หัวข้อ: O ปริภาษวาจก O เริ่มหัวข้อโดย: สดายุ ที่ 05 กันยายน 2018, 06:42:PM O นามธรรม - หลอน...! O (https://www.bloggang.com/data/s/sdayoo/picture/1406209101.jpg) O อารามอร่ามเรื้อง - - - องค์พระ กรรมพิธีวาทะ - - - ท่วมท้น สนทนาวิสาสะ - - - เสนาะอยู่ พ่อเอย ตาบอดคลำช้างด้น - - - ดุ่มหน้าสาธยาย ฯ . O เสียงบาลีเจื้อยแจ้ว .. ยังแว่วอยู่- กล่อมใจผู้หลงโลก .. ทอนโศก-สลาย ไพเราะความนัยคำท่านรำบาย- เพื่อปัดป่ายทุกข์ร้อนให้ผ่อนแรง O โอภาสแห่งดวงวันในชั้นฟ้า ฤๅ-ช่วงกว่าธรรมพากย์ .. ท่านฝากแฝง เมื่อแววตารื้นน้ำ .. คล้ายสำแดง- ความซาบซึ้งเติมแต่ง .. ลงแฝงรอย ? O ทองอร่ามองค์พระ .. ราวจะเตือน- ความเลอะเลือนแห่งธรรม .. ผ่านคำ-ถ้อย ดูเถิด .. แววตากระพริบนั้น-ปริบปรอย- คล้ายเลื่อนลอยว่างเปล่า .. คล้ายเข้าใจ ? O กลางโบสถ์หม่นมืดครึ้ม .. เสียงงึมงำ- ก็ถูกคำคอยฉุด .. เกินหยุดไหว เอ่ยเสียงตามเสียงอยู่ .. เหมือนรู้นัย- ธรรมนั้น .. เอาโลมไล้หัวใจตน O ครั้งเมื่อท่านละทิ้ง .. ทุกสิ่งนั่น พรากฐานันดรศักดิ์จนหักป่น ย่อมเพื่อความอัตคัด .. ในบัดดล ใช่เพื่อขวนขวายสร้างแต่อย่างใด ! O มองดูเถิดรอยทาง .. ท่านย่างเหยียบ แล้วลองเปรียบเทียบย่าง .. ทุกย่างให้- เห็นถึงความล้าเลื่อน .. บิดเบือนไป- จากแนวทางวางไว้ .. ของนัยพุทธ O โอ นั่นยอดช่อฟ้า .. เฟื้อยฝ่าสวรรค์ จากมิจฉาเผ่าพันธุ์ช่วยกันฉุด กระเบื้องแดงเขียวห่ม .. ด้วยสมมุติ ต้านแสงวันดวงพิสุทธิ์ .. เพื่อหยุดร้อน O ร้อนโอภาสดวงวัน .. แห่งวันนี้ จากรังสีทอดสู่ไม่รู้ผ่อน ลมรื่นเย็นวาดวี .. ผ้าจีวร- ฤๅ-อาจย้อนผ่านรื่นล้อมผืนใจ ? O โอ รอยยิ้มแย้มอยู่ .. ท่านผู้ขอ- เหมือนอยู่รอวัตถุธรรม .. ชี้นำให้- ยกขึ้นประดับประดา .. เพื่อว่าใคร- มองเห็นแล้วแจ่มใสแก่นัยน์ตา O ครั้งเมื่อท่านละทิ้งทุกสิ่งนั่น พรากฐานันดรศักดิ์อันหนักค่า ก็เพื่อล่มภพชาติ .. จึงยาตรา- เข้าห้ำหั่นอัตตา .. ให้ล้าตัว O หากตรงหน้าเห็นหมู่ .. ท่านผู้ขอ- เหมือนอยู่รอป่ายแต้ม .. รอยแย้มหัว ให้ตัวตนทั้งนั้น .. คอยสั่นรัว- เข้าเกลือกกลั้วโลกธรรม .. อยู่ค่ำเช้า O ใช่แน่หรือ .. พรหมจรรย์ทางบั่นทอน- ความอาดูรเร่าร้อน .. ทุกข์ก่อนเก่า เห็นแม่ปูเดินส่าย .. คล้ายคล้ายเมา- หะการณ์แห่งรูปเงา .. ทุกก้าวเดิน O ทิวแถวท่านผู้ขอ .. เคลื่อน .. รอ .. หยุด แบกนัยพุทธสาธก .. อยู่งกเงิ่น วิญญาณพราหมณ์เคลือบคำ .. ก็จำเริญ- ขึ้นหยอกเอินปรารถนาในอารมณ์ O จึงเห็นความเลอะเลือน .. นั้นเกลื่อนนัยน์- ตาซื่อใสสำหรับ .. เพื่อขับข่ม- สัมมาการณ์สุจริตให้ติดตม กลางห้วงหล่มถ้อยคำ .. ธารน้ำลาย O เหนี่ยวสวรรค์ .. ดึงนรก .. ขึ้นปกป้อง- ตรรกะของเดียรถีย์ .. เป็นที่หมาย จึงล่มล้าง .. โลกพิสัยที่ในกาย- แล้วเวียนว่ายวงวัฏฏ์ .. ในบัดดล O มืดจริงหนอ .. ในวันที่พันแสง- แม้นผ่านแรงร้อนช่วงโลมห้วงหน ยังไม่อาจผ่านต้อง .. ตาของคน- ที่มืดมัวหมองหม่น .. คลุมบนแวว O โอ คล้ายเสียงในหัว .. ค่อยรัวดัง เหมือนระฆังกังวานเสียงหวานแว่ว พร้อมโอภาสพันแสง .. แต้มแต่งแนว ล้อมทิวแถวผู้ขอ .. อย่างรอรี ! O แว่ว-คล้ายเสียงสั่นรัว .. ใจตัวเอง ชวนพิศเพ่งเปล่งปลั่งแสงรังสี ผู้ห่มจีวรเหลือง .. ท่านเยื้องลี- ลาศฝ่าความเป็นมี .. สู่ที่ใด ? https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=06-2010&date=14&group=41&gblog=8 (https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=06-2010&date=14&group=41&gblog=8) หัวข้อ: Re: O นามธรรม - หลอน...! O เริ่มหัวข้อโดย: สดายุ ที่ 10 กันยายน 2018, 07:03:PM O ลมยามเช้า....O (https://www.bloggang.com/data/s/sdayoo/picture/1536580860.jpg) O คือลมอันเหน็บหนาวแห่งเช้าตรู่ พลิ้วผ่านอยู่ยั่วหยอกม่านหมอกขาว เม็ดน้ำค้างดารดาษวางหยาดพราว เกลื่อนอยู่ราวเพชรรุ้งบนรุ่งวัน O พลิ้วรอบร่ำผ่านหมอกโลมดอกไม้ วูบฝ่าไอหมอกเช้า, ความหนาวสั่น- ก็-โอบรัดร่างไว้กลางไพรวัลย์ พารูปฝันในอก..ขึ้นยกตัว O คือฝันในคืนมืด..อันยืดยาว ทั้งร้อนหนาวเย็นยะเยือก..รอเกลือกกลั้ว เหตุและผลสืบมา..นั้น-พร่ามัว เอาหยอกยั่วเดียงสา-ให้ปรารมภ์ O แต่ละรอบราวเรื่องที่เบื้องหน้า พจน์, พรรณนา-ผ่านรู้..เข้าสู่สม ภาพเขาสร้างงามล้ำ, ถ้อยคำคม- ก็ห้อมห่มปัญญาจนล้าแรง O เก็บรับโดยเดียงสา..อันล้าเลื่อน ความเขาเปื้อนนัยป้ายรำบายแฝง ความเป็น..มี..เก็บงำ..รอสำแดง ค่อยเติมแต่งม่านมัวสุมตัวตน O ซึมซับพากย์, ถ้อย, รูป-คอยวูบเร้า แทรกรูปเขลาฝากแฝงทุกแห่งหน โอ - วงรอบภาพพจน์กำหนดคน พาวก-วนเวียนอยู่ไม่รู้วาง O เมื่อดวงวันลอยดวงโชนช่วงแสง จึง-กำแหงอวดโอ่..ค่อยโผล่หาง อยู่กับความสับสนในหนทาง โอบความอ้างว้างแอบอยู่แนบกาย O ดุ่มเดินเข้าตอบรับความอับจน ด้วย-หัวใจสับสนเที่ยววนว่าย อยู่ท่ามกลางโลกธรรม-ล้อมรำบาย ตอบความหมายด้านในหัวใจตน O หมอกขุ่นขาวลอยแซม..ลงแต้มภาพ จนกำซาบ..รื่น-สุข..ไปทุกหน ใบไม้พลิกร่อนวาง, ใจบางคน- ยังคงอลวนอยู่ไม่รู้วาง O โดยภาพและโดยพจน์..คือบทบาท ความเป็นชาติภพเปลี่ยน-เฝ้าเวียนสร้าง สายลมหวนระลอก, ม่านหมอกพราง- เช่นน้ำค้างคล้อยเคลื่อนจนเลือนลับ O มัวหม่นก็ว่างามไปตามเห็น มี..อยู่..เป็น..แทรกซ้ำเป็นลำดับ คุณค่าอันดีงามก็ตามรับ ส่วนเลวทรามก็จู่จับเกินนับทัน O ภาพมัวยังมองเห็นอยู่เช่นเดิม หากคอยเพิ่มพูนอยู่ เกินรู้กั้น ม่านขาวขุ่นพร่าไหวเหมือนไฟควัน ลมผ่านก็ฉับพลัน..สูญสิ้นรอย O รำร่ายในปรารมภ์ล้อลมร่ำ สับสนในพฤติกรรม, ความต่ำต้อย- ก็ร่ายรำแฝงฝ่า..แววตา-คอย เพียงแววความเลื่อนลอย ที่คอยรอ O บอกโลก, ชน เบื้องหน้าผ่านท่าที- ของความดี, ความรู้..เอาชูล่อ สุมซ้อนอยู่เต็มหัว..