หัวข้อ: O ภุมรินและพินทุรส .. O เริ่มหัวข้อโดย: สดายุ ที่ 08 กันยายน 2018, 09:33:AM (https://www.bloggang.com/data/s/sdayoo/picture/1499223518.jpg) วสันตดิลกฉันท์ ๑๔ O ลมรื่นแตะตื่นมธุระเก- สระเรณุกาไพร พาหอม ลุ ล้อม, ยุคะสมัย- ก็พิไลพิลาสรอ O งดงาม ณ ยามรุจะกระหนาบ- นภะภาพก็พร่างพอ- กำจายสยายบทะลออ กระแหนะช่อสุมาลย์สี O ฝั่งฟ้าประภา, และ ธรณิน ภุมรินะเริ่มลี- ลาศ-หาผการสะเพราะมี ดุษฎีกะหอมหวาน O โลกกว้างระหว่างวตะอรุณ ดุจะหมุนประกอบการณ์ โผนผกวิหค ณ คคนานต์ ก็ผสานผสมเสียง O เริ่มกาลประสารรหัสะเลศ ทุระเภทะพร้อมเพียง- กล่อมเมาหะเขลา, มุสะประเดียง- ก็ระเรียงประโลมร้อย O เผยภาพละภาพ ณ บุพะภพ- ระบุครบ .. ระบัดคอย ราวเรื่องก็เปลื้องบทะทะยอย สุขะ-สร้อย .. ผสานเสริม O เยี่ยงหวานสุมาลยะประนัง รสะตั้งจะเตรียบเติม- คลื่นหอมตะล่อมบทะกระเหิม ระอุเพิ่ม .. ณ กลีบกรอง O ทิพเทพวิเลปนะกระวน สติคน ก็ ถูกครอง เพียงรสประพจนะสนอง ผัสะต้อง ก็ เจียนตาย O ผึ้งภู่เสาะสู่มธุระรส ระบุกฏ บ อาจกลาย แสงสูรยะพูนพละสยาย ก็จะผ้ายและแผดเผา O อำนาจและอาชญะประภาพ ขณะทาบ ฤ บรรเทา ถ้วนกฏและพจนะเฉลา ก็คละเคล้าระคนความ O หยาดพินทุรินมธุ-ละออง ผัสะต้องก็ตื่นตาม หยาดคำเพราะคัมภิระ-ละลาม อุระหวาม ฤ ข้ามไหว O ภาพพจน์จรดกะนัยนา คุณะค่า ฤ ควรใคร- เทียมทัศน์และวัตระอดิศัย- ะประไพประพิณพร้อม O เทียบ-ภาพก็ภาพมธุกุสุม กระแหนะนุ่มระรุมดอม เปรียบ-บทสุพจนะประนอม ก็ลุล้อมระรายเรียง O สามารถเพราะอาชญะผสาน- อุปการ .. ก็เกริกเกรียง แซ่ศัพทะรับดุจะจะเอียง- ธรณินะล่มสูญ O สามารถเหมาะอาชวะสมรรถ ก็ขจัด บ เพิ่มพูน พ้องความกะทราม, ก็บริบูรณ์- ภวะกูณฑะสุมเมือง O พร้อมพินทุสิ้นภวะจะหยด จิตะคดก็แค้นเคือง โดยพิษะริษยะเมลือง ทะนุเนื่องและน้อมนำ O ริ้ววาตะพารสะประทิ่น ภุมรินก็เริงรำ ปีกลู่เสาะสู่มธุระสัม- ผัสะย้ำกะหยาดหวาน O ริ้ววาทะพามุสะประนอม ผัสะย้อม กะ วิญญาณ เจตจินตะสิ้น, สติพิชาน- ดุจะลาญ บ เหลือรอย O หวาน, วาตะ, อาชญะประนัง ฤดิคลั่ง ก็ หมอบคอย เสพลิ้มกระหยิ่ม บ ละ บ ถอย สติด้อย สิ ดึงดัน O เลศวาทะ, อาชวะรหัส อวิภัชะรำพัน เกณฑ์กรอบระบอบมุหะมหัน- ตะกระนั้นก็เนื่องหนุน O สูงค่าสุภาษิตะประกอบ- คละระบอบ .. ระเบียบบุญ สูงส่งเพราะมงคละเหมาะสุน- ทริยะดุลยะภาพพร้อม O ภาพงามละลามยุคะสมัย มธุ-ไพรก็สุดออม- แอบกลิ่นประทิ่น, กฏะพะยอม- ก็ ลุ ล้อมประนอมกรรม O แฉกลิ้น มุ ภินทนะสมา- คมะชาติด้วยชำ- นาญ..