หัวข้อ: O อุปาทานรูป .. O เริ่มหัวข้อโดย: สดายุ ที่ 12 กันยายน 2018, 06:38:AM (https://www.bloggang.com/data/s/sdayoo/picture/1459931683.jpg) ๑๔ O ชลพินธุรินภวะละหลั่ง นภะฝั่งก็พร่างไฟ- ด้วยดาริกาสมะสมัย รุจิไล้ประโลมหลัว O เย็นรื่นเพราะคลื่นวตะระลอก ขณะหมอกก็หม่นมัว เผยร่าง .. ระหว่างพรรณะระรัว- พะ-เหยาะยั่ว .. กะเยียบเย็น O คู่ดาวอะคร้าวรหัสะนัย ก็ประไพประภาพเพ็ญ ยามชายชม้ายพิศะ บ เร้น- นยะเต้นขจ่างตา ๘ O เกิดแต่เมื่อเดือนฉายที่ปลายช่วง- ดาวเลื่อนดวงหันเห .. ลับเวหา แทนที่ด้วยคำมั่นคำสัญญา- ขึ้นค้ำฟ้าแทนช่วง .. ของดวงไฟ O เกิดแต่เมื่อชาติภพบรรจบรูป เมื่อเปลวเทียนควันธูป .. ลอยวูบไหว ภาพแววตาสั่นรัว .. คล้ายหัวใจ- ต้องเลศนัยแรงชู้เข้าจู่โจม O เสียงธรรมพระ .. จะแจ้งสำแดงสอน เพื่อดับร้อนข่มทุกข์ที่ลุกโหม ในอกผู้สั่นระทึกเสียงครึกโครม ฤๅอาจโซรมให้ซบ .. เพียงสบธรรม ? O คำพระว่า .. ตามองสบต้องรูป ใจอาจวูบวาบเผลอ .. ถึงเพ้อพร่ำ ด้วยรูปการหวานหอม .. ช่วยน้อมนำ- พาเหยียบย่ำเวทนา .. สู่อาวรณ์ O คำพระว่า .. อารมณ์หากข่มไหว จงข่มไว้ด้วยธรรมท่านพร่ำสอน ตาสบรูป .. ภพชาตินั้นอาจทอน- ให้ขาดตอนขาดช่วง .. จนล่วงรอย O เสียงพระเทศน์ยังแว่วไม่แล้วล่วง เพื่อคอยหน่วงเหนี่ยวโลกพ้นโศกสร้อย หากแววตาใครหนอเหมือนรอคอย- เหลือบ .. ชม้อยชม้ายสู่ .. ให้รู้ความ O เปลวเทียนและควันธูปยังวูบไหว เมื่ออกใจเสพทราบ .. รสวาบหวาม รูปพักตร์เอย .. โลมรุกเข้าคุกคาม- จักข่มข้ามบ่ายเบี่ยงเอาเยี่ยงไร ? O จนสิ้นเสียงพระเทศน์, แววเนตรนั้น- จากลอบเหลือบสบกัน .. ค่อยสั่นไหว คล้ายเลือดซับแก้มก่ำ .. อยู่รำไร เมื่ออาลัยอาวรณ์ สุดผ่อนลง O เมื่อนันทิ .. ผลิเล่ห์ในเวทนา จนอุปาทานขับ .. ขึ้นรับส่ง สร้าง-ภพชาติเป็นกรรมขึ้นดำรง แรงจำนงก็เผยแล้วผ่านแววตา O อธิษฐาน .. เยี่ยงไรหนอใจนั่น ให้-ผูกพันเฝ้าคอยละห้อยหา ? หรือ-ชาติใดพานพบเพียงสบตา- ให้รองรับเสน่หาทุกคราครั้ง ? O ครั้งนั้น .. คงตั้งจิตอธิษฐาน- จึงสืบผ่านถ้อยคำด้วยน้ำหลั่ง- ลงให้พื้นปฐพินทร์ได้ยิน .. ฟัง- จนรับรู้กำลัง .. ความตั้งใจ O จึงวันนี้ .. รูปน้อยเหมือนคอยอยู่ คอย-รับรู้ .. รับรองความผ่องใส ปรากฎขึ้นเทียบค่าความอาลัย- กับรูปในความฝันจากวันเพรง O เรียวรูปนิ้วจับของประคองถวาย ก็คลับคล้ายรูปนิมิตเคยพิศเพ่ง จันทร์เคยทอแสงปลั่งกลางวังเวง ก็ยังเปล่งปลั่งงาม .. จนยามนี้ O จันทร์ที่ลอยกลางสรวง .. ยังดวงเดิม รูปต่ายเติมแต้มลงยังคงที่ เช่นรูปในแววตา .. กอปรท่าที- แห่งใยดีอาวรณ์ .. ออดอ้อนนั้น O ยังอ่อนโยนอ่อนหวาน .. จนปานว่า- แววในตาลอบชม้ายยังส่ายสั่น สั่งชี้จิตวิญญาณจากวานวัน ก่อนครั้งสัญญาชาติจักขาดวง O เปลวเทียนและควันธูปยังวูบไหว เมื่ออาลัยพิสวาดิด้วยชาติหงส์ เริ่มเร้ารุกคุกคาม-ตั้งจำนง- ต่อรูปองค์เบื้องหน้าอย่าท้าทาย O เหมือนแว่วธรรมพุทธา, เมื่อตาจ้อง เรียวรูปนิ้วจับของประคองถวาย แต่บัดนั้นอุปาทานก็พานกาย เมื่อดวงเนตรนั้นชม้ายเหลือบชายมา O สิ้นเสียงธรรม, นันทิ-กลับผลิช่วง- ขึ้นในดวงจิตคอยละห้อยหา เติมแต้มรูปอภินันท์ ลงสัญญา ชี้, บัญชาให้สำทับชั่วกัปกาล O เสียงพระเทศน์พ้นผ่านไปนานแล้ว ลมยังแผ่วยังพลิ้วเป็นริ้วผ่าน เมื่อ .. ดวงตาพรับพริ้ม เผยยิ้ม .. ปาน- ช่วยเหยียบโลกทรมาน .. ให้ .. ลาญลบ ! O เสียงไก่ขันแว่วฝ่าอุษาสมัย บอกจันทร์ให้งำรอยแล้วถอยหลบ เพื่อเปิดฟ้าแรกวันให้ครันครบ- การบรรจบรูปธรรมแสนอำพน O ลมหนาวพลิ้วผ่านอยู่แต่ตรู่สาง หมอกก็คลี่ม่านพรางทั่วทางถนน หนาวเนื้อตัว, หนาวในหัวใจคน- นั้น-หนาวจนถวิลอุ่น .. ไว้หนุนทรวง O เม็ดน้ำค้างวางหยาด .. เรียงหยาดรับ- การทอดทับแต้มแต่งด้วยแสงสรวง จึงเห็นรูปเพชรพลอย .. นั้นลอยดวง- พร้อมรูปหวงพร่างแพร้วในแววตา O แววระยับวามช่วง .. ในดวงเนตร ค่อยเผยเลศนัยเผดียง บอกเดียงสา ทั้งพฤติ, รูปนาม .. ย่อมล่ามอา- รมณ์ .. ผู้อุปาทานขับ แนบกับใจ O มุขมณีน้ำระยับ .. ย่อมจับจิต- ผู้เพ่งพิศ-อภิรมย์, ฤาข่มไหว เห็นแต่เพียรจับจ้องหมายมองไป เสพรูปนามเพ็ญพิไล .. หวัง-ไขว่คว้า O เห็นงามก็ว่างามไปตามเห็น กับแฝงเร้นกรณีทุกทีท่า ดั่งดวงแก้วเหลื่อมประกายต่อสายตา เพื่อร่ำรอเสน่หาจากตาชาย O เห็นงามคุกคามฝ่า .. แววตาสบ ย่อมบรรจบลุกลามเป็นความหมาย ถวิลแต่คุณค่าอันพร่าพราย ที่โชนฉายแววมณีเป็นสีเดียว O ทุกพื้นเหลี่ยมมุมรัตน์ .. จำรัสแสง เหลื่อมสำแดงรูปรอยให้พลอยเหลียว ผ่านแววตาแฝงเร้น .. ราวเส้นเกลียว- เคลื่อนเส้นเข้ารัดเหนี่ยว .. พันเกี่ยวใจ O แล้วม้วนเส้นม้วนปลายเก็บปลายเงื่อน จนสุดเคลื่อนสุดคลาย .. ต้น-ปลาย .. ไหว เพื่อเสพรับอุ่นอายจากภายใน- อุ่นอาลัยให้ระรุม .. คอยสุมลน O แต่บรรจบก็ลุกลามเป็นความหมาย แววตาคล้ายจำนรรจ์นับพันหน กระนั้นแล้ว .. หวั่นไหว .. และใจคน จักหลุดพ้นพรากได้เยี่ยงไรกัน O เห็นมณีน้ำระยับงามจับจิต ย่อมต้องคิดหมายปอง ตระกองขวัญ เพื่อยึดโยงปักปลูกความผูกพัน ไปชั่วกัปชั่วกัลป์พุทธันดร O คะเนนึกคะนึงอยู่แต่ตรู่สาง ที่แววอางขนางเห็นเกินเร้นซ่อน