หัวข้อ: O รูปนามเอย .. O เริ่มหัวข้อโดย: สดายุ ที่ 06 กุมภาพันธ์ 2019, 06:28:PM (https://www.bloggang.com/data/s/sdayoo/picture/1549450982.jpg) O ลมยามเย็นโชยเฉื่อยคล้ายเหนื่อยอ่อน เมื่อความร้อนเพียบพูนค่อยสูญสลาย ความมืดมัวหม่นดำเริ่มกล้ำกราย เมื่อแสงปลายช่วงวัน .. ดับ-อันตรธาน O แว่วสรรพเสียงนกค่ำ .. เริ่มร่ำร้อง เมื่อคีตพร้องพร่ำศัพท์ขึ้นขับขาน ลมอุสุมโลมลูบต้องรูปคราญ เมื่อแก้วผ่านกรุ่นหอมมาล้อมรอ O เหมือนหรีดหริ่งเรไร .. นั้น-ให้เสียง- แทนสำเนียงพร่ำพร้องในห้องหอ พร้อมภาพกาลโน้มแนบ .. ร่าง-แอบออ เผยภาพขึ้นยั่วล้อ .. ให้ทรมาน O จาก .. ไปวัดทำบุญเพื่อหนุนชาติ- หวังป่นปราศ-โศกเศร้าคอยเผาผลาญ ถึง .. คำข้าวคำบวง .. เมื่อช่วงวาน- สุข-เอ่อซ่านอารมณ์ .. เกินข่มลง O จน .. คำพระกล่อมเกล้า .. เมื่อเข้าสาย ผ่านความหมายต่อเติมเข้าเสริมส่ง- เรียงร้อยบทพุทธธรรมให้ธำรง- อย่างมั่นคงแนบชิด .. กลางจิตใจ O ตราบ .. คู้ค้อมศีรษะกราบพระเจ้า หอมกลับเร้ารุม .. รม เกินข่มไหว แว่วศัพท์เสียง, ความ, คำ .. พร้อมกำไล- กรรทบให้ .. เงียบงัน .. สิ้น-อันตรธาน ! O รูปองค์พระสีทองงามผ่องใส เมื่อหัวใจรายล้อมด้วยหอมหวาน ธูป, เทียน, ช่อเสาวคนธ์ที่บนพาน ก็เผยผ่านครบครัน .. ในสัญญา O งดงามแห่งรูปเยาว์ในเช้าวัน- เหมือนรอโอบอุ้มขวัญกลางพรรษา แต่งรื่นรมย์โสมนัส .. ล่มศรัทธา- ด้วยแววตาปลาบปลั่ง .. ทอ-สั่งการ O หลัง..คำสอนความพระ .. เสียงจะแจ้ว คือเสียงรับคำแผ่ว .. ดังแว่วหวาน คล้าย-สะไบงามอะเคื้อ .. ห่มเนื้อคราญ- เผยภาพผ่านทับซ้อน .. แต่ตอนนั้น O สองมือเรียวกอบประนม .. หน้าก้มน้อม ผมหล่นล้อมรูปหน้า .. แววตาหวั่น- จากอุทธัจขัดเขิน .. มอง .. เมิน .. กัน จนอกใจระทึกสั่นแต่วันเพรง O ภาพเยื้องย่างก้าวคอย .. ชม้อยตา- พร้อมวงหน้างามพิสุทธิ์ - ค่อยรุดเร่ง- ขึ้นวอให้ทาสหญิง .. น้อม-กริ่งเกรง คอนขึ้นไหล่คร่ำเคร่ง .. รุดเร่งเดิน- O -นั้น-ยังคงติดตามจนยามนี้ ท่วงท่าที-มองสบ .. แล้วหลบ .. เขิน- หลัง .. แววตาโหมระลอก .. เฝ้าหยอกเอิน แรงสะเทิ้นในทรวงก็ช่วงแวว O มาบัดนี้ .. รูปองค์ที่ตรงหน้า, คำพูดจาอ่อนหวานที่ผ่านแว่ว- ราวเผยรูปงามพิสุทธิ์ .. ยื้อยุดแวว- ตา .. สบความผ่องแผ้ว .. ทุกแววตา O ยังคงเป็นโบสถ์พระ .. วาระนั้น จากแรกวันชาติภพ .. พานพบหน้า ยังคงเป็นท่วงที .. เคยมีมา งาม .. แจ่มจ้าในอกเกินยกพ้น O ตาสบรูป .. มือเรียว-ราวเหนี่ยวหน่วง- เอาความเงียบเหงาปวง .. พาร่วงป่น ตาสบตา .. ในอกก็วก .. วน- สั่นไหวอลเวงอยู่ .. ไม่รู้แล้ว O แล้วงามก็ลุกลามขึ้นท่ามกลาง- ความเวิ้งว้างล้อมห่มด้วยลมแผ่ว ความหวานซึ้งอบอุ่น .. ก็หมุนแวว- ตาผ่องแผ้วสบรู้ .. แรงชู้ชาย . . O ราว .. หัตถ์ทิพจับวางลงขวางหน้า ยั่วแววตาอ่อนโยนให้โชนฉาย- ความอาลัยอาวรณ์เกินผ่อนคลาย เผยรำบายสำหรับให้รับรู้ O เมื่อเผยรูปคอยล้อมไม่ยอมหลบ ทุกตาสบตากัน .. ฤๅ-กั้นอยู่- กับอ่อนหวานเพียบเพ็ญ .. ด้วยเอ็นดู เฝ้าเวียนเผยความสู่ .. ถึงผู้เดียว O เมื่อเผยรูปลักษณ์ล้ำ .. มาค้ำอก ความหยิบยกย่อมต้อง .. ขอ-ข้องเกี่ยว หวัง .. ถึงเนื้อเนียนผิวของนิ้วเรียว- เอื้อมมาเหนี่ยวเด็ดใจ .. เอาไปครอง O ด้วย-งามรูปรอยจริต .. ให้พิศเพ่ง, แววตาเปล่งปลาบพรับให้จับจ้อง, โลกก็เหมือนเลื่อนรับการจับจอง หลังแววผ่องแผ้วหวาน .. วาบผ่านตา O จีวรพระเหลืองลออ .. ปลิวล้อลม เมื่อแววความรื่นรมย์ .. บัง .. บ่มหน้า ทับซ้อนภาพ .. รูปคราญ .. ครั้งนานมา ผู้คอยหาละห้อยเห็นไม่เว้นยาม O สายลมยังโชยเฉื่อยคล้ายเหนื่อยอ่อน เมื่อดวงตาเหลือบค้อน .. ราว-อ้อนถาม- ว่า .. เวียนสบตาอยู่ .. ฤๅรู้ความ- ว่า .. ตาวามวับอยู่ – คือ .. รู้แล้ว ? O เมื่ออาวรณ์ในทรวง .. เริ่มช่วงฉาย ก็เมื่อสายลมเร้า..