานั้นล้าตัว O ข้าวหอมกรุ่นในขัน .. คด .. บรรจง- ใส่บาตรสงฆ์เบื้องหน้าแต่ฟ้าหลัว จวบแสงทองอำไพส่องไล่มัว สุขก็ซ่านเอ่อทั่วทั้งหัวใจ O หากเช้านี้ .. ผิดแผกจนแตกต่าง ชั่วพระย่างพ้น .. พลัน-ที่สั่นไหว- คืออกผู้-เบือนหน้าสบตาใคร- แล้ว-เลศนัยเชิงชู้ .. ก็จู่โจม ! O ด้วยเช้านี้มีชายที่หมายรู้- ว่า-งามผู้แสงรุ้งช่วยปรุงโฉม นั้น .. ฤๅ-เพื่อรอช่วงแข่งดวงโคม- ผ่านรอบโสมนัสช่วงกลางห้วงใจ ? O ดู .. สายตาจับจองความผ่องแผ้ว ก็ล้วนแววเอ็นดูจนรู้ได้ ดู .. สายตาจับจองความยองใย ความอ่อนไหวอ่อนโยนก็โชนแวว ! O เมื่อมีรูป, มีใจ-หวั่นไหวอยู่ อารมณ์ผู้จับจ้องก็ผ่องแผ้ว พร้อมริ้วลมโรยตัวอยู่ทั่วแนว การจับจองรูปแก้ว .. ฤๅ-แล้วเลือน ? O แต่เมื่อตาสบรูป .. การวูบไหว- ของดวงใจ .. คือ-งามเจ้าลามเลื่อน- ยอรูปองค์ .. ล้อมชาติเกินอาจเบือน- สายตาเคลื่อนจากงาม .. แม้ยามเดียว ! O ตาสบรูป .. จิตวูบด้วยรูปนั้น ตั้งแต่หันมองตอบ .. เฝ้าลอบเหลียว ตาต้องรูปร่ำล้อ .. ดั่งขอเคียว- เจ้าคล้องเกี่ยวเหนี่ยวใจ .. เอาไปครอง O เช้านี้ .. จึงช่างแปลกจนแตกต่าง ด้วยเรียวร่างงามที่ไม่มีสอง ด้วยรูปพักตร์รูปเดียวเฝ้าเหลียวมอง โลกทั้งผองก็เหมือนวาง .. ให้ย่างเท้า ! O ไร้ซึ่ง - ความเหงาเงียบให้เหยียบย่าง สิ้นทั้งโลกผืนกว้าง .. เคยว่างเปล่า มีแต่แววซ่อนยิ้ม, ความพริ้มเพรา- ของรูปเงาเบื้องหน้า .. ให้ปรารมณ์ ! O พร้อม-ลมเอื่อยแผ่วผ่านอยู่นานเนิ่น, แววขัดเขินเผยอยู่ .. สุดรู้ข่ม สบ – สัมผัสหอมหวานอยู่นานนม- ดวงใจที่จ่อมจมก็ .. สมยอม O ช่อขาวเกสรปีบ .. รอบีบกลิ่น ต้องลมรินโรยผ่าน .. รสหวานหอม- ก็แฝงฝากลมร่ำให้ด่ำดอม- รื่นรมย์ที่รายล้อม..อย่างพร้อมเพรียง O ยิ่งปีกผีเสื้องาม, ตาวามนัย- แฝงฝากให้อาวรณ์ออดอ้อนเสียง เฉกลวดลายปีกบาง..ลอยร่างเพียง- เพื่อเข้าเคียงหวานหอม..แนบน้อมรส O เมฆขาวเวิ้งฟ้าใส .. ลมไหวแว่ว วันผ่องแผ้วบังเดือนให้เลือนบท หญ้าต้องลมโลมสู่ .. ยอดคู้คด ภู่จ่อจดหวานหอมไม่ยอมลา O นกโผเกาะกิ่งพฤกษ์ .. เมื่อนึกย้อน ถึงช่วงตอนใจละห้อยแต่คอยหา ดื่มด่ำด้วยรูปฝัน .. แรงฉันทา- ต่อเรียวร่าง .. อิริยา .. ท่วงท่าที O ทอดตามองที่นี่และที่นั่น รูปรอยฝัน .. แทรกฝ่าเรื้องราศี กลางลมอุ่นโอบไล้, รอบไมตรี- ก็ค่อยคลี่โอบรับไว้กับทรวง