ที่แสงในแววตาผู้อาทร สบ-เว้าวอน .. เพรียกถวิลเพรียกจินตนา O คะเนนึกคะนึงอยู่ไม่รู้สิ้น เปลี่ยวเหงาย่อมพังภินท์จนสิ้นท่า เมื่อแสงวามผ่องแผ้วในแววตา เผยต่อหน้าพาโลกพ้นโศกซม O แววมณีงามเพ็ญ .. เมื่อเต้นตอบ- โลกโดยรอบเคยระยับก็ลับ .. ล่ม เหลือเพียงงามเบื้องหน้าให้ปรารมภ์ รอขับข่มทุกมณี ในที่นั้น O เม็ดน้ำค้างทุกหยาด .. บำราศแล้ว เหลือเพียงแก้วมณีพราย .. ยังส่ายสั่น ครองภาวะโชนช่วง .. เมื่อดวงวัน- ราวจักบรรลัยล่วง ด้วยดวงตา ! https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=04-2016&date=09&group=11&gblog=650 (https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=04-2016&date=09&group=11&gblog=650) หัวข้อ: Re: O อุปาทานรูป .. O เริ่มหัวข้อโดย: สดายุ ที่ 17 กันยายน 2018, 06:50:AM O ปลายฝน .. ต้นหนาว .. O (https://www.bloggang.com/data/s/sdayoo/picture/1442411295.jpg) O เจ้าโบกปีกเบาบางที่กลางฟ้า เอาเวหาห้อมตัวเร้ารัวเสียง ปีกโล้ลมคลี่สยายอยู่รายเรียง ก่อนบ่ายเบี่ยงลิ่วคว้างเส้นทางจร O จะผ่านฝนสู่หนาวอีกคราวแล้ว เมื่อดอกแก้วกรุ่นล้อมกลิ่นหอมอ่อน กางเขนดงโผกระหยับลงจับคอน เมื่ออาวรณ์วูบวับลงจับใจ O ถวิลดวงดอกฟ้าโน้มมาสู่ พร้อมแรงชู้สุมซ้อนด้วยอ่อนไหว จังหวะปีกโบกฟ้า .. เช่นอาลัย- เมื่อโบกโบยความนัยออกไหววน O ท่วงทำนองพร้องพร่ำ .. นกร่ำเสียง หวังร้อยเรียงความปวง .. ผ่านห้วงหน- บรรจงมอบความนัยแห่งใจคน หวังปรุงปรนหอมละมุนให้คุ้นเคย O ปลายพรรษา .. ลมล่องเมฆฟ่องฟ้า รอดวงตาอ่อนน้อย .. เจ้าคล้อยเผย- แววอาวรณ์นิรมิต .. ให้ชิดเชย ร่วมยั่วเย้ยปฏิพัทธ์ให้หยัดรอย O ลมเอย..ฝากพรมผ่าน..เอาหวานหอม- เข้าเห่กล่อมฤดีเดียว .. ที่เปลี่ยวหงอย อาจเอื้อมพจน์บรรสาร-เนิ่นนานคอย แทนอ้อมอกอันละห้อย .. โอบร้อยนวล O กล่อมเอย .. กล่อมงาม .. ฝ่าสามโลก เพื่อโบยโบกปฏิพัทธ์รำบัดหวน หัวอกเอย .. ต้องเสน่ห์จนเรรวน- คำนึงล้วนรูปถนอม ..ในอ้อมทรวง O ปีกนกคงคลี่กาง .. ที่กลางฟ้า ละม่อมหน้ารูปแพง .. รอบแรงหวง- คล้ายคลี่กางโอบอุ้มใจพุ่มพวง พร้อมเงื่อนบ่วงอาวรณ์ .. สุมซ้อนลง O ต้องแรงลมปลายปีก .. ฤๅหลีกหลบ เช่นบรรจบต้องงาม .. ย่อมลามหลง ร้อยรัดคลื่นรมยา .. รูปอ่าองค์ ที่บรรจงจบบทด้วยรสสุมาลย์ O ต้องแรงลมปีกโผ .. ขึ้นโล้ล่อง เหมือนเมื่อต้องรูปละม่อม .. อันหอมหวาน ใดเล่าจักเห่รับอยู่นับนาน มิใช่ห้วงดวงมานดอกหรือไร O ปีกนกยังโบกบิน .. ผ่านถิ่นแนว เนตรโชนแววเล่าบิน .. ถึงถิ่นไหน ? รูปหนึ่งกอปรเลือดเนื้อ .. พร้อมเยื่อใย- แสนอ่อนไหวยังคง ..