จนตัวงอ- นั้น-มากพอกอบกินแทนข้าวปลา O ลมเช้าพอเข้าสายก็คลายหนาว เหลือเพียงทรวงร้อนผ่าว..ยังก้าวหา เหยียบย่ำโลกทั้งผองผ่านสองตา ด้วยรู้ว่าทางยาว..รอก้าวเดิน O ลมเช้าโผผ่านล่วงฝ่าช่วงแดด ที่คอยแวดล้อมกาลอยู่นานเนิ่น รับรู้ว่ามืดดำ..ยังดำเนิน- รอบ-จำเริญรุมเร้า..ใต้เงาวัน O ลมสายผ่านอบอุ่น..ลงหนุนเสริม ใจเคลิบเคลิ้มอ่อนโยน..เฝ้าโชน-ฝัน โลกหล้าใต้ฝ่าเท้า..เหมือนเมามัน- เลื่อนแล่นรับรองขวัญ..อยู่อลเวง O หอมหวานกรองกลิ่นฉม, สายลมร่ำ- ล้อมโลกต่ำคอยฉุดให้รุดเร่ง ไร้สิ้นม่านหมอกมัว, ยังกลัวเกรง- ดวงวันเปล่งปลาบแสงเข้าแยงตา O ใบไม้ปลิดปลิว..พลิกพลิ้วหล่น ต้องลมวนลอยล้อ..อยู่ต่อหน้า คือภาพและคือบทกำหนดมา เพื่อรอฝ่าเท้าต่ำ..เหยียบย่ำลง https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=sdayoo&month=17-04-2011&group=41&gblog=25 (https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=sdayoo&month=17-04-2011&group=41&gblog=25) หัวข้อ: Re: O นามธรรม - หลอน...! O เริ่มหัวข้อโดย: สดายุ ที่ 22 กันยายน 2018, 10:54:AM O ความเปลี่ยนแปลง .. O (https://www.bloggang.com/data/s/sdayoo/picture/1342538038.jpg) -1- O ลับเลือนดวงศศิน .. นกบินว่อน ลมเหนื่อยอ่อนโรยตัวหยอกยั่วสมัย หมอกหม่นคลุมแผ่นน้ำ อยู่รำไร เมื่อแผ่นผืนกว้างไกล .. เริ่มไหวตัว O ลมแรกวันโชยเอื่อยอย่างเหนื่อยอ่อน พร้อมหมอกอ้อนออดบน .. ความหม่นหลัว แสงรุ่งสางทอดตน .. ลบหม่นมัว โลมแผ่นน้ำหยอกยั่วอยู่ในที O ย่อมเป็นริ้วลมรื่นฝ่าคืนค่ำ พาเย็นฉ่ำล้อมแหล่ง .. รับแสงสี ยอปีกนกเหยียดรับ .. กระหยับ-วี- วาดขึ้นฟ้าจรลี .. สืบชีวิน O แว่วเสียงให้รับรู้ .. เพียงครู่เดียว- เสียงกรูเกรียวถ้วนสรรพก็ลับสิ้น หมอกขาวขุ่นชื้นชุ่ม ที่คลุมดิน- ก็ล่มลาญจากถิ่นจนสิ้นรอย O เริ่มดอกมาลย์เชิดช่อ ร่ำรออ้อน- ให้ภู่ผึ้งแทรกซอน .. เกสร-สร้อย อบร่ำหอมเคล้าคลอเพื่อรอคอย- หวานจักย้อยกลิ่นรส .. ให้ทดลอง O พอแผ่นพื้นเรียบกว้างที่ข้างหน้า- ต้องลมถาโถมใส่จนไหลล่อง เลื่อนระลอกโลดเต้นจนเป็นฟอง แดดเรื่อส่องก็ปรากฎเมฆบดบัง ! -2- O จาก-แรกเช้า .. นกร้องฟ้าผ่องใส จน-เมฆไหลเกลื่อนกลุ้ม .. ลมคลุ้มคลั่ง เสียงอึงอื้อเกรียวกรู .. หวิว - วู่ .. ดัง- แข่งคลื่นน้ำฟาดฝั่ง อยู่โครมครืน O พอแรงลมโถมถาเข้ามาเพิ่ม แผ่นน้ำก็กระเหิมกระหึ่มคลื่น กระเพื่อมผิวม้วนตระหลบลงกลบกลืน- แตกฟองฟื้นตื่นฝนอยู่ .. อลเวง O ลมกวนคลื่นน้ำขุ่นเคล้าฝุ่นฝน เมื่อไฟบนฟ้าปลาบแสงวาบเปล่ง- ก่อนเฟื้อยเส้นฟาดพื้น อยู่ครื้นเครง แสงรุดเร่งแห่งวิชชุ .. ก็คุโชน O โลกทั้งโลกก็ตื่นรับคลื่นเสียง- ไม้ลู่เอียงด้วยลมก่อนล้ม .. โค่น สายน้ำเคยออดอ้อนอย่างอ่อนโยน- บัดนี้โตนตบฝั่ง .. เสียงดังนัก O ปลดปล่อยความเกรียมกร้าน .. ชะลานดิน