หัวข้อ: O หนาวแรก .. O เริ่มหัวข้อโดย: สดายุ ที่ 10 กันยายน 2018, 08:46:AM (https://www.bloggang.com/data/s/sdayoo/picture/1511661082.jpg) O หนาวลมร่ำโลมริ้วผ่านผิวเนื้อ เหมือนร่วมเชื้อเชิญอรุณให้หมุนหา สูรย์ลอยช่วงโอภาสขึ้นสาดทา พร้อมดวงตาพรับพริ้ม, เหมือนยิ้ม .. รอ O นับคาบความคำนึง .. ส่งถึงอยู่ ก็ถึงรู้ .. บริบท-ความจดจ่อ และถึงรู้ .. รุมเร้าพะเน้าพะนอ- ของรูปผู้เพ็ญลออเฝ้ารอเคียง O พร้อมลมหนาวแผ่ผ่าน .. อยู่นานนับ ละห้อยหาค่อยผ่านศัพท์ขึ้นขับเสียง ในเจตจินต์ถวิลเห็นเหมือนเต้นเรียง- รายรอบมาเกินเลี่ยงหรือเบี่ยงพ้น O กระซิบคำคำนั้นเสียงสั่นแว่ว ยังเจื้อยแจ้วในจิตเกินปลิดป่น แววในตาหวานซึ้งยังอึงอล- กับความนัยหวามล้นที่ล้นใจ O กระซิบคำคำนั้นยังสั่นอยู่ เหมือนสั่นให้รับรู้ .. ว่ารู้ไหม- ที่ทำให้สั่นอยู่คือผู้ใด ? และต้องคอยสั่นไว้ .. อย่าได้ลืม O รู้หรือไม่ความคำที่ย้ำสู่ เพื่อรับรู้รับทราบแรงปลาบปลื้ม แววสะท้อนวามระยิบขอหยิบยืม- แกล้มฝันดื่มด่ำหาทั้งราตรี O หอมอาวรณ์เยี่ยงกุสุมเร้ารุมกลิ่น ยามร่ำโรยรสประทิ่นล้อมถิ่นที่ หวานเกสรภุมรินย่อมบินลี- ลาศ .. หาทั้งกลิ่นสีในที่นั้น O จักต่างฤาหอมเจ้ารูปเยาว์เอ๋ย แต่รูปเผยสบนัยน์ .. ที่ไหวสั่น- ใช่ภมรเร่งรุดดอมบุษบัน แต่เป็นขวัญแห่งชายผู้หมายชม O กระนั้นแล้วลมหนาวแห่งเช้านี้ พึงวาดวีหวานหอมเข้าล้อมห่ม- ใจผู้ซึ่งละห้อยหา .. เฝ้าปรารมภ์- หวานที่ถมทับทรวงอย่าล่วงเลือน O เสียงกระซิบแผ่วค่อย .. เถิดคอยสดับ ฝากลมแผ่วแทรกศัพท์เข้าขับเคลื่อน- ความในอกห่วงละห้อยเพื่อคอยเตือน- ห่วงที่เหมือนรอกระหวัดโอบรัดใจ O แผ่วกระซิบพากย์พจีจักมีสู่ พร้อมห่วงหาเอ็นดู .. จนรู้ได้ ว่า .. อีกหนาวลมร่ำแสนร่ำไร ด้วยว่าอีกอกใจเคยได้อิง O กระนั้นแล้วลมหนาวแห่งหนาวแรก อกเมื่อเหน็บหนาวแทรกกลับแปลกยิ่ง อกที่เนื้ออุ่นอ่อนเคยผ่อนพิง- ต้องเกลือกกลิ้งหนาวล้ำ .. เพียงลำพัง O ถวิลความอาวรณ์ออดอ้อนเจ้า จักแทรกโสตรุมเร้าให้เฝ้าหวัง ด้วยอาวรณ์ลึกล้ำเป็นกำลัง เข้าหลอมหลั่งลงจิตจนติดตรึง O หวังถึงลมหนาวแรกจักแทรกอก แล้วยอยกดวงจิตเฝ้าคิดถึง- ละห้อยเห็นความคำพี่รำพึง สัมผัสหอมหวานซึ้งที่ตรึงใจ O กระซิบความอาวรณ์ออดอ้อนอยู่ ด้วยอารมณ์แรงชู้ร่วมสู่สมัย ผ่านศัพท์เสียงเสน่หาแสนอาลัย กระซิบให้พี่สดับคอยรับรอง O แผ่วแผ่วสายวาโยเมื่อโผผ่าน คันธารสหอมหวานพึงผ่านต้อง- โลมนิ่มเนื้อละม่อมน้อยให้คอยตรอง- ความกลั่นกรองเพรียกคะนึงทุกกึ่งยาม O แทนอกแขนอ้อมกอด, ความพลอดพร่ำ หวังโน้มนำจินตภาพให้วาบหวาม กระทั่งแววเนตรระยับนั้นวับวาม ร่วมหลอมรวมรูปนามเนื้อความเดียว ! O ฝาก .. ลมร่ำหวีดหวิวผ่านริ้วแก้ม ให้เรื่อแต้มนวลเนื้อ .. ก็เพื่อเหลียว- สบสัมผัสเปล่งปลั่งแล้วดั่งเคียว- โน้มเข้าเหนี่ยวจิตใจ .. เฝ้าไขว่คว้า O นับคาบคิดคำนึง .. ส่งถึงอยู่ ก็ถึงรู้ .. ผูกพันให้ฟันฝ่า และถึงรู้ .. รูปธรรมที่ค้ำคา- อกใจผู้เสน่หา แสนอาวรณ์ O อุ่นรูปกายจะแทรกหนาวจนร้าวร้าง พร้อมความอ้างว้างโลกถูกโยกถอน พาอกใจผ่านล่วงทุกช่วงตอน- ด้วยเสียงอ้อนออดชู้ .. เกินรู้-กัน ! O กระนั้นแล้วคลื่นหนาวย่อมผ่าวร้อน ด้วยอาวรณ์เพียบพร้อมรอกล่อมขวัญ ลมหนาวร่ำผ่านอยู่ย่อมรู้ทัน- ว่าหนาวนั่น - จะไกลลิบชั่วพริบตา ! . . ลมหนาวร่ำผ่านสู่ .. ย่อมรู้พลัน- ว่าหนาวนั่น - จะย่อยยับอยู่กับทรวง ! https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=11-2017&date=26&group=11&gblog=686 (https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=11-2017&date=26&group=11&gblog=686) หัวข้อ: Re: O หนาวแรก .. O เริ่มหัวข้อโดย: สดายุ ที่ 16 กันยายน 2018, 09:49:AM O ฉันทาสมัย .. O (https://www.bloggang.com/data/s/sdayoo/picture/1468458846.jpg) O ดูเถิด .. หมอก, น้ำค้าง .. ตอนสางตรู่ แดดทอดสู่โลมต้อง .. ก็มองเห็น- หยดหยาดเพชรเรียงระเบียบ .. กลางเยียบเย็น ย่อมจักเร้นเลือนสลาย .. กับสายลม O เยี่ยงแววตาเขินอายชม้ายสบ ยอชาติภพตอบตื่น .. ทิ้ง-ขื่นขม รูปวัยเยาว์, ชม้อยหา, แววตาคม- จึงผูกปมซ่อนเงื่อนเกินเคลื่อนคลาย O ภาพ-บนฟ้าปีกนกเริ่มโบกบิน แวดล้อมถิ่นโลกต่ำ .. ลมร่ำสาย หยาดน้ำค้างระยับตอบอยู่รอบราย อีกแววขัดเขินอาย .. ชม้ายคอย O ดูเถิด .. แวววับวามเมื่อยามสาง เหมือนน้ำค้างพรมโลก-ลบโศกสร้อย พาหวานหอมเยือน-อกจนยกลอย รอบละห้อยถวิลเห็น ฤา-เว้นวาง ? O รูปธรรมวัยเยาว์แห่งเช้านี้- จึงช่วงชี้บีบเค้นไม่เว้นว่าง หยัดรูปนามโลมรุกไปทุกทาง โถมทับความอ้างว้างจนร้างเลือน O ชั่วตรู่สางล่มลับ, ระยับแดด- ก็ค่อยแวดล้อมรับ เข้าขับเคลื่อน หมุนโลกหมุนรูปนามคอยตามเตือน ทุกเขยื้อนทุกขยับ – เฝ้าจับจอง O สิ้นสาง .. เข้าสายแดดสายสว่าง แววขนางในขนบยังสบต้อง รูปธรรมอุ้มขวัญสู่ครรลอง- แรงหมายปองกระอุฤทธิ์ในจิตคน O และชั่วเพียงพยับแดดเริ่มแผดเผา ความรุมเร้าก็เติบเต็มอย่างเข้มข้น จวบหอมหวานเบิกบทปรากฎตน จึงหวานล้นทั่วแล้วทั้งแววตา O สวยปีกผีเสื้อบินในถิ่นที่ ลวดลายคลี่โบกลอย, ละห้อยหา- ก็ส่งผ่านห้อมเห่กาลเวลา เมื่อแสงฟ้าเคยระยับ .. คล้ายลับเลือน O ด้วยแววตาแฝงเร้น .. สุดเร้นซ่อน แววออดอ้อนรอคอย .. ก็คล้อยเคลื่อน- ขึ้นแขวนรูปขวางรอย เพื่อคอยเตือน- แรงสะเทื้อนระทึกทรวงในช่วงวัน O หมอก .. น้ำค้างทุกหยาดบำราศแล้ว เหลือเพียงแววตาคอยร่วมร้อยฝัน นามธรรม, รูปภพ .. ก็ครบครัน- ความผูกพันละห้อยห่วงฝ่าช่วงยาม O ปีกนกคลี่ร่อนคว้างที่กลางหาว เมื่อวับวาวแววตาเกินฝ่าข้าม ความอ่อนโยนอ่อนไหวเริ่มไหลลาม เข้าแวดล้อมรูปนามที่งามพร้อม O ปรารมภ์ว่า .. แววระยับยามพรับพริ้ม จักซ่อนยิ้มตอบรับการขับกล่อม หรือยังคงสืบบทการอดออม- งำหวานหอม .. เผยสู่ให้รู้ชัด ? O ปรารมภ์ว่า .. ยามชม้อยชม้ายสบ การเสหลบ ควรพ้องหรือต้อง-ตัด ? กับแววตาวับวามที่ล่ามรัด การกำจัดให้สิ้น .. เกินยินยอม ! O สร้อยเกสรพวงบุหงา คันธามาศ เริ่มบทบาทรวยรินด้วยกลิ่นหอม ให้โลกผู้ห่วงรส .. สุดอดออม- หวานแวดล้อมที่ประดังใจทั้งดวง O ปาริชาติหอมรื่น .. ในคืนค่ำ คลายกลิ่นร่ำรมแถน .. ทั้งแดนสรวง โอนเถิดกลิ่นหอมล้ำ .. ขอ-บำบวง- แนบทับทรวงข้างใจของใครนั้น O อินทร์ .. พรหม .. ปวงทิพแถนถ้วนแดนฟ้า โปรดบัญชาชี้ให้ .. ความไหวหวั่น- ที่เบิกบทแสนประณีต .. เกินกีดกัน ช่วยแบ่งปันบริบท .. คืน-ทดแทน O ถ้วนทั้งสิ้นทั้งปวง .. ความห่วงหา ปรารถนา, ยินยอม .. และอ้อมแขน แรงอาวรณ์, รอบถวิล .. ทั้งดินแดน ฤๅ-อาจแม้นอาลัย .. หัวใจมี ? O ภาพ-ข่มยิ้มขัดเขิน .. ทำเมินหน้า ก็-แทรกฝ่าแก้มเนื้อ .. เนียน .. เรื่อสี คล้ายเผลอเผยเลศชู้ .. ให้รู้ที- รู้ท่า-ความใยดี .. ว่า-มีใจ O จากนั้น .. ลมแห่งโลกจึงโบกบ่าย โรยร่ำสายล้อมรับ .. การหลับใหล จังหวะเต้นทุกช่วง จากทรวงใคร- ควรสั่นไหวรอถนอม .. อย่างยอมตน O รู้ใช่ไหม .. ความกระซิบจากลิบโพ้น- แสนอ่อนโยนคอยประนัง .. เพื่อหวังผล- ให้อาวรณ์อาลัย .. ค่อยไหววน- พาใจหล่นลิ่วพัน .. บ่วงฉันทา ! O รู้บ้างไหม .. ความคำที่พร่ำสู่- เพื่อ-รับรู้ .. เฝ้าคอยละห้อยหา เพื่อ-อ่อนไหว .. ทรมานด้วยมารยา และเพื่อว่า .. ถวิลอยู่ ไม่รู้วัน ! O จงรู้เถิด .. กระซิบคำในค่ำดึก เพื่อ-ส่วนลึกห้วงใจ .. เมื่อ-ไหวสั่น จักทอดวางรูปเงา .. เยี่ยงเถาวัลย์- กอดกระหวัดรัดมั่น .. จวบวันตาย ! https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=07-2016&date=14&group=11&gblog=665 (https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=07-2016&date=14&group=11&gblog=665) หัวข้อ: Re: O หนาวแรก .. O เริ่มหัวข้อโดย: สดายุ ที่ 17 กันยายน 2018, 06:37:AM O ตราบชั่วนิรันดร .. O (https://www.bloggang.com/data/s/sdayoo/picture/1409369633.jpg) O ยอมรับแล้วใช่ไหม .. หัวใจนั้น- ว่าผูกพัน, อาวรณ์ .. เกินซ่อนไหว ทุกการเต้นสั่นรัว .. ของหัวใจ เหมือนมือใครบางคนคอยด้นดึง O รู้แต่เมื่อหวานระยับพริ้มพรับ .. ตอบ ที่การลอบเหลือบชม้าย ย่อมหมายถึง- ใจที่ถูกเสน่หาเข้าตราตรึง- แววหวานซึ้งลึกล้ำจึงรำบาย O ใกล้กาล .. ฝนล่วงลาพรากฟ้าหม่น เพื่อปลิดป่นมืดอับให้ลับหาย ถึงเพ-ลาลมล่อง .. สูรย์ผ่องพราย- แสงกำจายโลมโลก .. เลือนโศกตรม O ทานตะวันช้อยช่อ .. ร่ำรอแดด- ทอลงแวดล้อมอยู่ .. เพื่อสู่สม- เมื่อผึ้งภู่รายล้อมลงจ่อมจม- รสรื่นฉมฉ่ำหวานแห่งกาลนี้ O ต้อง-ลมหนาวล่องสายรำบายผ่าน หอมดอกมาลย์, ภุมรินก็บินปรี่- หมายเสพหวานเรณูอย่างรู้ที- เกสรรูป .. กลีบสี .. อย่างที่เคย O เมื่อปีกนกโบกบ่ายสู่ปลายฟ้า แววนัยน์ตาห่วงละห้อยก็ค่อยเผย- อิริยา .. รูป .. จริต .. ลงชิดเชย- หยอก .. ยั่ว .. เย้ย - ปรารถนาแรงอาวรณ์ O คำนึงในอารมณ์ .. กลางลมร่ำ ภาพแก้มก่ำ .. อ้อนออด, พาทอดถอน- สะท้านห้วงหัวใจเหมือนไฟฟอน- คอยรุมร้อนเร้าอยู่ ไม่รู้วาย O ดูเถิด .. รูปผ่องแผ้วในแววตา- นั้น-เกินกว่าพรับเบือนให้เลือนหาย ล้อ-อารมณ์ .. อาลัย .. หัวใจชาย- ให้แต่หมายมุ่งงาม .. อย่าคร้ามเกรง O สกุณาป่าฝน .. บินพ้นผ่าน เมื่อหอมหวานเร้ารุม .. เข้ากุมเหง ขอบฟ้าเลื่อนล่มล้าง .. ความวังเวง กอปรบทเพลงกล่อมเกล้า .. ผู้เยาว์วัย O วันลอยดวงเลื่อนคว้างขึ้นกลางหาว หากแสงวาววับนั้น .. กลับสั่นไหว โดย-อารมณ์อาวรณ์ .. สุมซ้อนนัย เผยออกให้รับรู้ .. ร่วมดูแล O ปลายปีกนกบ่ายโบกสู่โลกไกล หากที่ใกล้ชิดอยู่ .. ย่อมรู้แน่- ว่า-สายใยผูกมัด .. ยากตัด .. แปร- เปลี่ยน, แกะแก้คลายเคลื่อน .. บ่วงเงื่อนตาย O ปีกนกกาง .. เสียงขรม .. เย้ยลมร่ำ ยังคลาคล่ำรูปเงาจนเข้าสาย พร้อมหวานซึ้งดื่มด่ำ .. ช่วยรำบาย- ความมุ่งหมายด้านในหัวใจคน O เมื่อฟ้าเปิด .. เมฆขาว .. ลมหนาวล่อง ก็เมื่อต้องหวานประดังอีกครั้งหน เบาบางปลายปีกนก .. ห้วงอกตน- คล้ายวกวนเวียนอยู่ .. ไม่รู้วาง O ฤดูนี้ลมร่ำ .. อยู่ค่ำเช้า ปีกบางเบา .. ก็ร่อนอยู่แต่ตรู่สาง ลมเอย .. แว่วลมหวนเสียงครวญคราง เหมือนใจบางเสี้ยวส่วน .. คร่ำครวญคอย O โหยหาคอยบีบเค้นไม่เว้นว่าง ในที่ทางเย็นเยียบ .. แสนเงียบหงอย ในเที่ยวทางเหยียบย่ำ .. ซ้ำซ้ำรอย เพียงละห้อยห่วงเห็น .. ที่-เป็น .. มี O สายหยุด .. กลีบดอกบาน .. ย่อมลาญร่วง ดั่งแสงช่วง .. กาลเวียน .. ย่อมเปลี่ยนสี เหลืองแสดมาลย์หมดกลิ่น .. ก็สิ้นดี เหลือไมตรีพี่นั้น .. ยังมั่นคอย O ปีกบางยังลอยล่องเต็มท้องฟ้า เมื่อเหว่ว้าแตกดับจนยับย่อย หัวใจเคยมืดมน .. ก็หล่นลอย กับร่องรอยนัยชู้ .. ฤดูลม O ที่-เสพรับความคำ .. ตอกย้ำอยู่ พึงรับรู้ .. แรงหวัง .. ที่สั่งสม- ความรู้สึกเสน่หาในอารมณ์ เบิกบทบ่มหวานหอม .. รายล้อมทรวง O เสพรับความสื่อสู่ .. จงรู้ว่า- มีคุณค่าสอดซุก .. ไปทุกช่วง- เพียงร่ำรอ .. ความคำเคยบำบวง- ให้เริ่มช่วงกำลัง .. เข้าสั่งการ O เสพรับความนัยชู้ .. จงรู้ว่า- เสน่หาพรั่งพร้อมรสหอมหวาน มีไว้เพื่อโลมลูบ .. ใจรูปคราญ จน-สุดต้านทานรส .. แม้-บทเดียว ! https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=08-2014&date=30&group=11&gblog=576 (https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=08-2014&date=30&group=11&gblog=576) หัวข้อ: Re: O หนาวแรก .. O เริ่มหัวข้อโดย: สดายุ ที่ 20 กันยายน 2018, 10:47:AM O รื่นลมร่ำ .. O (https://www.bloggang.com/data/s/sdayoo/picture/1469068501.jpg) O พร้อมเมฆหม่นครอบขัง .. อยู่ยังหน้า คือครั่นครื้นมหิทธาแห่งฟ้าฝน เส้นไฟเลื้อยวกต่ำ .. ก่อนคำรน- กึกก้องทั้งภูวดล .. ให้ยล-ยิน O พร้อมหยาดฝน-ลมร่ายรำบายโบก ทอนทุกข์โศกข่มร้อน .. ให้ผ่อนสิ้น เพื่อเม็ดฝนหมาดใหม่ .. กรุ่นไอดิน- ได้อวลกลิ่น .. ตอกย้ำความธรรมดา O ไฟบนสรวง .. วนวิ่ง .. งามยิ่งแล้ว เนตรผ่องแผ้วเหลือบชม้าย .. ลอบชายหา- ช่างวนวิ่งความหมาย .. สู่สายตา หรือเพื่อกร่อนเหว่ว้า .. ด้วยอาวรณ์ ? O แม้นแวบเดียว .. วูบดับจนลับล่วง กลับโชนช่วงความหมาย .. เกินถ่ายถอน ไฟเฟื้อยเส้นฟาดกระหน่ำทั้งอัมพร เมื่อหัวใจสั่นคลอน .. ทั่วตอน-ตน O เมื่อแววในสายตา .. เกินกว่าซ่อน แฝงเว้าวอนรำบาย .. ฝ่าสายฝน กลางลมร่ำเม็ดน้ำ .. ฟ้าคำรน หัวใจคน .. ครวญคร่ำ-เฝ้าคำนึง O สื่อความหมายอบอุ่น .. กลางฝุ่นฝน ที่หลั่งบนหัวใจ .. ฝันใฝ่ถึง แผ่รูปรอยปฏิพัทธ์ .. เข้ารัดรึง หวาน, ซาบซึ้งวาบหวาม .. ด้วยความนัย O หมดสิ้นแล้ว .. เมฆทึมเคยครึ้มฟ้า เปิดเวหารับรอง .. ความผ่องใส แทนฝุ่นฝนจากสรวง .. ด้วยห่วงใย- จากรูปการณ์ภายใน .. แววนัยน์ตา O จนอ่อนหวานผ่านสู่ .. ให้รู้สึก นัยเร้นลึกแฝงรอยละห้อยหา ค่อยโยกใจไหวสั่น ..แล้ว บัญชา- ให้แรงอาวรณ์ช่วง .. เกินหน่วงแล้ว O รูป, แววตา-อบอุ่นละมุนละม่อม กลางแวดล้อมรื่นริ้ว .. ลมพลิ้วแผ่ว เติมแต่งนัยน์ตาชาย .. ให้ฉายแวว- วามผ่องแผ้วด้วยถวิล .. ที่-ดิ้นรน ! O โอ .. งามที่คุกคามลุกลามล้อม หรือเพื่อหลอมรวมจิตเฝ้าคิด .. ขวน- ขวาย .. ความครุ่นคำนึงในหนึ่งคน- ให้แต่อลเวงอยู่ไม่รู้วาง O เอกภพเคลื่อนผ่านสู่ด้านไหน ย่อม-สดใสวับวาวทุกก้าวย่าง ยิ่ง-ดวงวันเรื่อรองคอยส่องทาง คือ-ร่วมสร้าง .. รติภพจนอบอวล O แม้นว่าโลกทั้งโลก .. สุมโศกใส่ นอกจากไม่ครวญคร่ำ .. ไม่กำสรวล จัก .. โรมรันบั่นคอด้วย .. ขอ-ทวน ขอเพียงนวลหยัดร่าง .. เคียงข้างกาย O เสน่หาฝ่าข้ามไปสามภพ ดวงวันลบ .. จันทร์เลือน .. ดาวเคลื่อนหาย ความอาลัยอาวรณ์ .. ฤา-คลอนคลาย เมื่อเส้นสายใยนั้น .. ผูก-มั่นคง O เกินวิญญาณเมื่ออุบัติ .. อาจทัดทาน หรือต่อต้าน, ควบคุม-ความลุ่มหลง แม้นจนเงื่อนเหตุกรรม .. เคยดำรง- จัก .. ขาด-วง .. ด้วยซึ้งคำนึงนวล O งามพิสุทธิ์น้อมนำ .. กรองคำถ้อย สำหรับร้อยเรียงความ .. ให้งามถ้วน เปล่งความหมายสื่อสู่ให้คู่ควร- รักที่หวน .. โชนช่วงกลางห้วงใจ ! https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=07-2016&date=21&group=11&gblog=667 (https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=07-2016&date=21&group=11&gblog=667) หัวข้อ: Re: O หนาวแรก .. O เริ่มหัวข้อโดย: สดายุ ที่ 09 ตุลาคม 2018, 10:53:AM O กลางลมหนาว .. O (https://www.bloggang.com/data/s/sdayoo/picture/1417824990.jpg) O ถวิล .. ความอาวรณ์ออดอ้อนเจ้า จักใฝเฝ้ารออยู่แต่ตรู่สาง พร้อม .. หนาวรื่นโรยตัวอยู่ทั่วทาง คือ-เรียวร่างอุ่นรอ .. แอบ-ออ..ทรวง O ดอกไม้หอมรวยรินล้อมถิ่น .. นั้น- แทนผูกพันอาลัย .. อันใหญ่หลวง เสียงวิหคพร้องพร่ำ แทนคำบวง- บอกความหวงแหนชู้ .. ให้รู้นัย O เห็นม่านหมอกหม่นมัวอยู่ทั่วแหล่ง ห่วง-รูปแพงทองน้อยจะพลอยไหว- หวั่นด้วยแรงเสน่หา .. ความอาลัย- ที่จักไหลหลั่งรุมลงสุมทรวง ! O แดดปลายฝนต้นหนาว .. ทอวาววับ นึก-แววตาเหม่อพรับ .. ลำดับช่วง ใครนั่นหนอ .. ยอภาพลงทาบทวง- จนความหวงเผยแล้ว .. บนแววตา ? O มือกบก้มกราบลงหน้าองค์พระ ตั้งฉันทะมุ่งมาด .. ยอวาสนา- เข้าปรุงเปรียบเทียบขวัญ .. ร่วมบัญชา- เสน่หาอาลัย .. อย่าได้เลือน O นิ่งนึกด้วยเอ็นดู .. ไม่รู้แล้ว ทองพระแผ้วเหลื่อมสู่ .. ยิ่งดูเหมือน- ย้ำจิตให้บริสุทธิ์ และดุจเตือน- ให้วกย้อนมาเยือนอย่าเลือนลับ O นิ่งนึกผ่านภพชาติ, แรงปรารถนา- ก็เหมือนว่าลึกล้ำเป็นลำดับ ต่อหน้ารูปพระแผ้ว .. ยิ่งแวววับ- คือแววตาพริ้มพรับ .. ตอบ-รับรู้ ! O รอบองค์พระธาตุลำปางหลวง ความบำบวง .. วอนเว้า .. กลางเช้าตรู่ มีรูปพักตร์งามเพ็ญ, ความเอ็นดู- ก่อภาวะตั้งอยู่ .. สุดรู้คลาย O รอบองค์พระธาตุลำปางหลวง ใจหนึ่งดวง .. วกวนเฝ้าขวนขวาย มีอาวรณ์อ่อนละมุน .. ไหว-วุ่นวาย- กับความหมายในตาส่อท่าที O ถวิลความอ่อนไหว .. ดวงใจนั้น จักพลิ้วสั่นละห้อยหา, แววตาที่- หวานซึ้งแฝงอาลัยรอบไมตรี จักเผยเยื่อใยดีออกคลี่พัน O คิดถึงถวิลอยู่แต่ตรู่สาง จนน้ำค้างจางรอย-จึงถ้อยขวัญ- เหมือนมอบวางความคำมอบจำนรรจ์ เป็นกรอบกั้นเจตจินต์ให้ยินยอม O หมอกหม่นสลัวลางจืดจางแล้ว กระซิบแผ่วพลิ้วผ่าน .. ช่างหวานหอม ว่า-คิดถึงถวิลอยู่เกินรู้ออม จึงต้องน้อมลงมอบให้ตอบรับ O แดดใส .. แผ่นฟ้าคราม .. ในยามสาย มีความหมาย .. ส่งมอบ .. รับ-ตอบกลับ หน้าผากเนียน, แก้มอิ่ม .. ตาพริ้มพรับ ย่อมผุดเผยพร้อมสรรพลำดับนั้น O แดดจ้า .. แผ่นฟ้าคราม .. ครอบยามสมัย เมื่อสองขั้วหัวใจ .. พลิ้ว .. ไหวสั่น กลางรำเพยลมร่ำ .. มีรำพัน- ฝากกล่อมเกล้าถนอมขวัญ .. ว่าขวัญเอย- O –คะเนนึกคะนึงพี่ .. ย่อมมีอยู่ แต่รูปผู้เพ็ญลักษณ์ .. ที่-มักเผย- กรรมบทแห่งจริตให้ชิดเชย หยอกยั่วเย้ยเสน่หา เร่งอาวรณ์ O นิ่งนึกผ่านมุ่งมาดแห่งปรารถนา ภาพแววตาตอบเต้นเกินเร้นซ่อน มีเยื่อใยลามรุกไปทุกตอน ผ่านแววตาออดอ้อนเกินผ่อนปรน O แดดใส แผ่นฟ้าคราม .. คาบยามมี- เยื่อใยดี .. อบอุ่นแทนฝุ่นฝน แววในตาสองดวง ย่อมช่วงจน- แรงอำพนบนสรวง .. ต้องล่วงลับ ! https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=12-2014&date=06&group=11&gblog=606 (https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=12-2014&date=06&group=11&gblog=606) หัวข้อ: Re: O หนาวแรก .. O เริ่มหัวข้อโดย: สดายุ ที่ 02 ธันวาคม 2018, 08:38:AM O เพียงคำเดียว (เพื่อคนเดียว ..) O (https://www.bloggang.com/data/s/sdayoo/picture/1458476959.jpg) O เมื่ออกใจล้อมห่มด้วยลมหนาว บางเรื่องราวแฝงเร้นก็เต้นไหว จากรูปนามต้นเหตุ .. ถึงเภทภัย- ผู้ก่อแววเลศนัย .. ท่วมนัยน์ตา O เริ่มดวงวันแย้มเยือน, ลมเลื่อนไหล หนาวนักแล้วอกใจ .. ผู้ใฝ่หา ที่เหมือนคอยอบอุ่นเนื่องหนุนมา ที่เหมือนแสงสุริยา - แววตานั้น O ริ้วลมร่ำเหน็บหนาว, วับวาวคู่- ลอบเหลือบสู่ชม้อยให้ .. ก็ไหวสั่น โลกเบื้องหน้าวูบวับขึ้นฉับพลัน ที่แววหวั่นสะทกสะเทิ้นจำเริญรอย O รับรู้เถิด .. ถึงหนาวอีกคราวแล้ว เมื่อกรุ่นกลิ่นหอมแก้ว .. พลิ้ว-แผ่วค่อย ด้วยหอมนั้นรุมเร้า .. ผู้เฝ้าคอย- ห่วง, ละห้อย, ถวิลอยู่ไม่รู้วาง O ฝากความหมายเข้าล้อม .. ด้วยหอมแก้ว แฝงลมแผ่วพลิ้วจรุง .. แต่รุ่งสาง เข้าแวดล้อมรูปนามอยู่ท่ามกลาง- หยาดน้ำค้างพรมประดับให้รับรอง O แนบความคิดคำนึง .. รำพึงผ่าน ว่าหอมหวานเวียนรอบให้ตอบสนอง ทั้งแววตาพริ้มพรับ .. ขอจับจอง- ให้เฝ้ามองพิศอยู่แต่ผู้เดียว O ขอพรเทพนฤมิตสัมฤทธิ์ถ้อย เพรียกตาใจแต่ละห้อยเฝ้าคอยเหลียว ทอเยื่อใยทบเส้น .. ฟั่นเป็นเกลียว คล้องรัดเหนี่ยวบางใจ .. จนไหวรับ O สอดแทรกความเดียงสา .. ด้วยอาวรณ์ สุมออดอ้อนแทรกซ้ำเป็นลำดับ เพื่อเนียนแก้มเอิบอิ่ม .. เนตรพริ้มพรับ ไว้เพียงเพื่อสำหรับ .. ผู้จับจอง O กลางเหน็บหนาวลมร่ำ, ถ้อยคำนี้- พึงวาดวีพลิ้วพรมผ่านลมล่อง กระซิบสื่อความร้อยในถ้อยกรอง เพื่อรับรองเสน่หาด้วยอาลัย O พร่ำเพรียกความออดอ้อน .. ให้ย้อนกลับ แววเนตรพรับพริ้มนั้น .. พึงสั่นไหว กระทั่งสั่นจนทั่วเนื้อหัวใจ กระทั่งรับรู้ได้ทั้งใจความ O คำนึงกลาง .. สายลมที่พรมผ่าน หลังอ่อนหวานเริ่มระบัด .. เข้ารัด-ล่าม มีหรือ ? บางหัวใจจะไหวตาม ล่องลอยข้ามโค้งฟ้า .. ผ่านมารู้ O อ้อยสร้อยกลางรื่นรมย์ .. แห่งลมหนาว เมื่อเนตรวาววามคล้าย .. ลอบชายอยู่ แลกคำนึงแฝงเร้น .. ด้วยเอ็นดู- ที่สื่อสู่ปัดป่าย .. กลางสายลม O รอรับเถิด .. แรงถวิล-ผู้ยินยอม ฝากอบอุ่นหวานหอมเข้าห้อมห่ม ทุกคาบยามละห้อยหา .. แห่งอารมณ์ อุ่นจะข่มหนาวร้าง .. จนห่างไกล O โชนช่วงแห่งความนัย-ห้วงใจสาว แม้นเหน็บหนาวจากลม .. อาจข่มไหว แต่เหน็บหนาวทรมา-ด้วยอาลัย ย่อมโลมไล้อารมณ์ .. เกินข่ม-ล้าง O รับรู้เถิด .. อกใจผู้ใฝ่ถึง ว่าใจหนึ่งคะนึงอยู่ไม่รู้สร่าง คะเนนึกรูปนามในท่ามกลาง- เงียบงันอ้างว้างสิ้นทั้งดินแดน O ลมเอย-การพร่ำพลอด .. ความออดอ้อน ย่อมทับซ้อนทับทรวงด้วยหวงแหน ถ้วนรูปนาม, ภพชาติหรืออาจแทน- รูปที่แสนถวิลถึง .. เพียงหนึ่งเดียว ? https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=01-2016&date=14&group=11&gblog=645&fbclid=IwAR0Hv_2zpWNlYbIy2tPrwWCNOYGV5tcRygwU5tCuZMzRagS7iZ0Zhpm8ae4 (https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=01-2016&date=14&group=11&gblog=645&fbclid=IwAR0Hv_2zpWNlYbIy2tPrwWCNOYGV5tcRygwU5tCuZMzRagS7iZ0Zhpm8ae4) หัวข้อ: Re: O หนาวแรก .. O เริ่มหัวข้อโดย: สดายุ ที่ 16 ธันวาคม 2018, 05:40:PM O หอมกลิ่นแก้ว .. O (https://www.bloggang.com/data/s/sdayoo/picture/1450271115.jpg) O รื่นเย็นวรรษกาล .. โลมผ่านผิว สายลมพลิ้วโปรยปรายพร้อมสายฝน ขณะความห่วงหา .. ในตาคน- คล้ายเวียนว่าย-วกวน .. คลุมบนแวว O พร้อมริ้วลม .. หยาดฝนที่หล่นไหล- แรงถวิล, อาลัย .. ก็ไหว .. แว่ว เมื่อหยาดน้ำโลมพลอดตลอดแนว รูปในแก้วตาวามก็ลามล้อ O แก้วดอกขาวหอมอ่อน .. กำจรกลิ่น เมื่อฝนรินหลั่งบท, ความจดจ่อ- ถึงรูปนาม .. สรรพเสียงก็เพียงพอ- ให้อยู่รอคอยรับแนบกับใจ O เจื้อยแจ้วนั้น .. เสียงวิหคเคยผกร้อง บัดนี้ก้องเสียงว่า .. อยู่ป่าไหน อาวรณ์ .. รูปแหนหวง .. ความห่วงใย- ก็ก่อรูปขับไข .. แจ้งนัยน์ตา O เพราะขอบฟ้าเวิ้งกว้างมาขวางคั่น ให้ต่างฝันเฝ้าคอยละห้อยหา มีแสงดาวแสงจันทร์ .. แทนสัญญา- แห่งฉันทารอบชู้ .. มอบสู่กัน O ป่านนี้จักละห้อย .. รอคอยพี่- ให้ราตรีโอบล้อมเข้ากล่อมขวัญ หรือคอย-อก .. อ้อมแขน .. ห้อมแหน .. บรร- ณาการรูปนามฝัน .. เจ้าขวัญน้อย ? O ฝนหลั่งหล่นหยาดลง .. ที่ตรงหน้า เหมือนบอกว่า .. ฟ้าเศร้า .. คืนเหงาหงอย- บนฟ้าไร้ดาวเดือนเคยเลื่อนลอย ใจรอคอย .. เหงาแท้ .. ไม่แพ้กัน O อยู่ใต้ฟ้าเดียวกัน .. พร้อมจันทร์หนึ่ง แปลกสุดซึ้งเยี่ยงไร .. ช่างไกลขวัญ ฟ้าบน .. เคยแจ่มแจ้งด้วยแสงจันทร์ บัดนี้พลันเลื่อนดวงจนล่วงลับ O หรือว่าด้วยดวงจิตอธิษฐาน ถึงรูปคราญเจ้าเอย .. ไม่เคยดับ หวังยิ่งกว่าจันทร์ดาว .. แสงวาววับ- คือแววตาเจ้าพรับ .. ตอบรับรู้ ? O ฝนหล่นเม็ดเช่นนั้น .. เย็นยันค่ำ หนาวลมร่ำผ่านริ้ว .. โลมผิวอยู่ สบนัยน์ตาลอบเร้น .. ก็เอ็นดู- ความขัดเขินรอบชู้ .. เมื่อจู่โจม O ดูเอาเถิด .. รูปนามผู้ทรามสวาท- เหนี่ยวภพชาติจบจูบด้วยรูปโฉม กี่จักขุวิญญาณเมื่อผ่านโลม อาจหยุดโสมนัสช่วง .. กลางห้วงใจ ? O หรือเพื่อมาบรรจบด้วยภพชาติ ตามคำภาษสัตย์ปวงเคยบวงไหว้ จึงเลื่อนล้อมรอยร่างทุกย่างไป เฝ้าแต่คอยอาลัย .. อยู่ไม่วาง O หรือคำมั่นสัญญาแต่ครานั้น จักสำทับลงมั่น .. เกินกั้นขวาง- ให้ความเหงาโดดเดี่ยวในเที่ยวทาง- หลีกลี้ห่างรูปเงา .. ทุกก้าวเดิน O จึงพารูปนามฝันมาผันร่าง ย่ำรอยทางปฏิพัทธ .. อย่างขัดเขิน จนเมื่อสบความ .. คำ .. ก็จำเริญ- การหยอกเอินอาลัยที่ในทรวง O วิชชุแล่นเลื่อนสาย .. ที่ปลายฟ้า แววในตา .. รูปเอยหรือเคยล่วง- ลับเช่นฟ้าครวญคร่ำ .. เมื่อคำบวง- นั้นคอยหน่วงเหนี่ยวคำ .. ลงนำทาง O หรือคำบนบอกสรวง .. เคยบวงเซ่น คอยบีบคั้นบีบเค้นไม่เว้นว่าง ให้แต่คอยละห้อยเห็นไม่เว้นวาง ขอรูปคราญเคียงข้างอย่าห่างเลย O ฝนร้างหยาดสิ้นหยดไปหมดฟ้า ลมผ่านมาเย็นเยียบ, แววเรียบเฉย- ของนัยน์ตาหวงชู้ .. ก็รู้เชย- ชม .. รูปนามยั่วเย้ยอย่างเคยตัว O เผยรูปนามบรรจบด้วยภพชาติ ยอสวาดิโหมระลอกขึ้นหยอกยั่ว แล้วหัวใจใครกัน .. ที่สั่นรัว- กับเพียงชั่วครู่ยาม .. วาบหวามนั้น O รู้หรือไม่ใครกัน .. เจ้าขวัญน้อย ที่ต้องคอยอาลัย .. คอยไหวหวั่น ทุกพจน์พากย์ความคำ .. ร้อยรำพัน- เพื่อครอบขวัญเจ้าไว้ .. อยู่ในมือ ! https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=05-2014&date=10&group=11&gblog=545&fbclid=IwAR0sQDsrzZer5upfURhrf4Qi4RAhe0bi3RXvHWt4Cir9xdNuUIdHoHarYaA (https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=05-2014&date=10&group=11&gblog=545&fbclid=IwAR0sQDsrzZer5upfURhrf4Qi4RAhe0bi3RXvHWt4Cir9xdNuUIdHoHarYaA) |