จำนงรอ O จะผ่านฝน .. สู่หนาวอีกคราวแล้ว หวังจิตแผ้วผ่องดวง, บำบวงขอ- มนต์ทิพให้รุมเร้าพะเน้าพะนอ เฝ้าลามล้อแรงชู้ .. ให้รู้ชม O เมื่อสิ้นฝน .. ต้นหนาวจักหนาวยิ่ง หวังแอบอิงออดซุกให้สุขสม ก็แต่ร่วมเสน่หาเฝ้าปรารมภ์ ให้อกห่มห้อมกาย .. แต่ถ่ายเดียว ! O เมื่อสิ้นฝนเข้าหนาว .. คาบหนาวนี้ ควรหรือที่ต้องชะแง้ .. เฝ้าแต่เหลียว- หาแววตาสบสื่อ .. พร้อมมือเรียว- เอื้อมมาเกี่ยวก้อยกลางเส้นทางเดิน O กล่อมเอย .. กล่อมงาม .. ฝ่าสามภพ จวบครันครบปฏิพัทธ์, เพื่อ-ขัดเขิน- ในห้วงอกโหมระลอกคอยหยอกเอิน- ให้สะเทิ้นสะท้านอยู่ .. ไม่รู้แล้ว ! O กล่อมเอย .. กล่อมโลก .. ให้ยกผ่าน- ความออดอ้อนอ่อนหวาน .. อันซ่าน .. แผ่ว เพื่อดวงตาพริ้มพรับ .. เมื่อวับแวว แขนเรียวจักไม่แคล้ว .. โอบแล้ว .. รอ ! . . เพื่อดวงตาอ่อนโยน .. เมื่อโชนแวว แขนเรียวโอบรั้งแล้ว .. สุดแล้วลา ! https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=09-2014&date=08&group=11&gblog=579 (https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=09-2014&date=08&group=11&gblog=579) หัวข้อ: Re: O อุปาทานรูป .. O เริ่มหัวข้อโดย: สดายุ ที่ 09 ธันวาคม 2018, 07:08:AM O เมื่ออุษาสาง .. O (https://www.bloggang.com/data/s/sdayoo/picture/1307855688.jpg) O เพียงลมเช้าเฉื่อยโชย .. อย่างโผยแผ่ว พายวาดแล้ว-อ่อยเอื่อย, เรือเรื่อยไหล คลื่นน้ำพลิ้วโยนระลอก .. แผ่ออกไป พร้อมริ้ววงน้ำไหว .. คือใจรอ O บรรจงหยิบจับของประคองถวาย นอบน้อมกายมอบสู่ท่านผู้ขอ หมายนัยธรรมผ่านเสียง .. จะเพียงพอ- ช่วยเติมต่อภูมิธรรมลงย้ำใจ O ภาพ-พระที่ท่าน้ำ, เรือลำน้อย- กับงามหนึ่งรูปรอย .. ที่ค่อยไหว- ค้อมคอลงรับคำ .. พากย์ธรรมนัย พาเงื่อนเหตุอาลัย .. พลอยไหววน O แสงเช้านั้นรองเรืองที่เบื้องหน้า เมื่อสบตาปลาบปลั่ง .. อีกครั้งหน ช่อดอกไม้, ขันข้าว, เนตรวาวจน- สะท้อนพื้นสายชล-วาบ-วนเวียน O จวบแว่วเสียงสาธุ .. บรรลุโสต เช่นกาลโชติช่วงแสงเข้าแปลงเปลี่ยน คือใจตรองธรรมพากย์ .. พลอยพากเพียร- เอาปัญญาตัดเตียน .. บ่งเสี้ยนแซม O ชื่นเช้ากับนัยธรรม .. จากคำพระ เมื่อสุดผละแววตา .. จากหน้า-แก้ม พาอ่อนหวานรำบายลงก่ายแกม ก่อนป่ายแต้มพักตร์พิไลติดนัยน์ตา O จึงเช้าชื่น .. ด้วยหมอก, ปวงดอกไม้- น้อมแนบไว้ด้วยละห้อยเฝ้าคอยหา ช่วงเช้านี้ลมเห่ .. กาลเวลา เกสรา-ภุมรินก็บินล้อม O ไหว้พระ .. อธิษฐานเพื่อกาลหน้า