หัวข้อ: O ฟ้าคร่ำ .. ฝนครวญ .. O เริ่มหัวข้อโดย: สดายุ ที่ 10 กุมภาพันธ์ 2019, 10:43:AM (https://www.bloggang.com/data/s/sdayoo/picture/1532086735.jpg) O หยุดยืนเหม่อเคว้งคว้างในทางน้อย สืบร่องรอยก้าวย่างไปข้างหน้า เมฆดำคลุ้มลมกรูเสียงอู้มา แล้วคลื่นฟ้าห่าฝนก็หล่นโปรย O ละเม็ดคว้าง, คว้างหล่นแตกบนพื้น เป็นช่อชื้นเม็ดแก้ว .. ก่อนแผ่วโผย เซาะเส้นทาง-ขุ่นดิน, น้ำรินโรย ลมช้าโชยแสงวันก็พลันลับ O หม่นครึ้มอับหลัว .. ไปทั่วทิศ เพ่งพิศก็คล้ายหวัง-จะพังดับ เห็นแต่วิชชุแลบอยู่แวบวับ และใจหนึ่งโจมจับความอับจน O ไร้สิ้นแสงนำทางให้ย่างก้าว เมื่อเดือนดาวลับลา .. เหลือห่าฝน- ถมเส้นทางย่างยก-ที่วก-วน ให้อดทนสืบก้าว .. อยู่ยาวนาน O กระหน่ำเม็ดลิ่วล่าง .. ในหว่างเม็ด- คล้ายสร้อยเพชรหล่นเส้น .. ก่อนเร้นผ่าน ท่ามปลายทางมืดมน .. อนธกาล รอห้าวหาญใจหมายมุ่งปลายจร O กลางกระแสลมโหม .. ฝนโถมถั่ง ราวจะรั้งหล้าโลกให้โยกถอน ถมหม่นมัวมืดดำทั้งอัมพร อำพรางซ่อนสดใสสู่นัยน์ตา O พบเจอ-ในเส้นทางท่ามกลางฝน พลันเบื้องบนเรื่อแดงด้วยแสงจ้า ราวโคมสรวงช่วงผกายส่องฉายมา กลบร่องรอยเหว่ว้าในตาคน O พบเจอ-คล้ายมืดมนจะป่นดับ คืนระยับชุติมาแทนห่าฝน เส้นทางจรสู่ปลาย, ใจว่าย-วน ถึงคราวค้นพบเห็น .. ว่าเส้นเดียว O แวบเดียววาบระยับแล้วดับล่วง ยังโชติช่วงงามควรทุกส่วนเสี้ยว ยังหรอกฝน-พร่างพรู, ลมกรูเกรียว และมืดเปลี่ยวล้อมกรอบอยู่รอบทิศ O คล้ายเป็นหวังแทนหวังที่พังพาบ เข้าแทรกสาป .. อบอวลทุกส่วนจิต พริบตาชั่วอึดใจที่ได้พิศ ก็ชั่วคิดวาบชัดในบัดดล O เมฆคลุ้มลมคลั่งฝนหลั่ง-สาย ราวสลาย .. สูญลับความอับหม่น จึงชั่วยามแสงจ้า, แทงตาตน ชั่วสับสน .. เงียบเสียง .. ลงเพียงพอ O ให้เติมเต็มมุ่งมั่นความฝันใฝ่ เพื่อสดใสบรรเจิด-ได้เกิดก่อ และเมื่อทางมืดมนมีคนรอ ก็ราวแสงทอดทอ .. ขึ้นรอคน O ลมเคยพัด-ผ่านริ้วบาดผิวเนื้อ ก็อับ-เอื้อม่านแสงส่องแห่งหน ละทอดทอป่นปรับความอับจน ละก้าววนวกอยู่-ก็รู้ปลาย O ครั้นครั่นครืน-ฝนหลั่งแรงถั่งโถม ราวกับโคมกลางสรวงขึ้นช่วงฉาย มืดหม่นที่ห่มครอบอยู่รอบกาย ก็กลับคล้ายแสงช่วงถึงดวงตา O เป็นหวังที่ทอดทอ-ลออระยับ เพื่อสำหรับก้าวย่างไปข้างหน้า สืบก้าวตามมุ่งมั่นที่บัญชา ขวากขวางบรรดา .. ก็ล้าเลือน O แสงเดียววาบสว่างที่กลางฝน