อย่าง-เบาแผ่ว ความอ่อนหวานในอก .. จึงยกแนว- เผยผ่านแววตาสะทกสะเทิ้นนั้น- O –ให้รับรองหวานหอมที่ล้อมอยู่ ทั้งรับรู้ .. ว่าใจที่ไหวสั่น- จากคำบวงสืบสร้างแต่ปางบรรพ์ ครั้งร่วมขันคำข้าว .. ร่วมกล่าวคำ O รอคอยเถิด .. อกใจผู้ใฝ่หา พากย์พรรณนามอบสู่ .. ให้รู้สัม- ผัส .. อารมณ์หมายปองเพื่อจองจำ- เจ้า .. ให้คร่ำครวญหาด้วยอาลัย O สุดหัวใจ .. ถ้อยคำตอกย้ำอยู่ เพื่อแรงชู้รัดพันโอบขวัญให้- รับรองการฝ่างามเอาตามใจ ด้วยอาลัยอุ่นร้อน .. ที่ย้อนรอย O เมื่อหัวใจใฝ่หา .. รูปราศี เส้นทางที่ดุ่มเดินก็เกินถอย รูปแพงเอย .. ความพิไลที่ใฝ่คอย- คือแสงพร้อยแห่งเพชรเพียงเม็ดเดียว ! https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=09-2015&date=04&group=11&gblog=638&fbclid=IwAR0FujEGihy4CxJ9CRlk5gGVkvNWgLWKqKVa426uJ6617_b_T7ZeZCR4qVM (https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=09-2015&date=04&group=11&gblog=638&fbclid=IwAR0FujEGihy4CxJ9CRlk5gGVkvNWgLWKqKVa426uJ6617_b_T7ZeZCR4qVM) หัวข้อ: Re: O รูปนามเอย .. O เริ่มหัวข้อโดย: สดายุ ที่ 26 กุมภาพันธ์ 2019, 06:47:PM O เพียงเจ้า .. O (https://www.bloggang.com/data/s/sdayoo/picture/1551182191.jpg) O เห็นไหมแสงอ่อนโยนแต่โพ้นภพ ล้อมตระหลบโลมขวัญ .. ทำสั่นไหว เผยผ่านรูป .. ความ, คำ .. เฝ้าร่ำไร ยั่วเย้าให้ใจหนึ่ง .. คำนึง-คอย O มองเห็นไหม .. ใครกัน .. ในฝันเจ้า ช่วยทอนเปล่าเปลี่ยวบท .. จนลดถอย แต้มแววตาผุดผ่อง .. ให้ล่องลอย- ไปกับถ้อยความคำ .. แห่งน้ำใจ O เห็นไหม .. เดือน - พร่างอยู่กลางหมู่ดาว เปิดห้วงหาวน้อมรับ การขับไข เช่นเดียวกับ .. ปรารถนาแห่งอาลัย แนบสุมใส่ .. สำหรับ .. การจับจอง O จึงแม้นอนหลับฝัน .. เถิด-ขวัญเจ้า ถ้อย-รุมเร้าจักโหม .. เข้าโลม-ต้อง ล้อมรัดใจอ่อนเจ้า .. เพื่อเข้าครอง- การพร่ำพร้องละห้อยหา .. ทั้งราตรี O ภาพ-ข่มยิ้มขัดเขิน .. ทำเมินหน้า ก็-แทรกฝ่าแก้มเนื้อ .. เนียน .. เรื่อสี จักเผลอเผยเลศชู้ .. ให้รู้ที- รู้ท่า-ความใยดี .. ผู้มีใจ O จากนั้น .. ลมแห่งโลกจะโบกบ่าย โรยร่ำสายล้อมรับ .. การหลับใหล จังหวะเต้นทุกช่วง จากทรวงใคร- ย่อมสั่นไหวรอถนอม .. อย่างยอมตน O รู้ใช่ไหม .. ความกระซิบจากลิบโพ้น- แสนอ่อนโยนสุมสั่ง .. เพื่อหวังผล- ให้อาวรณ์อาลัย .. คอยไหววน- พาใจนั้นลิ่วหล่น .. อยู่อลเวง ! O รู้ใช่ไหม .. ตากระพริบอยู่ปริบปรอย- นั้น-จากถ้อยเร้ารุม .. เข้ากุมเหง หวานหอมพร้อมมธุรส .. เยี่ยง-บทเพลง- โหมบรรเลงปฏิพัทธ .. ลงรัดรึง ! O แต่เพียงเจ้าเท่านั้น .. เจ้าขวัญน้อย หวังเคลิ้มคล้อยถ้อยความ .. จนลามถึง- ใจ .. ต้องหวานดาลฤทธิ์ .. จนติดตรึง- รสหวานซึ้งแห่งชู้ .. อย่ารู้คลาย O หวังสื่อถึงใจเจ้า .. รูปเยาว์เอ๋ย ผ่านรำเพยลมร่ำ .. พรมพร่ำ .. สาย ว่า-ค่ำดึกคืนเปลี่ยว .. ผู้เดียวดาย- ควร-แต่หนุนอุ่นอายไว้แอบอิง ! O กระซิบความสู่ขวัญ .. เช้ายันค่ำ ว่า-ความ .. คำ จากใจ .. นี้-ใหญ่ยิ่ง อ้อมอกเยี่ยงเสาหลัก .. รอพักพิง- ให้แก้มเนียนเกลือกกลิ้ง .. รอยิ่งแล้ว ! O หวัง-อาวรณ์ย้อนย้ำ, ความคร่ำครวญ- จักอบอวลสร้อยเสียงแต่เพียง .. แผ่ว จันทร์ดาวทอแสงระยับ, ความวับแวว- จากดวงตาผ่องแผ้ว .. อาจแล้วฤๅ ? O งาม .. ยิ่งแสงบนสรวงทุกช่วงชั้น แฝง-รูปฉันทาทิพย์ .. กระพริบ-สื่อ แทรกอารมณ์กอดเกี่ยว .. ให้เรียวมือ- ร่วม .. ยุดยื้อ .. โอบไว้กล่อมให้นอน O งาม .. จะยิ่งวับวาวกว่าดาวดื่น กับเสียงความโอดอื้น .. เกินฝืน-ซ่อน งาม .. จะยิ่งลามล่วงทุกช่วงตอน- ที่ที่ความออดอ้อน .. ยากผ่อนรอ O สิ้นแล้ว .. แสงดาวจันทร์บนชั้นฟ้า หลัง-แววตาปรอยปริบ .. กระพริบ .. ส่อ จน-อบอุ่นเลี้ยวลอด .. ลงทอดทอ การยั่วล้อทรมาน .. ย่อม-ผ่านใจ O เพื่อว่าแสงอ่อนโยนแต่โพ้นภพ จักฝ่าพลบฝ่าฝันถึงกันได้ เชื่อมรูปนามอ่อนละมุน .. แนบอุ่นไอ รู้-อ่อนไหว .. อ่อนหวาน ทุกด้าน - พร้อม ! O สิ้นแล้วปวง - สังคีตประณีตศัพท์- ที่เคยแว่วให้สดับเสียงขับกล่อม เมื่อสร้อยเสียงกระซิบสู่ .. เกินรู้ออม- ค่อย-รายล้อม .. สร้อยศัพท์ให้รับรู้ O ใช่ไหมว่า .. ตากระพริบอยู่ปริบปรอย เหมือน-เฝ้าคอยอาวรณ์ให้ย้อนสู่ และเหมือนว่า .. รูปธรรม, ความดำรู- เผยรูปอยู่สำทับ .. ให้รับรอง O รู้ใช่ไหม .. ความกระซิบจากลิบโพ้น- อย่างอ่อนโยนพาใจ .. เจ้าไหลล่อง- ฝ่าดาษดาวแสงระยับ .. หวัง-จับจอง- ความผุดผ่องพร่างแพร้ว .. ทุกแววตา ! O รู้ใช่ไหม .. ความคำที่พร่ำสู่- เพื่อ-รับรู้ .. เฝ้าคอยละห้อยหา เพื่อ-อ่อนไหว .. ทรมานด้วยมารยา และเพื่อว่า .. ถวิลอยู่ ไม่รู้วัน ! O รู้ใช่ไหม .. กระซิบคำในค่ำดึก เพื่อ-ส่วนลึกห้วงใจ .. เมื่อ-ไหวสั่น จักทอดวางรูปเงา .. เยี่ยงเถาวัลย์- กอดกระหวัดรัดมั่น .. จวบวันตาย ! https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=08-2014&date=13&group=11&gblog=570 (https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=08-2014&date=13&group=11&gblog=570) หัวข้อ: Re: O รูปนามเอย .. O เริ่มหัวข้อโดย: สดายุ ที่ 23 มีนาคม 2019, 01:12:PM O รูปนามแห่งความรัก .. O (https://www.bloggang.com/data/s/sdayoo/picture/1504945238.jpg) O กลั่นเม็ดน้ำวางรูป .. เห็นวูบวับ- ขึ้นตอบรับแสงสรวงที่ช่วงฉาย รูปปีกบางโบกพลิ้ว .. อวดริ้วลาย ล่องตามสายลมอ้อน .. อย่างอ่อนโยน O กลางม่านหมอกขาวขุ่น .. แดดอุ่นเช้า ความเงียบเหงาล้อมกัก เริ่มหักโค่น เมื่ออีกหนึ่งความหมายเริ่มถ่ายโอน- อบอุ่นโชนแรงช่วงเกินหน่วงแล้ว O ปีกลวดลายโบกบินผ่านตฤณชาติ เมื่อลมลาดเลื่อนริ้วยังพลิ้วแผ่ว คล้ายในตาลอบเร้น .. ตอบเต้น, แวว- วามผ่องแผ้ว .. พรับพลิ้วฝากริ้วลม O ดวงวันค่อยลบลาญเลื่อนม่านหมอก เพื่อดวงดอกไม้ชูช่อสู่สม คันธรสรอพร้อม, การจ่อมจม- ลงเชยชมแห่งภู่ ฤๅรู้พอ ? O ปีกพร่างพรายรายล้อมรสหอมหวาน ที่กลีบมาลย์, เรณู-ช้อยชูล่อ ผานิตรูปหยดน้ำ .. ราวร่ำรอ- การจดจ่อรูปเงาแห่งเช้าวัน O ชั่วรังสีดอกแดด .. ทอดแวดล้อม ก็อาบย้อมธรณีด้วยสีสัน ชั่วปีกนกเหยียดกระหยับ, ก็ฉับพลัน- ความเงียบงันในอกก็ยกตัว O ปีกผีเสื้อลวดลายบินบ่ายโบก ผ่านแรงโศกแรงเศร้าเคยเย้ายั่ว มองฟ้าแล้วยิ้มหยัน .. กับสั่นรัว- ครั้งที่หัวใจเยาว์ .. ยังเขลานัก O ปีกผีเสื้อลวดลายยังบ่ายโบก ยั่วเย้ยโลกหวานหอมให้ล้อมกัก ฝ่าพ้นฤๅ .. รูปนามแห่งความรัก- ที่ค่อยถักทองามลงล่ามใจ ? O กลางปีก-ลายหรุบคลี่, เท่าที่เห็น- เพียงแววตาลอบเร้น-ที่เต้น .. ไหว งามโลกที่เบื้องหน้า หรือตาใคร- เผลอวับวามเลศนัย .. ออกให้รู้ ? O แม้นไม่งามพร้อมพรั่งไปทั้งหมด ยังปรากฏแต่งามเกินห้ามอยู่ ภุมรินดื่มด่ำรสดำรู เมื่องามตรูกักล้อม .. ให้จ่อมจม O หรือ-เร้นแฝงลงทรวงให้ห่วงหา เพื่อเคี่ยวเข็ญ .. ทรมาให้สาสม หรือ-ลอบเร้นแฝงรอย .. เพื่อคอยชม- แรงปรารมภ์ถวิลเห็น .. ไม่เว้นยาม ? O หรือ-อำพรางรูปอยู่ด้วยรู้ว่า- แรงห่วงหาล้อมกักเกินหักข้าม หรือ-รู้ทันเลศนัยว่าไหลลาม- เข้าคุกคามอาวรณ์ให้ร้อนรน ? O หมอกขาวที่เคยลอยอย่างอ้อยอิ่ง บัดนี้ทิ้งรอยล่วงจากห้วงหน ขณะแววตาสะทกกลับวกวน- แทรกรูปบนจินตนาไม่ล้าเลือน O ปีกนกคลี่ร่อนคว้างที่กลางหาว แววตาวาววามอยู่ก็ดูเหมือน- คอยแฝงฝากรูปนามเฝ้าตามเตือน- ทุกขยับทุกเขยื้อน .. คอยเลื่อนล้อม O กลาง-แดดสาย, มาลย์สี, ปีกคลี่โบก งามทั้งโลกคล้ายกับเฝ้าขับกล่อม ให้คำนึง ให้ถวิล ให้ยินยอม- ลงแนบน้อมผ่องแผ้วแห่งแววตา O ผีเสื้อปีกลวดลายลับหายแล้ว เมื่อภาพแววตาปรอยชม้อยหา- คล้ายเพรียกแรงผูกพันพร้อมฉันทา พันธนาล้อมล่ามด้วยงามนั้น ! O สายแล้ว .. หยาดน้ำค้างย่อมจางหาย หากความหมายในตา .. ยังพร่าสั่น- โลมลูบอารมณ์ชายจนคล้ายกัน- ที่ความหวั่นไหว .. ห่วง .. ท่วมดวงใจ ! https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=11-2014&date=17&group=11&gblog=602 (https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=11-2014&date=17&group=11&gblog=602) หัวข้อ: Re: O รูปนามเอย .. O เริ่มหัวข้อโดย: สดายุ ที่ 27 มีนาคม 2019, 06:03:PM O เสน่หา .. O (https://www.bloggang.com/data/s/sdayoo/picture/1553684494.jpg) O นั่น .. นกฟ้าบินคว้างร่อนกลางหาว เมื่อเดือนดาวลอยดวงขึ้นช่วงฉาย พร่ำพร้องเสียง .. เล่นแสง .. ไม่แฝงกาย ร่อนโล้สายลมร่ำ .. ให้นำทาง O อาจรู้ฤๅ .. ที่มาแหล่งอาศัย ทั้งรูปไพจิตรล้นแห่งขนหาง หวัง .. สักวันปลายปีกเมื่อฉีกกาง- อาจลิ่วคว้างคว้างร่อน .. เกลือกขอนดิน O แหละเมื่อนั้น .. รมยาแห่งหล้าต่ำ- จักร่วมพร่ำพร้องช่วง .. แสงดวงศศิน- ให้ทอทาบเงาวิหค .. ยามผกบิน เพรียกปีติธรณิน ตราบ .. สิ้นวัน O แต่เริ่มเดือนลอยดวงบนสรวงสูง ก็เพรียกฝูงโบกบิน .. ผ่านถิ่นฝัน อย่างแช่มช้าปีกโฉบ .. เข้าโอบจันทร์ พร้อมโอบขวัญอ่อนละมุน .. ให้อุ่นพร้อม ! O เพื่อ-ตฤปรสน้ำค้าง .. กินต่างข้าว ทั้งเหนี่ยวน้าวกลีบมาลย์ .. รสหวานหอม กอปรรูปรอยงามล้ำให้ด่ำดอม เอาห่มห้อมโอบเอื้อเป็นเนื้อเดียว O จากที่ยืนอยู่นี่ .. ถึงที่นั่น ห่างไกลกันเกินกว่าสายตาเหลียว กลับเหมือนได้เกี่ยวร้อยด้วยก้อยเรียว- พาโน้มเหนี่ยวหวานหอมที่ล้อมลน O ขณะคิด .. ถวิลถึงเพียงหนึ่งช่วง จิตก็ห่วงถึงกันนับพันหน ขณะชั่วลมไหว .. หัวใจคน- ก็ดิ้นรนถวิลเห็นไม่เว้นวาย O ภาพแฝงในน้ำค้าง .. เหมือนร่างเงา- อันรุมเร้าใจอยู่ไม่รู้หาย ละม่อมพักตร์เปล่งปลั่ง .. กระทั่งกาย- ราวจะพลอยรำร่ายกลางสายตา O จากที่เฝ้าคิดถึง .. ใครหนึ่งนั้น- โกสุมพรรณโรยหอมเข้าล้อมหา ปีกนกฟ้าโบกไหวอยู่ไปมา แต่เหมือนว่าใจคนยังวนวก O ริ้วลมร่ำโลมลูบ .. จบจูบมาลย์ ฤๅเท่าความหอมหวาน .. ซึ้ง .. ซ่านอก ความออดอ้อนถ้อยกระซิบก็หยิบยก- เอาล้อมปกป้องเหงา .. อีกเพลาแล้ว O ปีกนกกลางลมเอื่อย .. ที่เฉื่อยโชย ก็พลิ้วรูปโบกโบยอย่างโผยแผ่ว นึก-เนตรคมปลั่งปลาบ .. ไหววาบแวว สบ-ย่อมแผ้วผ่องล่วงทั้งดวงมน O ปีกนกล้อลมร่ำ, ถ้อยรำพัน- ก็ล้อฝันปรารถนาอีกคราหน ปีกเบาบางล่องฝ่า .. ฟากฟ้าบน เมื่อใจหนึ่งดิ้นรนอยู่บนยาม O ปีกบางร่อนเรื่อยไปที่ในฟ้า เมื่อแววตาสื่อทราบ .. รอยวาบหวาม คำนึงผู้อ่อนไหว .. ก็ไหลลาม ล่วงเขตดาววับวาม .. อย่างย่ามใจ O ปีกเบาบางกางโบก .. เย้ยโลกต่ำ เมื่อความคร่ำครวญตอนที่อ่อนไหว- เริ่มเย้ยยั่วโลกธรรม .. อยู่ร่ำไป อย่างร่ำไร .. ออดอ้อนเกินผ่อนลง