สืบคุณค่าตั้งรอ .. ร่วมหล่อหลอม รูปหน้าหรือนัยธรรม .. หนอ-ด่ำดอม จนดูเหมือนจำยอม .. อย่างพร้อมใจ O กราบพระ .. บำบวงผ่านห้วงสินธุ์ หวังบรรลือแรงถวิล .. จนสิ้นได้ จังหวะพายจ้ำจ้วง .. หวัง-ทรวงใคร- จักหวามไหวตามระยะจังหวะแรง O กราบพระ .. บำบวงผ่านท่วงที แววตาที่อ่อนโยนเริ่มโชนแสง พร้อมความหวานหอมล้ำ .. ที่สำแดง ลงเติมแต่งโลกธรรม .. ล้อมรำบาย O ภาพ-กุศลสืบสาน, ดอกมาลย์หอม ก็งามพร้อมแสงสรวงขึ้นช่วงฉาย ความอ่อนหวานอ่อนไหว .. หัวใจชาย- ก็กำจายฝากคลื่น .. แนบผืนน้ำ O ร่ำรอภาพ-บุญกุศลให้วนกลับ เพื่อสำหรับปลาบปลื้ม .. แสนดื่มด่ำ- จักวนรอบเวียนรับ .. ลำดับกรรม เอาหยั่งย้ำอาวรณ์ .. แนบนอนทรวง O ภาพสาวน้อย .. ละม่อมหน้า .. ที่ท่าน้ำ ค่อยตอกย้ำอกใจพลอยไห้หวง กราบพระดูแช่มช้อย, คำถ้อย-ปวง- หวังผ่านล่วงถึงใคร .. หนอใจนั้น .. ? O น้ำกระทบกราบเรือ, แสงเรื่อส่อง- ก็เหลื่อมต้องผ่านแต้มสองแก้มนั่น ตากระทบรูปเยาว์, เมื่อเช้าวัน- ก็เฝ้าฝันใฝ่อยู่ .. ไม่รู้แล้ว O คล้ายเสียงธรรมล้อมโลก .. เข้าโบกโบย เมื่อลมเช้าเฉื่อยโชย .. ยังโผยแผ่ว ใจคนฤๅต้องสาป .. เมื่อภาพแวว- ตาผ่องแผ้วผ่านนัย .. รอไขว่คว้า O ก่อนเสียงธรรมจางหายกับสายลม เมื่อปรารมภ์มุ่งมั่นขอฟันฝ่า หมายเอื้อมเหนี่ยวพวงพะยอมให้น้อมมา ร่วมรับรองคุณค่า .. แรงอาลัย O ลมเช้ายังเฉื่อยโชยอย่างโผยแผ่ว เมื่อดวงแก้วบนฟ้าทาบทา .. สมัย ปลายปีกนกผกบินสู่ถิ่นไกล เมื่อหัวใจถวิลเห็นไม่เว้นวาง O ภาพพระที่ท่าน้ำ, เรือลำน้อย- เหมือนดั่งคอยเฝ้าอุบัติขึ้นขัดขวาง พร้อมรูปมือเรียวงามอยู่ท่ามกลาง- ม่านหมอกพรางขุ่นขาวแห่งเช้าวัน O ผมหล่นล้อมวงหน้า .. เมื่อหน้าก้ม มือประนมคอค้อมอยู่พร้อมนั่น ด้วยรูปและโดยใจของใครกัน- แต่งเป็นสัญญาร่าง .. ขึ้นขวางไว้ O ภาพ-จีวร, ลำเรือ, แดดเรื่อส่อง, พักตร์ผุดผ่องรูปขวัญ, เช้าวันใหม่- ก็เคลื่อนบทบาทล้อมเข้าย้อมใจ กลางลมไหววาดวี .. ในที่นั้น O ภาพ-จีวร, ลำเรือ, ผิวเนื้อเนียน, เนตรวกเวียนเหลือบชะม้าย, น้ำส่ายสั่น- ก็เคลื่อนผ่านวูบไหวดั่งไฟควัน- แทรกส่วนสัญญารูป .. โลมลูบใจ O จนเสียงธรรมจางหายกับสายลม เหลือเพียง-เนตร, เส้นผม .. เกินข่มไหว- เข้ารายล้อมดวงตา .. เกินฝ่าไป- พ้นผ่านรูปเพ็ญพิไล .. ของใครแล้ว ! https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=11-2015&date=04&group=11&gblog=643 (https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=11-2015&date=04&group=11&gblog=643) |