อวลไอกลิ่นเถื่อนหอม .. เข้า-ล้อมกัก ลมคร่ำครวญตระหลบตอนไม่ผ่อนพัก เมื่อไร้รุ้งทอถักบนโค้งฟ้า O ร้อนแดดแม้นแผดผ่านมานานคาบ โลกที่ซาบซับร้อน .. กลับร้อนกว่า เฝ้ารอฝนโซมทรามให้งามตา จวบเบื้องหน้าเมฆฝน .. เห็น – หม่นครึ้ม O เมื่อสองเท้าเหยียบย่ำบนน้ำเจิ่ง ไฟโลดเหลิงก็เริ่มเริ่มกระเหิมหึ่ม เฟื้อยเส้นเข้าฟาดตีเมฆสีทึม ขับความอึมครึมปวงจนล่วงลับ O อีกไม่นาน .. คลื่นน้ำจะลามจบ ร่วมสายลมสมทบตระหลบกลับ เลื่อนเมฆหม่นบังแสง .. จวบแรงระยับ- ยอมล่มลาญดวงดับ .. ไม่กลับย้อน ! O จบสิ้นความเรื่อเรื้องที่เบื้องหน้า ที่แสงฟ้าแผดเผามาเก่าก่อน บัดนี้เมฆทึมทาเหมือนอาทร- บัง-แผดร้อนเผาผลาญ .. ที่ลานดิน O คลื่นน้ำก็ล้อมเทเข้าเห่กล่อม ทุกย่านหย่อมเรียวหญ้าทั่วหน้า - สิ้น ฝุ่นฝนก็ปร่าโปรย .. ลมโรยริน ชุ่มโลกกรรโชกถิ่นให้ยินดี O ร้อนแดดนั้นเผาผลาญมานานนัก ทั้งล้อมกักเร้ารุกไปทุกที่ ตราบลม, น้ำ - เลื่อนลำเข้าย่ำยี แผ่นดินที่แผดร้อนก็ผ่อนแรง O แทน-ร้อนรุ่มเผาผลาญมานานวัน ด้วยครืนครั่นเลื้อยเต้นของเส้นแสง วาบ-วกฉวัดเฉวียน เพื่อเปลี่ยนแปลง- ร้อนที่แฝงฝากดินให้สิ้นรอย ! -3- O เริ่มคาบยาม-รำร่ายของสายน้ำ ที่จะพลิกพื้นคว่ำความต่ำต้อย ผิวจะโตนตอบลมที่พรมคอย เป็นฝุ่นฝอยลอยคว้างอยู่กลางลม O รอ-ลมลูบโลมชะ .. จังหวะคลื่น- เพื่อโตนตื่น-ขึ้นตะล่อมเข้าล้อมห่ม- ทั้งพรรณหญ้าพื้นถิ่น ทั้งดินตม รอ-คลื่นถมแรงโถมเข้าโซมร้อน O บทเพลงปะเลงร่ำผ่านค่ำคืน- ย่อมไร้เสียงโอดอื้นเช่นคืนก่อน แฝงสายลมเย็นฉ่ำ-จากอัมพร- ว่าช่วงตอนร้อนร้ายเริ่มคลายตัว O ชุ่มดินด้วยชื่นฉ่ำแห่งน้ำหลาก- จวบสองฟากฝั่งน้ำ รื่นล้ำทั่ว ทุกอณูฉ่ำเย็น .. นั้น-เต้นรัว รอเกลือกกลั้วโซมสิ้นจิตวิญญาณ O โลกจะพลิกฟื้นด้านสู่ด้านใหม่ ที่ดวงไฟดวงเก่าหยุดเผาผลาญ ลมจะร่ำโรยระลอกโลมดอกมาลย์ ผึ้งภู่จะเบิกบานกับหวานรส O ยอดหญ้าจะริกระรี้อ้อน- ให้ลมซอนแทรกเรียวอันเขียวสด ทั้งรูปก้านกิ่งกระโดงจะโค้งคด- ด้วยคลื่นลดเลี้ยวแล่นบนแผ่นน้ำ O หงิกงอเลื่อนลามไปตามคลื่น ด้วยสุดขืนขัดลมที่พรมต่ำ ริ้วคลื่นและริ้วลมแห่งคมคำ- ล้วนต่างร่ำร้องรับสภาพการณ์ ! -4- O มองเห็นไหม – หมอกควันแห่งวันเก่า ที่แสบร้อนรุมเร้าคอยเผาผลาญ อวลกลิ่นให้เสพรับอยู่นับนาน กดวิญญาณยินยอมให้จ่อมจม O ตราบ-เมฆครึ้มทึมทาที่ฟ้าบน พร้อมไฟวนวาบรับร่วมขับข่ม ลมตระหลบสรรพโลก .. ผู้โศกซม และน้ำถมโถมล้อมมาพร้อมกัน O ร้อนก็ย่อมลาญแรงจากแหล่งโลก เปลี่ยนสร้อยโศกเข็ญขุกเป็นสุขสันต์ จน-เมฆหม่นแผ่ช่วงบังดวงวัน ก็เมื่อนั้นโลกต่ำ..