O เมื่อลำดวนฟุ้งกลิ่นรวยรินสู่ หอมก็จู่จบแทนความแหนหวง แรงอาวรณ์ซาบซึ้ง .. ใจหนึ่งดวง- หวัง-ผ่านหอมหวานล่วง .. อีกดวงใจ O ปีกนกยังคลี่กาง .. ร่อนกลางฟ้า กลางแววตา, อาวรณ์ .. แสนอ่อนไหว- ที่ละห้อยแหนหวง .. พร้อมห่วงใย- แต่เพียงผู้เยาว์วัย .. อยู่ในยาม O ลมร่ำสายโชยเฉื่อยคล้ายเหนื่อยอ่อน เมื่อเสียงอ้อนออดชู้ .. สุดรู้ห้าม- คอยกระซิบเร้ารุก .. คอยคุกคาม หลังสบแววตางาม .. วาบวามนัย O ปีกนกกางโล้ลม, อารมณ์ถวิล- ก็หลั่งรินรอชู้ .. ร่วมสู่สมัย- การจับจูงเกี่ยวร้อยทุกรอยใจ กำหนดให้ .. ร่วมย่างบนทางเดียว ! วสันตดิลกฉันท์ ๑๔ O พื้นน้ำชอ่ำ-น-ภะ-ปฎล ก็ระคนกะรูปเคียว รองเรื่อ ก็ เมื่อ-นั-ย-นะ-เหลียว ประลุเหนี่ยวคะนึงหา O เนตรชายชม้าย-อุ-ระ-กระ-เพื่อม รติเชื่อมและบัญชา- จิตผู้เพราะรู้-นิ-ละ-จะหา- ยะ-นะ-ภาวะทั่วพร้อม O วังเวงประเลง-บ-ทะ-ประโลม และโพยมประหนึ่งยอม- พื้นสินธุ์และจิน-ต-นะ-ถนอม- กระแหนะน้อมประนังนวล https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=05-2016&date=14&group=11&gblog=657 (https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=05-2016&date=14&group=11&gblog=657) หัวข้อ: Re: O วิสาขะสมัย .. O เริ่มหัวข้อโดย: สดายุ ที่ 29 เมษายน 2019, 09:26:AM O กลาง .. วิสาขะมาส .. ! O (https://www.bloggang.com/data/s/sdayoo/picture/1433123708.jpg) .. 1 O ทิวแถวท่านผู้ขอ .. เคลื่อน .. รอ .. หยุด ราวรอฉุดความเถื่อนให้เลื่อนหาย ก้าวย่างนั้นคืบเค้นความเป็นตาย อันวิญญาณทั้งหลายเทียวว่าย .. วน O เพียงผืนผ้าเหลืองส้ม .. ต้องลมปะ ก็รู้ว่าวันพระมาอีกหน พอสิ้นเสียงสาธุ บรรลุตน ก็เหมือนป่นโมหะจนละลาย O คล้ายคล้ายว่าจะเป็นดั่งเช่นนั้น แต่ยังหวั่นใจอยู่ไม่รู้หาย เมื่อรูปหนึ่งคล้ายคอย .. ชม้อยชาย คอยสบสายตาผนึกแววลึกล้ำ O ทิวแถวท่านผู้ขอ .. เคลื่อนรอ .. หยุด คล้ายรอฉุดทุกข์โศก .. พ้นโลกต่ำ สายตา, รูป-บรรจบ, ภูมิภพ .. ธรรม- สร้างเวรกรรมให้อุบัติ .. ขึ้นบัดดล ! O ทุกครั้ง และทุกครานัยน์ตาสบ- ก็ครันครบวัฏฏะกรรมอยู่ซ้ำหน หลังทุกครั้งทุกครา .. นัยน์ตาคน คอยวกวนสบรูป .. โลมลูบใจ O แว่ว-เสียงธรรมพระให้อยู่ในโสต แต่-ปราโมทย์สุมอยู่จนรู้ได้- ว่า-นัยธรรมตรองอยู่ .. หรือผู้ใด ลอยรูปให้หักฝ่า..