บท .. และพจนะกลัม- พ-ระพร่ำ ก็ เป็นผล O สามารถเหมาะชาติจะอภิวัฒน์ ก็ขจัดซะอับจน จารีตและคีตะอนุสน- ธิ ก็ขนประโคมคอย O หอมหวานสุมาลยะก็ภิน- ทนะสิ้นและสุดรอย หยาดพินทุสิ้น, มธุระพลอย- รสะถ่อย .. ผิ เอาทาร ! ======================================== คำศัพท์บางคำ (ที่มา .. https://www.chatchawan.net/2014/05/vibhajyavada/ (https://www.chatchawan.net/2014/05/vibhajyavada/)) วิภัชชวาที .. แปลว่า การพูดแยกแยะ การพูดจำแนก หรือพูดแจกแจง หรือการพูดเชิงวิเคราะห์ ลักษณะสำคัญของการคิดและการพูดแบบนี้คือ การมองและแสดงความจริง โดยแยกแยะออกให้เห็นแต่ละแง่แต่ละด้าน แต่ละประเด็นครบทุกแง่ทุกด้าน ทุกประเด็น ไม่ใช่จับเอาประเด็นใดประเด็นหนึ่งมาคิดวิเคราะห์แล้วสรุปครอบคลุมเนื้อหาทั้งหมด วิภัชชวาท .. เป็นชื่อเรียกอย่างหนึ่งของพระพุทธศาสนา หรือเป็นคำหนึ่งที่แสดงระบบความคิดของพระพุทธศาสนา เพราะพระพุทธเจ้าทรงเรียกพระองค์เองว่าเป็น วิภัชชวาท หรือ วิภัชชวาที และคำว่า วิภัชชวาท หรือวิภัชชวาทีนั้น ก็ได้เป็นคำเรียกพระพุทธศาสนา หรือคำเรียกพระนามของพระพุทธเจ้าซึ่งได้ใช้อ้างกันมาในประวัติการณ์แห่งพระพุทธศาสนา เช่น ในคราวสังคายนาครั้งที่ 3 พระเจ้าอโศกมหาราชตรัสถามพระโมคคัลลีบุตรติสสเถระ ประธานสงฆ์ในการสังคายนาว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงมีวาทะอย่างไร พระเถระทูลตอบว่า “มหาบพิตร พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเป็นวิภัชชวาที” อ .. แปลว่า ไม่ อวิภัชชวาที .. จึงแปลตรงกันข้ามกับ .. วิภัชชวาที หรือจะพูดให้เข้าใจง่ายก็หมายถึง การพูด (การกล่าวหา) แบบ "เหมารวม" ไม่จำแนกแยกแยะด้วยเหตุผล .. อันจะพบเห็นได้มากในทางการเมืองในระยะ 10 ปีที่ผ่านมา ปกติเมื่อเป็นภาษาไทยจะลดรูป "ช" ออกตัวหนึ่ง ======================================== https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=07-2017&date=03&group=2&gblog=101 (https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=07-2017&date=03&group=2&gblog=101) หัวข้อ: Re: O ภุมรินและพินทุรส .. O เริ่มหัวข้อโดย: สดายุ ที่ 17 กันยายน 2018, 06:40:AM O เจ้าอ่อนเอย...O (https://www.bloggang.com/data/s/sdayoo/picture/1499519675.jpg) วสันตดิลกฉันท์๑๔ O กำลูนผอูนกมละมาตุ ระบุภาษะรำพัน กล่อมเยาวะเร้าสุขะถวัล- ยะประจัน ณ ห้วงใจ O เนื่องหนุนกะสุนทริยะคัม- ภิระคำก็เพื่อใคร- เสพรสสุพจนะประไพ เฉพาะให้ถวิลถึง O ลมหนาวผะผ่าววรรณะกระชั้น ขณะนั้นก็คำนึง ฤๅงามจะลามบทะจะพึง- สุขะซึ้งเขษมศานติ์ O น้ำค้างก็วางบทะ ณ คาบ กละภาพะพิมพ์พาล- วางเด่นเหมาะเป็นกุสุมะมาลย์ ณ สถานะเพ็ญบุญ O ลมโรยประโปรยกุสุมะผอง ผัสะต้องก็เตรียบคุณ- เต็มตวงกะปวงวตะละมุน ณ อรุณะแรกฉาย O หยาดหล่นสุชลผัสะกระทบ ตฤณะภพก็พร่างพราย ขอบเขตและเจตนะก็ผาย- พฤติบ่ายพโยมบน O บวงไท้ ณ ในทิวะสวรรค์ ตละชั้นและต่างชนม์ โปรดช่วยอำนวยทิฐิพิมล อนุสนธิด้วยศรี