ล้วนฉ่ำเย็น O เมื่อปีกนกว่อนฟ้าเพ-ลาค่ำ สุขจะคร่ำครวญสู่ให้รู้เห็น แผ่นผืนอุทกธารจะซ่านกระเซ็น ร่ำ-ลาความลำเค็ญ .. ที่เร้นรอย ! -5- O เห็นปีกนกคล่ำคลา เพ-ลาค่ำ พร้อมลมร่ำสายโบกลบโศกสร้อย ในแววตาพราวกระพริบ .. ก็ปริบปรอย- คล้ายเฝ้าคอยสางรุ่ง .. ของพรุ่งนี้ ! https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=07-2012&date=17&group=41&gblog=39 (https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=07-2012&date=17&group=41&gblog=39) หัวข้อ: Re: O ปริภาษวาจก O เริ่มหัวข้อโดย: สดายุ ที่ 01 ตุลาคม 2018, 08:13:AM O เมื่อปีกผีเสื้อกระหยับ .. O (https://www.bloggang.com/data/s/sdayoo/picture/1474376970.jpg) O ปีกผีเสื้อกระหยับลายเมื่อบ่ายคล้อย ข่าวแสร้งปล่อยบิดเบือนก็เลื่อนไหล ขณะลมแผ่วพลิ้ว, ลายริ้วไกว ถ้อยสาไถยก็ประดัง .. ขรม-ทั้งเมือง O เพียงใบไม้ลับล่ม .. กับลมอุ่น ทั้งอำนาจเงินทุนก็หนุนเนื่อง ริษยาคุกรุ่นพาขุ่นเคือง- ร่วมปลดเปลื้องปลงหวังลงทั้งเป็น O กระเพื่อมพลิกพลิ้วใบกลางไอแดด ร้อนที่แผดเผาต้องก็มองเห็น ร่มเงาแผ่-รื่นล้ำ, ร้อนลำเค็ญ- ระริกภาพไหวเต้นอยู่ตำตา O ผลจากเหตุ .. เวทนาความสามารถ- ที่การวาดเรียวลิ้น .. นั้น-สิ้นท่า ความยากจน, ทุกข์เข็ญที่เป็นมา ยังอยู่คาค้ำเมือง-ฟ้องเรื่องราว O วิสัยทัศน์ชั้นหาง .. กั้นขวางอยู่ บอกทุกผู้รู้ทางก่อนย่างก้าว เส้นคดเคี้ยวเลี้ยวลอดที่ทอดยาว- ต้องว่าตรงทุกคราวที่ก้าวเดิน O โอ .. โวหารภาพพจน์กำหนดรูป- กลางกลิ่นธูปม่านควัน, ความ-สรรเสริญ- ก็แว่ว-เสียง, บทกรรม .. ขึ้นก้ำเกิน- ความตื้นเขินตรรกพิสัยที่ในตน O วิสัยทัศน์ชั้นหางกั้นขวางเมือง ก่อความเชื่อความเชื่องเป็นเบื้องต้น จับจูงความคิดเห็นความเป็นคน ให้วกวนเวียนฝ่าศรัทธาเดียว O จึงเห็นปีกผีเสื้อกระหยับกระพือ เพื่อบรรลือปฏิพากย์ให้กรากเชี่ยว ท่ามกลางลมแผ่วพลิ้ว-เห็นนิ้วเรียว- กุมกอดเปลี่ยวเปล่าอยู่ไม่รู้วาง O ใต้แสงวันผ่านพลอด .. ลงทอดทับ ปีกกระหยับกระพือโบกอวดโลกกว้าง ยังบินวกเวียนวนในหนทาง และปีกบางยังกระพืออย่างถือดี ! O โอ .. โวหารภาพพจน์กำหนดรูป- ควันเทียนธูปพรางตา, ม่านราศี- ก็แผ่ผ่านมารยาเป็นวาที- ขึ้นชูชี้อติพจน์กำหนดตน O ความชำนิชำนาญบรรสารสร้าง อวด, แอบอ้างคุณค่าโกลาหล ปิดปากที่ปลอบปลุกความทุกข์ทน- อันลุกโหมลวกลนอยู่บนใจ O เรียวลิ้นแลบปลายตวัดฉวัดเฉวียน เพรียกทาสเธียรรับค่าคำปราศรัย เพื่อโลกรู้สืบสาวความยาวไกล- ของพิสัยกระบวนทัศน์การจัดทำ O มองจากผล-โลกดู .. ก็รู้เหตุ ทั้งรู้เลศนัยของความพร้องพร่ำ สามารถแห่งปากคอหรือพอนำ- ชาติให้ล้ำเลยเขา .. หรือเท่าเทียม ? O มองจากผล – ปัญญาความสามารถ- ไม่เก่งกาจเหมือนถ้อยที่คอยเสี้ยม การเร้นแฝงวาระที่ตระเตรียม- ก็ห่ามเหี้ยมให้เห็นทุกเส้นทาง O ปีกผีเสื้อกระหยับลายที่ปลายช่วง ความเขาบวงแว่วปลุกไปทุกย่าง เดือนพรากพลบมืดดำก็อำพราง- การยกวางรอยก้าว – ทุกก้าวเดิน O แว่วความคำเนรมิตนั้นติดปาก ร่วมแบกลากสาธกกันงกเงิ่น ในความเห็น, โมหะกรรมก็จำเริญ- ความตื้นเขินในรสแห่งพจนา O