ก็อำพนราศี .. ยากมีเหมือน หม่นมัวทั่วทิศ-จำบิดเบือน คลายเคลื่อนสูญสลายที่ปลายจร O ริ้วเส้นฝนลมร่ำ .. ในค่ำผ่าน จึงละลานงามตาเกินกว่าซ่อน คล้ายยินกระซิบเบา - คำเว้าวอน นั้นออดอ้อน-ว่ารัก .. สุดหักใจ https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=06-2013&date=23&group=11&gblog=453 (https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=06-2013&date=23&group=11&gblog=453) หัวข้อ: Re: O ฟ้าคร่ำ .. ฝนครวญ .. O เริ่มหัวข้อโดย: สดายุ ที่ 16 กุมภาพันธ์ 2019, 01:44:PM O คอยเจ้า .. O (https://www.bloggang.com/data/s/sdayoo/picture/1550299219.jpg) O เหมือนว่าความเงียบงันแห่งวันวาน จะคล้อยผ่านล่วงลับจนดับหาย ลมอ่อยเอื่อย, นกร้อง, วันผ่องพราย แต่งความหมายว่อนวาง .. ลงกลางใจ O จึง-อบอุ่นละมุนอยู่จนรู้สึก ว่าส่วนลึก-อาวรณ์ .. นั้น-อ่อนไหว- จากเผยความผ่านสู่ .. ของผู้ใด- โดยพลั้งเผลอเลศนัย .. ออกให้รู้ O ยิ้มรับภาพงดงาม .. อยู่ท่ามกลาง- การเร้นพรางอาวรณ์ .. แอบซ่อนอยู่ วันแล้วและวันเล่า-ที่เฝ้าดู- ความนัยชู้ .. จากชาย .. ผู้หมายเชย O คล้ายว่าแรงสุมซ่อน .. อาวรณ์นั้น- จะไหวสั่นรูปรอย .. ให้ค่อยเผย- ผ่านแววตาอ่อนละมุน .. แสนคุ้นเคย แทนการเอ่ยถ้อยความออกตามใจ O แววตากอปรคำนึงหวานซึ้งอยู่ ก็ทอดทอนัยสู่ .. จนรู้ได้- ว่า-วงรอบเสน่หาความอาลัย ค่อยเวียนรอบวนไหว .. ที่ใจคน O ร้างรูปดาวบนฟ้า .. กล่อมราตรี เพียงเรื่อยรี้ลมล่วง .. โลมห้วงหน เหลือจันทร์แรมลอยเรียว -โดดเดี่ยวบน- ฟ้า, ใจคน .. กลับช่วงกว่าดวงวัน O เหมือนงดงามเรื่อเรื้อง .. ที่เบื้องหน้า หยัดหยั่งบางคุณค่า .. เบื้องหน้านั่น แล้วยอบทบาทสู่ .. ให้รู้กัน ลบเงียบงันวันวานให้ผ่านพ้น O หลัง-ม่านหมอกบังพราง .. พ้นสางตรู่ ความนัยชู้ทั้งปวง .. ก็-ร่วงหล่น หลัง-วันเลื่อนลอยดวง, ในทรวงคน- ความนัยอบอุ่นล้น .. ก็หล่นรอ O พร้อม-สายลมอุ่นอ้อนแสนอ่อนโยน, ดอกมาลย์โอนหอมยิ่งทุกกิ่งช่อ รูปธรรม .. ใจแนบลงแอบ-ออ ก็อยู่ล้ออาลัย .. คอยไขว่คว้า O เตรียบความหมายนัยคำ .. หวังทำให้- บางอกใจวนวิ่งเสียยิ่งกว่า- เมื่ออกอุ่นอ้อมแขนห้อมแหนมา เนตรพรายพร่าสั่นไหว .. ด้วยนัยนั้น O รื่นรมย์อยู่ดีไหม .. หัวใจเจ้า กับยั่วเย้าอารมณ์ให้ซมสั่น รื่นรมย์ทั้งหัวใจ-ของใครกัน ? กับรำพันเร้ารัว .. หยอกยั่วใจ O เถิด-ให้เป็นเช่นนี้ก็ดีแล้ว เก็บทุกแววหวานซ่อน .. อย่าอ่อนไหว อย่าพลั้งเผยแววตา .. ความอาลัย- เผลอออกให้เขาเห็น .. ความ เป็น มี O ให้รับรู้ความนัย .. แต่ในฝัน ด้วยว่านั่น-คือหลักแห่งศักดิ์ศรี- ของอาวรณ์เชิงชู้ .. กุล-ผู้ดี จากใจที่แฝงเร้น .. ขีดเส้นทาง O โอ – ลวดลายชาติภพ .. บนคบสูง จะเหมือนยูงอกแอ่นรำแพนหาง- อยู่กับฝูง .. งดงามอยู่ท่ามกลาง- การลอบเร้นอำพราง .. ได้อย่างไร ? O ยิ้มรับใจวุ่นวาย .. ที่คล้ายว่า- เผลอเผยอาวรณ์นั้น .. ด้วยหวั่นไหว รอการแกว่งสั่นรัว .. บางหัวใจ- จะแว่วให้รับรู้ .. ให้ดูแล O แว่ว .. มาเถิดอกใจผู้ใฝ่ฝัน หากมุ่งมั่นร่วมเคียง .. อย่าเพียงแค่- เก็บซ่อนไว้ปิดกั้น .. ให้ผันแปร- แล้วเฝ้าแต่ซ่อนเร้น .. ความเป็นไป O เพียงเพื่อความเงียบงันแห่งวันวาน จัก-เคลื่อนผ่านหวานหอม .. รายล้อมให้- การเผยรูป, สั่นรัวแห่งหัวใจ- ค่อยสั่นไหวเผยรอบ .. ให้ปลอบโยน ! O กลางสายลมโผแผ่ว .. เหมือน-แว่วดัง- เสียงกดข่ม, เหนี่ยวรั้ง .. ค่อยพัง-โค่น รอบอาวรณ์, แหนหวง .. ใคร-ช่วงโชน- ก่อน-ถ่ายโอนโอบแน่น .. ด้วยแขนเรียว ! https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=01-2015&date=08&group=11&gblog=610 (https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=01-2015&date=08&group=11&gblog=610) หัวข้อ: Re: O ฟ้าคร่ำ .. ฝนครวญ .. O เริ่มหัวข้อโดย: สดายุ ที่ 22 กุมภาพันธ์ 2019, 06:04:PM O จันทร์เจ้า .. O (https://www.bloggang.com/data/s/sdayoo/picture/1550833217.jpg) O และแล้วความเยียบเย็นก็เร้นหาย หลังอุ่นอายทิวากาลได้ผ่าน .. เผย ความมืดหม่นทั้งปวง .. ย่อมล่วงเลย ให้ชิดเชยระยับช่วง .. แห่งดวงวัน O กรุ่นกลิ่นช่อกุสุมาแห่งป่าฝน จึงเหมือนปรนเปรอหอมเข้าล้อมขวัญ ให้เสพรสปรีดิ์เปรม .. แห่งเขมพรรณ จนงามนั้นทอทาบลงฉาบทรวง O ค่อยค่อยเผยภาพพิจิตรให้พิศเพ่ง ค่อยค่อยเปล่งรอบรุจีราศีสรวง โอนงดงามเข้าประดัง .. ใจทั้งดวง ก็สุดใจจะแล้วล่วง .. พ้นห่วงใย O รับรู้ถึงจินตภาพที่ทาบทับ ผ่านแววเนตรงามระยับ .. เจ้าขับไข เอื้อรูปรอยความคิดห้วงจิตใจ คอยบ่มไล้ความสะคราญอยู่นานวัน O แต่เผยรูปเผยรอยมาคอยล้อม ก็ถึงพร้อมแช่มชื่นทั้งตื่นฝัน ปีกผึ้งภู่เร่งรุด .. ล้อมบุษบัน เฉกเช่นนั้นหวานหอม .. รายล้อมใจ O เกสรหอมโกสุมเร้ารุมภู่ เมื่อแรงชู้โหมผ่านเกินต้านไหว หลังมองเห็นต้นเหตุ .. แห่งเลศนัย- หวานล้ำใครพร่างแพร้ว .. ที่แววตา O เริ่มต้นแล้วคาบยาม .. แห่งความละห้อย เมื่อเนตรใครเฝ้าแต่คอยชะม้อยหา โลมลูบใจล้อมขวัญคอยบัญชา ปรารถนาห่วงเห็น .. อยู่เช่นนั้น O แต่นี้ลมคงร่ำ .. เสียงคร่ำครวญ พร้อมทั้งส่วนเสี้ยวใจ .. ที่ไหวหวั่น เสียงนกร้องก้องป่าพนาวัลย์ เช่นใจสั่นก้องอยู่ไม่รู้วาย O คอยเถิด..ความห่วงหา .. ความอาวรณ์ จักแทรกซ้อนรุมรัดเกินปัดหาย เมื่อไมตรีเยื่อใยแห่งใจชาย ถักทอดสายโอบฉุดจนสุดยั้ง O กำแพงใดใครสร้างขึ้นขวางคั่น ที่จะกั้นกีดไว้ .. อย่าได้หวัง ต่อให้สูงใหญ่ล้ำเหลือกำลัง ถูกซอนเซาะซ้ำครั้ง .. ย่อมพังครืน O เมื่อนั้นแหละทั้งปวง .. ความห่วงหา จะโหมฤทธิ์เข้ามาทั้งตาตื่น ประโลมหวานหยาดย้ำ .. เช้าค่ำคืน จนสุดขืนขัดห้าม .. งดงามนั้น O ย่อมรุมเร้าในอกสุดยกย้าย จักรุมว่ายวนใจ .. พาไหวสั่น ย่อมรายล้อมความคำ .. ถ้อยรำพัน- มากล่อมขวัญสุมทรวง .. ด้วยห่วงใย O จักละห้อยคอยเห็น .. ด้วยเป็นห่วง ยามเลยล่วงลับกันก็หวั่นไหว เจ้าเอยกลางราตรีจะมีใคร ร่วมเผยรูปอำไพที่นัยน์ตา O ย่อมมาดหมายร่นฟ้า .. เข้ามาใกล้ โอบร่างไว้แนบทรวงด้วยห่วงหา จะชวนชี้ดาวสวรรค์ .. ชมจันทรา กล่อมคีตาให้สดับอยู่กับใจ O ถึงต่างฟ้าทางไกลจนไพศาล จนต่างกาล .. ดวงจิตกลับชิดใกล้ ถักทอแล้วแน่นเหลือสายเยื่อใย จะทอดให้ก้าวย่าง .. มากลางทรวง O ใจเอยนั่นจันทร์เพ็ญลอยเด่นฟ้า ชมเถิดราศีโสมเมื่อโลมสรวง ย่อมยอแสงแจ่มจ้าสู่หล้าปวง จะเลยล่วงลับใจอย่างไรกัน O ชื่นเอย .. แต่เมื่อโฉมประโลมเล่น ครั้นห่างเห็น .. คร่ำครวญแต่นวลขวัญ เกินอักษรกรองคำจักจำนรรจ์ ร้อยรำพันความนัยออกใกล้เคียง O เจ้าเอยแต่เมื่อเห็น .. เกินเร้นห่วง จะเลือนล่วง .. อาลัยก็ให้เสียง มาทักทายอยู่ล้อ .. จนพอเพียง ก่อนบ่ายเบี่ยงหลบให้ .. ห้วงใจคอย O เบื้องบนนั่น .. จันทร์พร่างอยู่กลางฟ้า ลมวูบฝ่าค่ำแล้วอย่างแผ่วค่อย เมื่อเยียบเย็นเริดร้างจืดจางรอย จากแววเนตรใครชม้อย .. เฝ้าคอยชะม้าย ! https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=04-2015&date=12&group=11&gblog=619 (https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=04-2015&date=12&group=11&gblog=619) |