อย่างท้าทาย O เสียงพระ-แว่วให้ข่ม .. อารมณ์นี้ รูปราศีก็ล้อมลนให้ขวนขวาย เสียงธรรมว่าอาวรณ์ .. ควรผ่อนคลาย ภาพแววตาชม้อยชม้าย .. หรือคลายลง ? O ดูเอาเถิด .. เนียนเนื้อ .. แก้มเรื่อนั้น คอยบีบคั้นเร้ารุมให้ลุ่มหลง หลังตา, รูป .. ตกกระทบ .. ย่อมจบวง- วัฏฏะสงสารชู้ .. ไม่รู้แล้ว ! O พร้อมผืนผ้าเหลืองส้ม .. ต้องลมพลิ้ว, ตาต้องผิวเนื้อเยาว์ .. ยิ่งเบาแผ่ว เมื่อรูปหน้าเหลือบชม้าย .. ยิ่งคล้ายแวว- ความผ่องแผ้ววาบอยู่ .. ไม่รู้วาง O จีวรเหลือง .. แดดทอ .. เหมือนรออยู่ รอ-ใจผู้ .. ลำบากด้วยขวากขวาง- ให้ก้าวสู่จุดหมายที่ปลายทาง รอ-ก้าวย่างผ่านพ้น .. ด้วยตนเอง O ตาดำขลับ .. เหลือบชม้อยชม้ายสบ- เหมือน-ยอภพชาติรับ .. การพรับ .. เพ่ง สบแล้วใจ-สั่นรัว .. ด้วยกลัวเกรง- ผิวเนื้อเปล่งปลั่งพรับ .. แล้วจับใจ ! O รูปหน้าเนียนเนื้อลออ .. คล้ายรอขวาง จะก้าวขายกย่างไปทางไหน ก็ล้วนบ่วงผูกปลาย .. ด้วยสายใย คอยเหนี่ยวให้ .. อาวรณ์เกินผ่อนดึง O รูปหน้าเนียนพริ้มเพรา .. ทั้งเงาร่าง- เหมือนผุดขวางหน่วงจิต .. แต่คิดถึง รู้หรือไม่ลึกล้ำ .. แห่งคำนึง เกินรำพึงได้หมด .. ด้วยบทกลอน O แววในตาเปล่งประกาย .. ยามชายชม้อย คล้ายเผยรอยตอบเต้น .. เคย-เร้น .. ซ่อน แววอ่อนไหว, อ่อนหวาน .. เมื่อผ่านตอน- ก็รุมร้อนถ้วนสิ้น..จิตวิญญาณ ! .. 2 O นบนิ้วเพ่งไตร่ตรอง..ครรลองเหตุ เมื่อต้องเลศรูปนาม .. ผูกล่าม .. ผลาญ- จากตาสบ, โลมลูบด้วยรูปคราญ แล้วต้องหวานรุมเร้า .. อยู่เช้าเย็น O นิ้วองค์พระ .. เรียวงอน .. ดูอ่อนช้อย เช่นเรียวก้อย .. รูปเอย .. ที่เคยเห็น อ่อนช้อยในท่วงที .. อย่างที่เป็น ให้คนเอ็นดูละห้อย .. แต่คอยรอ O หวังปล่อยวางโลกเช่น .. ที่เป็นอยู่ จาก-ความนัยองค์รู้ .. ท่านผู้ขอ กลับมาต้องรูปนาม .. ผู้งามลออ- ขวาง, ยั่ว, ล้อคุกคาม .. อย่างย่ามใจ O แทนเรียวนิ้วองค์พระ .. กลับคละเคล้า- ด้วยเรียวร่างรูปเยาว์ .. ของเจ้าได้ แทนเนื้อปูนดินปั้น .. แล้ว-นั่นใคร- ซ้อนรูปให้ห่วงหา .. ฤๅ-ฝ่าพ้น ? O เพ่งดวงจิตครวญใคร่ .. หวังนัยธรรม- จักล่มล้างรอบกรรม .. ซ้ำซ้ำหน เพ่งรูปพระ .. แล้วภาพ กลับวาบ-วน เป็นภาพใครงามล้น .. เกินป่นแล้ว O แว่วเหมือนเสียงอาวรณ์ .. ออดอ้อนลม ซ้อนภาพแววตาคม .. กลางลมแผ่ว ใกล้เพียงเห็นเนตรชม้าย .. นั้นฉายแวว- วาม .. ผ่องแผ้วราวประสงค์ .. แข่งองค์พระ O ท่ามกลางเมียง, เมิน, ชม้าย .. เหลือบชายสู่ พรั่งพร้อมหมู่ – ชาติภพ .. ทุกสบ .. ผละ ท่ามกลางหวานหอมจู่ .. ไม่รู้ละ บ่วงพันธะก็ล่ามตรึง .. สุดดึงลง O ตั้งขึ้นแล้วจำพราก .. นั้นยากนัก ย่อมจำหลักลงทรวง ด้วย ห่วง หลง พร้อมอาวรณ์รสประณีต .. เริ่มขีด-วง- คอยหนุนส่งรูปธรรมเข้าบำเรอ O นบจิตเพ่งไตร่ตรอง .. ครรลองพุทธ เพื่อคอยฉุดฉวยใจ .. ทุกไพล่เผลอ หากบรรจบ .. รูปคราญทุกผ่านเจอ อย่าพร่ำเพ้อ .. ละห้อยเห็นอยู่เช่นนี้ O นบจิตเพ่งไตร่ตรอง .. ครรลองพุทธ หาก-รูปผุดพร่างอยู่ไม่รู้หนี- ราวยั่วล้อปรารถนา .. เฝ้าราวี- จนสุดลี้เลือนหอม .. ที่ล้อมไว้ ! O นิ้วองค์พระเรียวงอน .. ดูอ่อนช้อย เมื่อรูปเรียวอ่อนน้อย .. ค่อยค่อยไหว แทรกรูปขึ้นยอช่วง .. พาห้วงใจ- จมอาลัย .. หวามอยู่ .. ไม่รู้วัน ! https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=06-2015&date=01&group=11&gblog=623 (https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=06-2015&date=01&group=11&gblog=623) หัวข้อ: Re: O วิสาขะสมัย .. O เริ่มหัวข้อโดย: สดายุ ที่ 18 พฤษภาคม 2019, 07:19:PM O เลื่อมลายรุ้ง...O (https://www.bloggang.com/data/s/sdayoo/picture/1551915989.jpg) O แล้วเลื่อมลายสีรุ้ง..บนคุ้งฟ้า- ก็ทอดฝ่าเรื้องละออง..แต้มฟองฝน เผยราศีล้ำล่วงให้สรวงบน- รู้..อำพนพร่างพรายที่ปลายวัน O แรงโอภาสงามลออทอดทอสู่ ให้โลกรู้บรรเจิด..ความเฉิดฉัน สัตตรงค์เรื้องรอง, รูปผ่องพรรณ- ก็ล้อมขวัญโดยรูป..โลมลูบใจ O จึงเลื่อมลายสีรุ้ง..บนคุ้งฟ้า- ก็คลุมครอบลงมา..เกินฝ่าไหว กุสุมาหวานหอมแวดล้อมใบ- ค่อยแกว่งไกวรสประทิ่น..ร่ำรินพร้อม O ฝนทิ้งช่วง, ดวงวัน-ถวัลย์รูป ลมผ่านลูบโลมถิ่นด้วยกลิ่นหอม โดยรูปคราญ..จึงถวิลแต่ยินยอม- การหว่านล้อมหวานรสเข้าบดเบียน O สรวงเบื้องบนชลอลงก็คงใช่ เมื่อหัวใจต้องหวาน..จนผ่านเปลี่ยน หลังรูปองค์..พักตร์ละม่อม..คอยล้อมเวียน ตา..เนื้อเนียน..ปรารมภ์..อย่างสมยอม O แต่สบรูปงามลออ..ก็รออยู่- ว่านัยชู้รสละลานด้วยหวานหอม- จะแผ่รอยรสล้ำให้ด่ำดอม จนหลั่งหลอมแรงชู้..