O สัมมาประการะปฏิบัติ เหมาะสมรรถภาพมี มิจฉาประดาฉละกลี นิระที่จะเอื้อมถึง O โดยธรรมะนำนยะพระพุทธ จิตะนุชะคำนึง โดยชาติปราศจิตะจะพึง- ทะนุซึ่งบ่ควรสรร O เพียบพูนประยูระบริรัก- ษะประจักษะผ่านจรร- ยาเยาว์เฉลาวัตระกระนั้น ดละฉันทะเฉิดฉาย O งามวัยพิไลพฤติวิวรณ์ ก็ขจระกำจาย งามคำเพราะคัมภิระสยาย ก็ระบายระบือเสียง O เจ้าเอยเพราะเผยวุฒิวิภาษ- ะพิลาสพิไลเพียง- พอกานท์จะผ่านนยะเผดียง พิเราะเคียงเพราะขับขาน O กำลูนผอูนกมละมาตุ ดละภาษะเพื่อพาล ชื่นชีวะปรีดิพิสดาร อุปการะนานเทอญ แปล .. O เจ้าเอยแต่เผยความก็งามนัก ผ่านถ้อยวรรคอักษร .. ออดอ้อนเหลือ จึงเตรียบภาษแนบหนุนเข้าจุนเจือ- มอบความสุขโอบเอื้อ .. สู่เนื้อใจ O เพียงจะผ่านกานท์กรองทำนองเสนาะ หลั่งรินเซาะโสตสดับความขับไข สุนทรีย์คมคำรสอำไพ พร้องความนัย .. เพรียกถวิลในจินตนา O พร้อมลมหนาวเช้าโชย .. ปร่าโปรยอยู่ อารมณ์ชู้ก็ตื่นพร้อมละม่อมหน้า ปานฉะนี้อยู่ไหน .. ผู้ไกลตา ปรารถนาสิ่งใด .. หนอใจนั้น O หยาดน้ำค้างหยดแทรกบนแรกยาม ฤๅจิตทรามสวาดิไหน .. นะไหวสั่น จากฟากสรวงไหลหล่น..เหมือนหม่นควัน เตรียบงามจรรยาเพ็ญ .. ก็เช่นเดียว O ลมร่ำและเกสร .. ออดอ้อนอยู่ พร้อมภาพผู้ตาละห้อยแต่คอยเหลียว ลมล่องโลมยามอรุณ .. ก็หมุนเกลียว สะบัดริ้วกรากเชี่ยว .. ในเปลี่ยวยาม O น้ำค้างหยดหยาดแล้ว .. ไม่แล้วล่วง ราวเทียบทวงบทโศลกสู่โลกสาม ขณะบางบริบทอันงดงาม ราวข่มข้ามเจตนา .. สร้างปรารมภ์ O เทพเอยทิพแถนถ้วนแดนฟ้า โปรดอวยค่าเจตนัง .. ลูกสั่งสม สอดเสริมเจตพิสุทธา .. คลื่นคารม เข้าเกลียวกลมด้วยคะนึง .. ใครหนึ่งมี O สัมมาการณ์ผ่านประพฤติให้ยึดถือ เป็น-อยู่-คือ .. อัตตลักษณ์และศักดิ์ศรี กำลังแห่งมิจฉาการณ์ราคี จงปลีกลี้เลือนพรากไปจากใจ O องค์ธรรมแสนบริสุทธิ์ .. นัยพุทธา แนบจิตาตั้งมั่น .. อย่าหวั่นไหว โดยชาติพิลาศเพ็ญว่าเป็นไทย และโดยนัยเนื่องระบอบอันชอบธรรม O อยู่ท่ามกลางเกื้อกูลประยูรญาติ ที่โดยชาติเชื้อเถารูปเยาว์สัม- ผัสต้องด้วยอบรม .. ผ่านคมคำ เพื่อร่วมทำนุใจ .. ด้วยใคร่ครวญ O โดยวัยงามทรามสวาดิพิลาสลักษณ์ เมื่อประจักษ์ก็แต่คอยละห้อยหวน กอปรความหมายแห่งคำ .. ร้อยสำนวน- นั้นเตรียบตรวนล่ามคา .. ผูกอาลัย O เพียงเผยภาษก็พอเพียงจะเรียงพจน์ เพื่อปรากฎพิเราะศัพท์ร่วมขับไข งามนั้นพอจะส่งรับลำดับนัย บรรโลมใจรื่นรมย์ด้วยคมคำ O เยาว์รูปเอย .. แต่เห็นก็เอ็นดู- ดวงใจผู้มาตุชาติ .. จึงภาษพร่ำ- พร้องปรารมภ์รำบายด้วยหมายทำ- นุใจสัมผัสคุณค่า .. วรรณาเทอญ https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=12-2010&date=28&group=2&gblog=87 (https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=12-2010&date=28&group=2&gblog=87) |