O มีขอบคุ้งโค้งฟ้า .. ค้ำคาขวาง เป็นอยู่พร้อมช่วงห่างด้วยร่างหงส์ ทั้งห้วงเหวลึกล้ำแห่งจำนง เป็นเขตคงคาอยู่ให้รู้ควร O ปีกบางยังโบกบ่ม .. ยั่วลม-ยอ เมื่ออาวรณ์ยั่วล้อ .. ร่ำรอหวน ปีกนกโบก .. โลกภพก็อบอวล ร่วมคร่ำครวญ .. วาระ .. จังหวะเดียว O ปีกเบาบางกางโบก .. ลับโลกแล้ว เมื่อขลุ่ยแว่วทำนองให้มองเหลียว หมายว่ารูปงามแสน .. ทอดแขนเรียว- ร่วมก้อยเกี่ยวร่วมย่าง .. เส้นทางจร O ขณะคิดถวิลเห็นอยู่เช่นนั้น ก็ผูกพันแน่นอยู่ .. เกินรู้ถอน ขณะลมเฉื่อยโชย .. ขลุ่ยโหย .. วอน รอบอาวรณ์ก็เห่โหมอยู่โครมครืน O ขณะคิด .. ถวิลอยู่, ความรู้สึก- จำหลักลึกเกินกว่าจะกล้าฝืน ขณะนั้นคำอ้อนราวย้อนกลืน- กลบทุกแรงขัดขืน .. ใต้ผืนทรวง O สัมผัสความรื่นรมย์แห่งลมร่าย เมื่อจันทร์ฉายรอบพิมล .. จากบนสรวง หมาย-ใครอ่านถ้อยคำ .. พี่บำบวง- แล้วสุดหน่วงเหนี่ยวใจ .. อาลัยรัก ! https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=sdayoo&month=21-12-2012&group=11&gblog=430 (https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=sdayoo&month=21-12-2012&group=11&gblog=430) หัวข้อ: Re: O รูปนามเอย .. O เริ่มหัวข้อโดย: สดายุ ที่ 02 เมษายน 2019, 03:47:PM O ก่อนอุษาสาง .. O (https://www.bloggang.com/data/s/sdayoo/picture/1552120715.jpg) O ไฟเลื่อนแล่น, เมฆสว่าง ณ กลางคาบ เดือนลบภาพ, ดาวระยับ ก็ลับหาย ลมเหนื่อยอ่อนร่ำโรย .. น้ำโปรยปราย- หยาดเป็นสายฝนเย็น .. ลงเต้นรำ O ร่วงเม็ดลงกรรโชกให้โลกตื่น พาเย็นรื่น-ฝ่าพลบให้อบร่ำ ไฟแล่นสายคำรณกลางฝนพรำ แววลอบเหลือบลึกล้ำ .. ก็ตำตา O เมื่อเม็ดฝนหล่นสาย, ลมบ่ายโบก หวานแห่งโลกก็กระหวัดกลางวรรษา หอมแห่งมวลมาลีย่อมมีมา- ร่วมคุณค่าขับขจ่างขึ้นกลางใจ O พร้อมเม็ดน้ำหล่นคว้างอยู่กลางพลบ คือชาติภพ, นามรูป .. สบ-วูบไหว ตั้งภาวะตื่นรู้ .. ว่าผู้ใด- เพรียกอาลัยฝ่าฝนที่หม่นครึ้ม O แสงสรวงฟาดเฟื้อยรูปอยู่วูบวับ เสียงตอบรับทุกครั้งก็ดังกระหึ่ม เลื่อนเส้นเข้าโบยตีเมฆสีทึม ขับความอึมครึมปวงจนล่วงรอย O เมื่ออ่อนหวานพาดแนวในแววตา ล่มความว้าเหว่-ดับลงยับย่อย ชี้, บงการ, รุมเร้า .. ให้เฝ้าคอย เหลือบชม้อยวาบนั้น .. รัด-พันธนา ! O แสงสรวงยังเฟื้อยเส้นโลดเต้นอยู่ เลศนัยชู้เหลือบชม้อยก็คอยท่า ฝนหยาดเม็ด, ลมพลิ้วเป็นริ้วมา เสน่หาในอกก็ยกตัว O ลมเหนื่อยอ่อนค่อยพลิ้วเป็นริ้วผ่าน แววอ่อนหวานก็เผยออกมาหยอกยั่ว ขณะพืดฟ้าบนยังหม่นมัว การณ์ก็เริ่มจะเป็นตัว .. จะเป็นตน O คำนึงในสัญญา .. ช่างพร่าพราย กลางแววตาลอบชม้าย-กลางสายฝน- พรากเวิ้งฟ้าโอบดินหลั่งริน .. ปรน- เปรอ .. จิตวนเวียนอยู่ .. กับผู้เดียว O วาบวามแสงบนฟ้า, แววตานั้น- วามไหวสั่น, เผยรอยเมื่อคอยเหลียว เยื่อใยอย่างแฝงเร้น-ฟั่นเป็นเกลียว เข้ายึดเหนี่ยวหน่วงใจ .. คอยไขว่คว้า O ลมเหนื่อยอ่อนยังพลิ้วเป็นริ้วแผ่ว ลอบเหลือบแววตาชม้อยเหมือนลอยฝ่า- สายฝน, พืดฟ้ามัว .. หยอกยั่วมา ยอคุณค่าล้อมห่ม .. เมื่อลมวก ! O เย็นเยียบสายลมร่ำแห่งค่ำนี้ ผ่านเรื่อยรี้อ่อนโยนแทนโผนผก พร้อมแววตาไหวหวั่นเหมือนสั่นสะทก บอกว่าในหัวอก .. มีหัวใจ O ในแววตาขัดเขิน, การเมินชม้อย- คือเฝ้าคอยเพรียกสิทธิ์ความพิสมัย การชม้ายเมินหลบ, ครันครบใน- การพร่ำเพรียกอาลัยอย่าให้เลือน O ฝนขาดเม็ด, ลมค่ำยังร่ำผ่าน เมื่อหอมหวานรำบายลงป่ายเปื้อน อิริยา, รูป, จริต-เฝ้าติดเตือน จนสุดเกลื่อนสุดกลบให้ลบแล้ว O ขอบฟ้าเรื่อ, ปีกนกเริ่มโบกบิน จำพรากถิ่นฝ่าลมที่พรมแผ่ว