ใต้แสงเดือนแสงดาวพร่างพราวอยู่ ความสื่อสู่, รสลิ้นเหมือนสิ้นท่า หม่นทั่วยังว่าแสงย้อนแยงตา ปีกลวดลายจะโบกฝ่า .. ทั้งราตรี ? https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=09-2016&date=20&group=41&gblog=58 (https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=09-2016&date=20&group=41&gblog=58) หัวข้อ: Re: O ปริภาษวาจก O เริ่มหัวข้อโดย: สดายุ ที่ 04 ตุลาคม 2018, 06:44:AM O ลมหายใจ .. แห่งอำนาจนิยม .. O (https://www.bloggang.com/data/s/sdayoo/picture/1383718882.jpg) O ลมหายใจแห่งอำนาจนิยม พลิ้วผ่านทุกปรารมภ์เกินข่มขับ แนบอยู่ในสำนึกอย่างลึกลับ ทั้งตื่นหลับเหนื่อยอ่อนเกินซ่อนไว้ O รูปนาม, ความโดดเดี่ยว, ความเปลี่ยวเปล่า แทรกความเหงาเงียบรุมลงสุมใส่ ภาพวันวาน-แววตาแสนอาลัย ค่อยค่อยไหวเวียนวก .. ในอกคน O รูปนาม, ปวงความคิด, ความบิดเบือน- จึงแล่นเลื่อนล้อมแหล่งทุกแห่งหน ลมหายใจเหนื่อยอ่อนเคยร้อนรน- ยังอุ่นล้นด้วยเลศแห่งเพทนา O ถูก, ผิด .. ตลอดสายจวบปลายยุค คงเคล้า-คลุก .. ครอบเมืองอยู่เบื้องหน้า ด้วยอัตตายึดมั่นคอยบัญชา อยู่คอยท้าทายสมัย .. เหมือนไฟฟอน O ถูก, ผิด .. ตลอดสายจวบปลายวัย ถ้วนเลศนัย-ยังเห็นเกินเร้นซ่อน ทั้งโวหารภาพพจน์ทุกบทตอน ยังสะท้อนธาตุแท้เกินแก้ .. คลาย O ลมหายใจเหนื่อยอ่อนแม้นอ่อนล้า หากแววตาทั้งดวงยังช่วงฉาย มองโลกในเบื้องหน้าอย่างท้าทาย เย้ย-แดดสายโลมไล้อยู่ในวัน O สายลมแสนอบอุ่นยังหมุนรอบ เข้าปลุกปลอบความหวังให้ตั้งมั่น นกร้อง, คลื่นลมร่ำ, ความรำพัน- เพรียกความฝันทุกบท .. เป็นบทเดียว ! O เกิดขึ้น, สำหรับ เพื่อดับไป เยี่ยงต้นน้ำจากไพรอันไหลเชี่ยว ถึงที่ราบ-ทั้งสายย่อมคลายเกลียว- การยึดเหนี่ยว-รวมอณู .. ย่อมรู้เลือน O เกิดขึ้น, ตั้งอยู่ ย่อมรู้ดับ แม้นหมื่นแสนสับปลับจะขับเคลื่อน- เข้าต่อต้านด้วยฤทธิ์ความบิดเบือน การแล่นเลื่อนภพชาติ ฤาอาจยั้ง ? O โอ .. คำ, ความฉกฉวย .. ร่วมอวย - แว่ว งามผ่องแผ้วแห่งสุคนธ์ .. จึงล้นหลั่ง- คันธารสหวานล้ำ-เร่งกำลัง แทรกแฝง-ฝัง .. รมย์รื่นให้ตื่นตัว O ลมหายใจเหนื่อยอ่อน .. ยังอ่อนล้า หากเบื้องหน้ายามนั้น .. เงียบงัน-ทั่ว สดใสทั้งฟ้าบนเคยหม่นมัว เปลี่ยน-เพียงชั่วน้ำระยับพลิ้วกับลม O สายลมแสนอบอุ่น .. ยังหนุนเนื่อง บรรดาเรื่องถ้วนสรรพยังทับถม สายน้ำยังไหลบ่า, ถ้วนปรารมภ์- กลับค่อยล่มเลือนลับ .. อยู่กับกาล O โอ .. คำ, ความร่วมช่วย .. ยังอวย - แจ้ว ลมยังแผ่ว .. ยังพลิ้วเป็นริ้วผ่าน- โลมไล้รูปอาชญาบรรณาการ- ประดิษฐานดีชั่ว .. ขึ้นยั่วเย้ย ! https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=11-2013&date=06&group=41&gblog=49 (https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=11-2013&date=06&group=41&gblog=49) หัวข้อ: Re: O ปริภาษวาจก O เริ่มหัวข้อโดย: สดายุ ที่ 11 พฤศจิกายน 2018, 08:28:AM O โอ - อึกทึก .. ! O (https://www.bloggang.com/data/s/sdayoo/picture/1369228666.jpg) -1- O อึกทึกความเป็นมีในที่นั้น ผูกเป็นพันธะให้คนได้เห็น เผยบทบาทโหมเร้าอยู่เช้าเย็น สร้างเรื่องราวโลดเต้นไม่เว้นวัน O ดิ้นรนขวนขวาย .. เช้า-สาย-เที่ยง เพื่อบ่ายเบี่ยงถูกผิดให้บิดผัน วาทกรรมกล่อม"เขลา" .. แว่ว, เมามัน- ที่เชื่อเชื่องฝูงนั้น .. หมอบ-วันทนา -2- O โอ-นั่น-ภาพพจน์ .. การมดเท็จ ค่อยสร้างกรวดเป็นเพชร .. สำเร็จค่า ชั่วเพียงการจับจ้องด้วยสองตา- กลับเห็นภาพเบื้องหน้า .. นั้น-พร่ามัว O แม้ดวงวันปลงเปลื้อง - รุ่งเรื้อง-ผ่าน กลับเหมือนม่านห่าฝนอันหม่นหลัว ลงปกคลุมแสงวันให้ผันตัว เก็บโอภาส-เกลือกกลั้วด้วยราตรี O มืดคลุ้ม-คลุมหาวแต่คราวนั้น สิ้นดาวจันทร์จำรูญ-ในพู้นที่ แต่ละครั้งลมโกรก .. เข้าโยกตี ก็ทุกทีไม้แกว่งด้วยแรงลม O สายฟ้าเฟื้อยวาบเคล้า .. เมฆเทาทึม ลมก็ฮึมถั่งโถม-แรงโหม-ห่ม- กดกิ่งก้านคู้ค้อมลงจ่อมจม กับเรี่ยวแรงพัดพรมของลมเลี้ยว O หลากไม้ยืนต้นอยู่ .. ไม่รู้ค้อม ลงนอบน้อมรับข่ม-จากลมเกรี้ยว แผ่กิ่งก้านปัดป่ายอยู่ดายเดียว ในค่ำเปลี่ยวเปล่าหมองครึ้มครองแดน -3- O แว่ว-นั่น-ล้วนภาพพจน์ .. แห่งบทบาท- ของข้าทาสหมู่เขลา .. ผู้เฝ้าแหน นกขมิ้นร้องร่ำ .. ยูงรำแพน- เหยียดขน .. แอ่น-อกร้องเสียงก้องไกล O โอ-งามเคยงดงามอยู่ท่ามกลาง- ขนปีก, หาง-แดดจับ .. แววขับไข- ลายขาบเขียวแผ่วงกลางพงไพร บัดนี้เหลืองามใด .. รอให้มอง O โอ-งามเคยงดงามมาทรามสิ้น จากเพชรนิลน้ำระยับให้จับจ้อง เหลือเพียงเม็ดกรวดทราย .. ให้ปรายมอง รอ-หมู่ผองตีนต่ำ .. เขาย่ำเย้ย O แว่วนั้น-ล้วนโป้ปด-ความมดเท็จ ยังไม่เสร็จแต่งสร้างรีบวางเผย โอหนอ-สุจริตหวังชิดเชย กลับล่วงเลยคุณค่า ต่อตานี้ O สิ้นดวงวันปรุงเปลื้องแสงเรื้องรุ้ง พร้อมขอบคุ้งโค้งฟ้า .. เสื่อมราศี คือใจคนแฝงเร้นความเป็น .. มี เพื่อเขียนรอยวาดสี .. แต้มลีลา O สิ้นแล้ว-เกณฑ์กรอบความชอบธรรม จะหนุนค้ำเรื่องราวข้อกล่าวหา ฝุ่นฝนมัวคลุ้มครึ้ม-เมฆทึมทา จำต้องลาลับช่วง .. แสงดวงวัน O เมื่อแสงริบหรี่ลงไม่คงเดิม จากควรเพิ่มพูนแรง .. แต้มแต่งสวรรค์ ด้วยเมฆทึมทอดทับ .. ในฉับพลัน- การปิดกั้น .. ก็ลับสิ้นจากดินแดน -4- O อึกทึกความเป็นมีในที่นั้น ผูกเป็นพันธะลวงให้หวงแหน ปลุกเร้าจิตทุรชาติผู้ขาดแคลน- เฝ้า-รำแพนแฉกหางเอาอย่างยูง O อึกทึกความเป็นมีในที่นั้น ล้วนคำมั่นสัญญาของจ่าฝูง และเชือกยาวสำหรับ .. ไว้จับจูง- ผูกล่ามทั้งต่ำสูง .. รวมฝูงเดิน O เห็นความเป็นความมี .. ในที่นั้น รวบรวมฝันซุกอก .. อยู่งกเงิ่น ภาพหัวหูค้อมต่ำ .. ยังดำเนิน- อวด-จำเริญแห่งจริต .. ที่บิดเบือน -5- O แรง-บ่ายเบี่ยงถูกผิดให้บิดเบี้ยว ย่อม-กรากเชี่ยว, เป็นสายลงป่ายเปื้อน- จิตผู้ตาปริบปรอย - เพื่อคอยเตือน- ว่า-ทุกการขยับเขยื้อน - ต้องเหมือนกัน ! https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=05-2013&date=22&group=41&gblog=44&fbclid=IwAR1GfNZagRWWtGerkFsBddnJY1gdTXG1c_diangUaTCBYuRSG64_ox6bhcg (https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=05-2013&date=22&group=41&gblog=44&fbclid=IwAR1GfNZagRWWtGerkFsBddnJY1gdTXG1c_diangUaTCBYuRSG64_ox6bhcg) หัวข้อ: Re: O ปริภาษวาจก O เริ่มหัวข้อโดย: สดายุ ที่ 29 มีนาคม 2019, 10:10:AM O ศพชาย .. ที่ปลายวัย O (https://www.bloggang.com/data/s/sdayoo/picture/1520403159.jpg) O วาทกรรมรำบายเมื่อบ่ายคล้อย แว่ว-ล่องลอยลามรุก .. ครอบยุคสมัย กล่อมชาติพันธุสยาม .. ถึงความนัย- ทัศนะอัตวิสัย – แห่งใครนั้น O คลื่นลมร้อนพลิ้วผ่านฝ่าลานเมือง ผ่านต่อเนื่องล้อมใจจนไหวสั่น ที่การศึกครึกโครม .. เขาโรมรัน เพื่อพลิกผันเปลี่ยนม้า .. กลางนาคร O จากแรกเช้าเข้าสายจนบ่ายค่ำ จิตสูงต่ำถ่ายทอดความ-ขอดค่อน แทรกขุนทองเจื้อยแจ้ว .. เสียงแว่ววอน- ดัง-สะท้อน .. ก้าวย่างที่ต่างกัน O มาแล้ว .. เพื่อมาดู .. ให้รู้เห็น การบีบเค้นยุคสมัยด้วยใจมั่น- ไปกับแผนการประณีต-เพื่อกีดกัน- เหนี่ยวรั้งฝันคับแค้น .. ถมแผ่นดิน O เหมือนลมพลิ้วผ่านศัพท์ให้รับรู้ ว่า-รูปเคยเชิดชูต้องรู้สิ้น- ไปตามกฎอนิจจัง, ต้องพังภินท์- พรากเหลือบริ้นเรือดไรเคยไต่ตอม O เกิดขึ้นแล้วตั้งอยู่ .. จนรู้โลก ที่สุขโศกพร้อมสรรพ เฝ้าขับกล่อม ที่ความสัตย์เริ่มแรกถูกแทรกปลอม- ด้วยความเท็จป้ายย้อม .. แวดล้อมใจ O พญาโศกโหยหวนเสียงครวญคร่ำ รับความช้ำความชอก .. ระลอกใหม่ ภาพของเชื้อฟืนรุมเข้าสุมไฟ ซ้อนภาพการลุกไหม้ .. ที่ใจรอ O เศร้าเสียงพญาโศก .. เมื่อโลกต่ำ- มีลมร่ำล้อมสุมาลย์เชิดก้านช่อ การสิ้นสุดขลาดเขลา .. ก็เคล้าคลอ- กรรมบทสืบต่อ .. ที่ก่อตัว O เศร้าเสียงคีตหวีดแว่ว .. ยังแว่วซ้ำ เมื่อเพรงกรรมซ่อนเร้นเริ่มเห็นทั่ว ภาพพฤติ ของคน .. จึงหม่นมัว- กับเพียงชั่วศรัทธา-หล่นคาเท้า ! O พลิ้วแผ่วลมยามบ่าย .. ยังบ่ายโบก ล้อมกรรโชกภาพฝันจากวันเก่า หลุดร่อนความเชื่องเชื่อ .. ไม่เหลือเงา- การคู้เข่าค้อมหัว .. แค่ชั่วคืน ! O ลมบ่ายยังบ่ายโบกบอกโลกสูง ว่า-ถ้วนฝูงตัวงอ .. จักขอขืน- สิทธิ์ที่มีจำกัด .. ขึ้นหยัดยืน- ร่วมฝ่าฝืนยศศักดิ์ .. อีกสักครั้ง ! O แดดบ่ายคล้อยอ้อยอิ่ง ยังทิ้งตัว- ลงเกลือก-กลั้วเหงื่อไคลที่ไหลหลั่ง ภาพ-ปืนลั่นแผดเปรี้ยง - เพรียกเสียงชัง- ซ้อนภาพ-การกลบฝัง .. ทิพทั้งเป็น ! https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=03-2018&date=04&group=212&gblog=11 (https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=03-2018&date=04&group=212&gblog=11) |