ซ่านสู่ใจ O ปุยเมฆขาว, ฟ้าคราม..แห่งยามนี้ สายลมวีวาดพรรณ, ที่สั่นไหว- คืออาวรณ์แหนหวงพร้อมห่วงใย- พลุ่งเปลวขึ้นโลมไล้หัวใจคน O จะรู้ฤๅ..ว่าอกสะทกสะท้อน- จากอาวรณ์สุมสั่งกี่ครั้งหน ? จะรู้ฤๅ..ว่าวิตกอันวกวน- ด้วยอับจนถ้อยคำ..ร้อยรำพัน ! O ต้องเยี่ยงไรเล่าหนอ..จะพอเทียบ- ความ, คำ เปรียบปรุงนัย..ดั่งใฝ่ฝัน ทั้งอาวรณ์อาลัย..ยามไกลกัน- อย่างลึกซึ้งผูกพัน..นะขวัญน้อย ? O กี่ครั้งและกี่คราแววตานั้น- คอยไหวสั่นวาบแล้ว..จากแผ่วค่อย- จนวับวามแววผกาย..ดูคล้ายคอย- เหลือบชม้อยชม้ายความ..ออกตามใจ O ไม่มีความหม่นมัวแห่งตัวตน- จักบันดลกำลังขึ้นตั้งได้ หรือส่วนเสี้ยวโศกสร้อย..สักรอยใด- จะอาจไล้โลมอกให้ฟกช้ำ O เพียง..บางการแทรกแฝงของแรงหวง- อาจโชนช่วงโลมอก..พาวกต่ำ เพียง..บางความโดดเดี่ยวคอยเคี่ยวกรำ- ให้จิตคร่ำครวญหา..ด้วยอาวรณ์ O จึงบ่อยครั้ง..เฝ้าคอยรูปรอยชู้- ราวผึ้งภู่ห้อมเห่รสเกสร มีหวานหอมอาลัยดุจไฟฟอน- คุ..โชนร้อนเร้ารุมคอยสุมทรวง O จะ..หม่นเมฆทึมทาฟากฟ้าบน หรืออำพนแจ่มแจ้ง..ทั้งแหล่งสรวง ก็จะเพียงรูปพิไล..ที่ในดวง- ตาคู่หวงแหนงามสุดห้ามใจ O จึงว่ารุ้งรองเรืองที่เบื้องหน้า- ทาบโค้งฟ้าเบิกบทความสดใส ก็เช่นเมื่อรูปเงาแห่งเยาว์วัย กั้นขวางให้รูปจริต..คอยติดตา O สายหยุด..เจ้าหยุดกลิ่นแต่สิ้นสาย เมื่อแดดฉาย..ลมเห่..ห้วงเวหา ฝากรำพัน..ลมเอย-รำเพยพา- ปรารถนาอาลัย..พร้อมใจนี้- O –อยู่รายล้อมกล่อมเกล้าลบเปล่าเปลี่ยว ทุกเหลือบเหลียวคอยเคียงแต่เพียงพี่ กระซิบฝากปรารถนาผ่านวาที- ให้ลมวีวาดสายรำบายความ O อ้อมกอดแห่งราตรีเมื่อคลี่คลุม- จงโอบอุ้มนวลพรรณ..ให้-หวั่น..หวาม แสงดาวจงกระพริบรับอยู่วับวาม ให้อาวรณ์ลุกลามในท่ามกลาง- O –ความอบอุ่นละมุนละไมห้วงใจนั้น ที่จะสั่นระทึกอยู่..จนตรู่สาง เฝ้ารอคอยแขนหนุน..อกอุ่น-วาง- นิ่มนวลปรางแนบซบ..ผ่านพลบนั้น O เอ็นดู..ความรุมเร้าแห่งเยาว์วัย ดูเถิด..อกทรวงใครหนอ..ไหวสั่น ? เสียงออดอ้อนแว่วอยู่..ฤๅ-รู้กัน- การแทรกขวัญฝากรูป..ให้จูบประคอง ! https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=10-2010&date=11&group=11&gblog=283 (https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=10-2010&date=11&group=11&gblog=283) |