เลศนัยตาคุกคามยังวามแวว เหนือกว่าความผ่องแผ้วทุกแววตา O ไฟแล่นเลื่อน, เมฆสว่าง นั้น-จางหาย เหลือเพียงแววชม้อยชม้ายที่คล้ายว่า- แฝงรอยยิ้มฝากลมให้พรมพา แทนสองมือประคองหน้า .. โน้มหากัน ! https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=08-2015&date=07&group=11&gblog=633 (https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=08-2015&date=07&group=11&gblog=633) หัวข้อ: Re: O รูปนามเอย .. O เริ่มหัวข้อโดย: สดายุ ที่ 11 เมษายน 2019, 08:12:PM O ภิรมย์สมัย .. O (https://www.bloggang.com/data/s/sdayoo/picture/1554987965.jpg) -1- O เกิดแต่เมื่อสั่นไหว .. ของใจหนึ่ง หลังถูกดึงรั้งเหนี่ยวด้วยเสี้ยวหน้า- และปอยผมงามดำ .. วาบ-ตำตา ก็ตอกตรึงปรารถนา .. แต่ครานั้น O บุคคลิกท่วงที .. ก็ที่เห็น คอยโลดเต้นแห่ห้อม .. เข้าล้อมขวัญ อิริยาถ้อยคำก็สำคัญ ค่อยค่อยพันผูกบ่วง .. รัดดวงใจ O อย่างพลั้งเผลอ เวียนพบ .. คอยสบเนตร หวังเพียงเลศเผยมา .. ได้อาศัย- เอาหล่อเลี้ยงเจตนา .. รองอาลัย- อุ่นอกให้เวียนถวิล .. ด้วยยินดี O ในระยะ .. ช่วงทาง .. ที่ขวางคั่น ฤๅอาจกั้นกีดเลส .. จากเนตรที่- ตอบรับหมายฉายทอ .. คล้ายรอรี- แลกไมตรี .. ทุกสบ-เมินหลบนั้น ! O ในระยะ .. ช่วงกาล .. อาหารมื้อ เป็น-อยู่-คือ .. เนตรใคร-วาบไหวสั่น ลอบเร้นสบ ซ้ำซ้ำ .. ผูกสัมพันธ์ ร่วมแบ่งปันผ่องแผ้ว .. ผ่านแววตา O แต่ละส่วนพูดจา .. สมาคม- ราวแฝงลมฝากถ้อยล่องลอยหา เพื่อรับส่งใฝ่ฝันลงสัญญา ผ่านแววตาหวานซึ้ง .. ติดตรึงใจ O เพียงชั่วคาบยามระยะ .. พันธะสร้าง ช่วงความห่างเหมือนแม้นว่าแสนใกล้ แววอ่อนหวานอบอุ่นละมุนละไม ยออาลัยหวานล้ำ .. เร่งกำลัง O สิ้นระยะคาบกาล .. อาหารมื้อ ผ่านพร้อมคืองดงามและความหวัง มีความนัยบรรเลงเป็นเพลงฟัง- ให้แว่วดังในอก .. สุดยกย้าย O สิ้นระยะคาบกาล .. อาหารมื้อ ผ่านพร้อมคือ .. พร่ำพร้องทั้งสองฝ่าย- หนึ่ง .. อาวรณ์อาลัยที่ใจชาย สอง .. เนตรฉายห่วงหา .. ตอบท่าที O ในระยะ .. เนตรสบ .. เฝ้าหลบ .. เขิน ก็เพลิดเพลินท่วงท่า .. รูปราศี งามเจ้าเอยอิริยา .. แห่งนารี จักต่อตีด้วยงาม .. ไม่คร้ามเลย O ในระยะสุดปลาย .. เนตรชายชม้อย แฝงร่องรอยบรรเจิดออกเปิดเผย ระลอกหวานพูนเพียบ .. เกินเปรียบเปรย ก็ผ่านเย้ยยั่วให้หัวใจระเริง O แต่เมื่อสบ-สั่นไหว .. แห่งใจนี้- ก็สุดที่จะปลิดปลง .. ความหลงเหลิง เมื่ออาวรณ์เร้ารุมดั่งขุมเพลิง หวานก็เจิ่งนองแล้ว .. ทั่วแววตา ! -2- O คนสองคน, สองใจ .. ความนัย-หนึ่ง มีซาบซึ้ง, รอคอย, ละห้อยหา- มีแหนหวง, ห่วงใย, เมื่อไกลตา อาจพรรณนา .. ฤๅถึง-สักครึ่งใจ O โสตเอย .. เมื่อสดับ .. ย่อมรับรู้- ที่เต้นอยู่ .. แว่วสั่น .. จากหวั่นไหว- อันเร่งรัวเร้าสิทธิ์ .. สู่จิตใคร กระซิบส่งความนัย .. เพื่อให้รู้ O จึงแม้นหนาวยาวนานสักปานไหน อ้อมอกใครที่ละโมภ .. หมายโอบสู่ กลบหนาวด้วย - อุ่นอายแอบกายตรู หนาว-ฤๅรู้เนื้อละมุน .. อันอุ่นล้น O ลมเอย .. ผ่านระลอกช่วยบอกว่า- ความห่วงหายกระดับ .. เกินปรับ-ป่น กระเพื่อมเช่นแผ่นอุทก .. ไหววก-วน เมื่อลมบนโยนระลอก .. เข้าหยอกเอิน O หยอกเอินต่อสุจริต .. ในจิตหนึ่ง ที่ถูกตรึงด้วยหวานอยู่นานเนิ่น ถ้อยแทนอกอุ่นเอื้อ .. วางเชื้อเชิญ- รอ-ก้ำเกินเร้ารัว .. ทั้งตัวตน O งดงามเอย-หวานเคลือบเมื่อเหลือบชม้าย ผ่องผกายร่ายรำ .. ซ้ำซ้ำหน- ล่มสิ้นแสงทินกรอันร้อนรน เหลืออำพนสองดวงกลางห้วงใจ O เมื่อลับเลยรูปรอย .. ก็คอยหา ปรารถนา .. รับรู้-ว่าอยู่ไหน เมื่อห่างเห็นเร้นกาย .. เหมือนหายไป ห้วงอกใคร .. ราวจะหาย-วอดวายตาม O ถวิลถึงก็แต่ทอดฤทัยถอน หลังอาวรณ์เคลื่อนรุดจนสุดห้าม ครวญคะนึงแววระยับที่วับวาม ที่วาบหวามซึ้งอยู่ .. แต่ผู้เดียว O จึงร่วมสันถวะพร้องครรลองคู่ ร่วมรับรู้ - รับรอง, ร่วมข้องเกี่ยว ร่วมร่ำร้อยอภิรมย์ .. ร่วมกลมเกลียว ร่วมโน้มเหนี่ยวคำนึง .. จดถึงกัน O ถึงแผ่นดินแยกภพ, อรรณพกว้าง- อยู่ท่ามกลางใจสอง .. ผู้ปองฝัน ใช่อาจขวางเงื่อนงำ - ความสัมพันธ์ ที่มุ่งมั่นเหนี่ยวภพ .. บรรจบ-วง O แต่รามราชคะนึงหาสีดาน้อง หลังราพณ์พาลับล่อง-รูปปองหลง เทียบ-เศษเสี้ยวคะนึงหาพี่บ่าลง- ล้อมรอบใจโฉมยง .. ณ ตรงนี้ O ใจเจ้าเอยค่ำดึก .. รำลึกบ้าง อย่าปล่อยทิ้งปล่อยขว้างระหว่างที่ - อีกใจหนึ่งละห้อยหาทุกนาที คือใจนี้-ที่ถวิล, พล่าน, ดิ้นรน O ที่ฝั่งฟ้าแสนใกล้, เถิด .. ใจหนึ่ง - รอซาบซึ้ง-ฝากดาวฝ่าหาวหน เพื่อรุมร้อยรัดรึง-ใจหนึ่งคน ให้อึงอล-คำวอนอย่าผ่อนคลาย O เมื่อหลับตาให้จิตเฝ้าคิดย้อน ด้วยอาวรณ์, ด้วยรัก-เกินหักหาย หลับอยู่ใน-ร่มฤดีแห่งพี่ชาย แอบอุ่นอายก่ายกอด .. ฟังพลอดความ O ให้คะนึงเหลือคณาในอากาศ แทนสวาดิทับทาบ .. ให้วาบหวาม - ตรึงติดทรวงเร้ารุกไปทุกยาม จนรุมลามใจอยู่อย่ารู้เลือน O แม้น .. แสนทุกข์ สุดทุกข์กว่าทุกครั้ง เพราะสุดยั้งคิดถึง-ประหนึ่งเหมือน- ว่า -เดิน, ยืน, นั่ง, นอน, ยังย้อนเตือน จักกลบเกลื่อน .. คะนึงหา - เกินกว่าคิด O จึง .. แม้นทุกข์ แสนทุกข์ กว่าทุกครั้ง ยอม-แม้นยัง .. ทุกข์หน่วงทั้งดวงจิต ขอเพียงใจอีกใจ .. ยอม"ใกล้ชิด" ยอม-แม้นทุกข์ท่วมมิด .. ไม่คิดแล้ว ! https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=09-2013&date=01&group=11&gblog=474 (https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=09-2013&date=01&group=11&gblog=474) หัวข้อ: Re: O รูปนามเอย .. O เริ่มหัวข้อโดย: สดายุ ที่ 15 เมษายน 2019, 05:37:PM O ก่อน .. มาฆะมาส .. O (https://www.bloggang.com/data/s/sdayoo/picture/1391126337.jpg) O เกิดขึ้นแต่เมื่อใดก็ไม่รู้ หรือคงอยู่นับนานแต่กาลไหน รู้แต่ว่าหยอกยั่วกับหัวใจ- จนอ่อนไหวอ่อนหวานมานานครัน O กุหลาบแดงช้อยช่อขึ้นรอแดด เพื่อคอยแวดล้อมใจผู้ใฝ่ฝัน มอบ-รับความอาลัยมีให้กัน กลีบดอกนั้นกรุ่นหอม .. จึงพร้อม-รอ O ความรู้สึกผูกพันแห่งวันวาน ราวส่งผ่านนัยชู้ขึ้นชู-ล่อ เต็มอยู่ด้วยความหมายอันฉายทอ เหมือนมาลย์ช่อเสียดชั้นอย่างบรรจง O ว่อนวางที่กลางทรวง-คือห่วงใย หมุนรอบความอ่อนไหว .. เวียนในสง- สาร, วัฏฏะเปลี่ยนรอบ .. กี่รอบวง ยังจำนงรอบชู้เกินรู้คลาย O รัดรึงใจทั้งดวง-ด้วยบ่วงคล้อง จากมือของรูปเงาที่เฝ้าหมาย ความอาวรณ์, คร่ำครวญเอาม้วนปลาย ผูกเหน็บเป็นเงื่อนตายเกินคลายคลอน O กุหลาบแดงหอมล้ำ..กรุ่นกำจาย เช่นเจ้าสายสวาดิน้อยเฝ้าคอยซ่อน- สอดหอมหวานโลมรุกไปทุกตอน จนสุดถอนทอนค่า .. แม้นนาที O ภาพนั้น-วงแขน, กร-อันอ่อนเรียว ราวคล้องเหนี่ยวเข้าหารูปราศี และคล้ายเสียงหัวใจ .. ค่อยไหว-วี บอกใจที่คอยสดับ .. ให้รับรู้ O แฝงรอบความอาลัยจากใจนั้น ฝากรำพันพากย์เผยรำเพยสู่ หอมดอกมาลย์, ลมร่ำ, ความดำรู ก็พร้อมอยู่รอใจ .. เอื้อม-ไขว่คว้า O แฝงกลิ่นรสหอมหวานอยู่นานเนิ่น จวบจำเริญรูปลักษณ์เกินหักฝ่า กับความหมายบ่งฟ้อง .. ในสองตา ก็เหมือนว่าเกินคิดจะปิดบัง O ผ่านคาบหนาว, เข้าฝนน้ำหล่นร่วง หากแสงดาวสองดวงยังช่วงปลั่ง และเสียงพากย์เบาแผ่ว .. ราวแว่วดัง ให้ยินฟังเสพความ .. เอาตามใจ O กลีบกุหลาบหล่นร่วง .. กลางท่วงที- ของวาดวีลมย้อน, ผู้อ่อนไหว- ก็หล่นดวงจิตคว้าง .. ว่อนวางใน- การโอบไล้รำร่ายแห่งสายตา O พลิ้วพลิก .. พลิกคว้าง - กลีบบางร่วง เกลื่อนรูปไปทุกช่วง - ความห่วงหา คือภาพพจน์งดงามเจ้าล่ามคา แนบรอบอาวรณ์ยื่น – ให้ตื่นรับ O พลิ้วพลิก .. พลิกคว้าง – ใจคว้างร่วง อาลัย-หวงห้อมห่มแทบจมดับ ด้วยรูปนามเฉิดโฉม - ลงโถมทับ โจมเข้าจับอารมณ์ให้สมยอม O มอบ-รับ, ตอบสู่-ด้วยรู้ว่า- บางคุณค่าร่ำรอร่วมหล่อหลอม- กอปรความหวานหอมล้ำให้ด่ำดอม คอยรอบล้อมรูปเงาอยู่เช้าเย็น O ตอบรับความสู่ .. จึงรู้ว่า- แรงห่วงหารอคอยละห้อยเห็น- ของบางใจเหงาเงียบ .. นั้นเพียบเพ็ญ คอยบีบเค้นรุมเร้า .. แต่เฝ้าคอย O หวัง-งามค่อยลุกลามในความเงียบ ทอดคำนึงเลาะเลียบความเงียบหงอย แม้นไร้คำเอื้อนเอ่ย-กลับเผยรอย- ความละห้อยห่วงหา .. แสนอาลัย O หมาย-งามจะลุกลามเกินห้ามหัก จนเป็นรักสุมซ้อนความอ่อนไหว เมื่อเผยตอนงดงามของความนัย จึงเตรียบใจรับคำ .. พร้องรำพัน O เหมือน-งามจะเผยงามอยู่ท่ามกลาง- รูปพยางค์-พากย์นัย .. แรงใฝ่ฝัน รูปนามเอย .. พิสวาดิ ฤๅ-อาจกัน เมื่องามนั้นหล่นร่วง .. แนบดวงใจ ! https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=01-2014&date=31&group=11&gblog=512&fbclid=IwAR082u8M_2ZoTMthgmLt1XhjORp1O3qe3NcQVtkhP9z5w6a7IXIfMiX4rus (https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=01-2014&date=31&group=11&gblog=512&fbclid=IwAR082u8M_2ZoTMthgmLt1XhjORp1O3qe3NcQVtkhP9z5w6a7IXIfMiX4rus) หัวข้อ: Re: O รูปนามเอย .. O เริ่มหัวข้อโดย: สดายุ ที่ 19 เมษายน 2019, 06:37:AM O คำมั่น .. คำสัญญา O (https://www.bloggang.com/data/s/sdayoo/picture/1555630065.jpg) O หวั่นเช่น .. น้ำค้างใสเกาะใบพฤกษ์ ครั้นยามดึกหยดรินให้ถิ่นรื่น จวบรุ่งสางสิ้นพลบแสงกลบกลืน ก็สุดฝืนแววระยับ .. เคยรับรู้ O น้ำใจหลั่งปรนปรุง .. เช่นรุ่งสาง- เกลื่อนเกล็ดแก้วน้ำค้าง .. พรายพร่างอยู่ ต้องแสงเช้าเหือดสิ้น .. หยาดสินธู ถวิลสู่ .. ย่อมต้องต่าง .. น้ำค้างนั้น O ใช่เพียงแค่คืนค่ำ .. ที่ฉ่ำชื่น- หากที่ยื่นหยิบให้คือ .. ไหวหวั่น ประโลมทรวงอบร่ำ .. ด้วยรำพัน ก่อนห่างเห็น .. เพียงวัน .. ยังหวั่นคอย O หยาดน้ำค้างต้องแสง .. อาจแห้งหาย ที่มุ่งหมายอาลัย .. ก็ใช่ย่อย ย่อมเต็มเปี่ยมหมายปอง .. ทุกร่องรอย แม้นเพียงน้อย .. ร้างหวัง .. รึยังมี ..? O น้ำใจ .. ใช่น้ำค้างเมื่อสางตรู่ แสงตะวันทอดสู่ .. ไม่รู้หนี เมื่อแปรเป็นเยื่อใยและไมตรี ย่อมสุดที่สุดทาง .. จักร้างลา O ย่อมมิใช่ดวงพิลาสของหยาดแก้ว เหือดแห้งแล้วจากแหล่งเมื่อแสงจ้า ย่อมจะไม่รวนเรด้วยเวลา ย่อม .. ต้องตราตรึงอยู่ .. ไม่รู้เลือน O ควรต้องหยด .. พร่างพร้อยเป็นพลอยประดับ ลงสำทับใจอยู่ไม่รู้เคลื่อน เฉกน้ำค้างวับวาว .. ใต้ดาวเดือน เอื้อไพรเถื่อนฉ่ำชื่น .. ทั้งคืนวัน O ร้อนพันแสงจากสรวงแม้นล่วงสู่ หมายหยัดสู้รังสีไม่มีหวั่น หวังหยาดให้รองรับ .. ชั่วกัปกัลป์ ประโลมขวัญ .. รื่นอยู่อย่ารู้แล้ง O หวัง - สังคีตพรรณนา .. แว่วคราค่ำ แทนความ, คำห่วงละห้อย .. เรียงร้อยแต่ง ความอาวรณ์อาลัย .. ล้อมใจแพง ว่า-นัยแฝงรำพัน .. คือ – สัญญา ! https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=10-2013&date=28&group=11&gblog=490 (https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=10-2013&date=28&group=11&gblog=490) |