หัวข้อ: O แด่ .. อริยะภาวะ .. O เริ่มหัวข้อโดย: สดายุ ที่ 04 กันยายน 2018, 06:52:PM (https://www.bloggang.com/data/s/sdayoo/picture/1372774456.jpg) O แล้วดวงดาวอีกดวงก็ร่วงหล่น ร่วงลงบน .. อนิจจังแห่งสังขาร ให้ผู้คนจดจำเป็นตำนาน- ผู้ล่มลาญวงวัฏฏ์ .. ล้างอัตตา O อีกภาพการหล่นร่วง ..ใต้ดวงสูรย์ เพรียกโอดอื้นอาดูร .. เพียบพูนหน้า ละภาพผ่านเลื่อนลั่นในสัญญา ล้วนคุณค่าแนบในหัวใจชน O สิ้นภพชาติ .. บรรดาเคยปรากฎ เพียงกำสรดโศกปวง ..ค่อยร่วงหล่น- ลงทับถมอาลัย .. ของใจคน- ผู้ยังวนเวียนว่าย .. เมื่อปลายวัน O ภาพรูปองค์บรรทมกลางร่มไม้- พร้อมอาลัยอาดูรเพียบพูนขวัญ- ผู้แวดล้อมโหยไห้กลางไพรวัลย์- ก็ฉับพลัน .. วาบสู่ให้รู้คิด O ว่า .. ย่อมคืออนิจจังแห่งสังขาร ที่ล่มลาญดับล่วง .. พร้อมดวงจิต ตามกฎเกณฑ์ท่วงทีของชีวิต ด้วยเกินบิดเบือนเบี่ยง .. หรือเลี่ยงพ้น O จึง .. ภาพธรรมในกาลเมื่อผ่านช่วง คือภาพยามชีพปวง .. นั้นร่วงป่น ภาพ .. ใบไม้ร่วงตกพลิ้ว .. วก-วน ต่างฤๅภาพตัวตน .. เมื่อหล่นคว้าง ? O ใบไม้หล่นคว้างปลิว .. พลิก .. พลิ้วรูป ลมผ่านวูบ .. เรียวใบร่อนไปห่าง กลางแวดล้อมเปล่าเปลี่ยว .. ในเที่ยวทาง กลาดเกลื่อนใบไม้บาง .. ก็วางตน O กลางรูปธรรมเงียบเหงา .. ความเปล่าเปลี่ยว- ย่อมกรากเชี่ยวกำลัง .. ทุกครั้งหน ใบไม้ร่วงทับถม .. สายลมบน- ก็พาวนเวียนไหวอยู่ในยาม O นั่น .. หล่นพลิ้วพลิกคว้าง .. อีกบางใบ หล่นรูปให้น้อมนำสู่คำถาม ที่ .. รอบกาลโหมรุก .. เข้าคุกคาม ใครเล่าอาจหักห้าม .. ได้ตามใจ O อีกแล้ว-อีกบางใบ .. ร่วงในที่ ด้วยท่วงทีเฉกกัน .. เช่นนั้นได้ อีกหนึ่ง-รอบ .. หล่นคว้าง .. ของบางใบ ทุกหนึ่งนั้น .. เช่นในหัวใจเรา O หล่นรูปร่วงแผ่ราบ .. ระนาบดิน เพื่อยอกลิ่นสร้อยโศก .. สุมโลกเหงา สิ้นสุดปลายเส้นทาง .. เพียงร่างเงา- เหลืออยู่เฝ้าดินต่ำ .. เป็นธรรมดา O หล่นร่วงแห่งดวงแก้ว .. ครั้งแล้ว-เล่า จนความเปล่าเปลี่ยวห้อม .. เข้าล้อมหา นานแค่ไหน-หล่นคว้าง .. อาจร้างลา หรือ-กี่กาละจะพ้น .. การหล่นลง ? O ชั่วเพียงสิ้นโบกบ่ม .. จากลมร่ำ ก็ตอกย้ำ .. ลำดับ .. การรับส่ง มองเห็นไหม .. ช่องว่างที่กลาง-วง หรือมั่นคงก้านขั้ว .. ของตัว-ใบ ? O ฤๅจะยังหล่นคว้าง .. ณ กลางหน ที่ว่างจน .. ลับล่ม .. แรงลมไหว ที่อาจหล่นร่วมวิถี .. จะมีใด ก็เพียงใจ .. ว่าง-วนของตนเอง O พญาโศกคร่ำครวญ .. เสียงหวนไห้ แทนอาลัยเศร้าสร้อยที่ค่อยเบ่ง- บานภาวะสุมสั่ง .. กลางวังเวง เพื่อฉุดเร่งอารมณ์ .. สู่ตรมตรอม O ศัพท์เสียงความคร่ำครวญ .. ก็ล้วนแต่- ตอบรับความผันแปร .. ที่แห่ห้อม กลางสายลมโรยริน .. ผู้ยินยอม- เข้าแวดล้อมอาดูร .. เพียบพูนแล้ว ! O แล้วอีกดาวแสงช่วงกลางห้วงหน- ก็ร่วงหล่นลับล่มกลางลมแผ่ว ตรึงวาท, วัตรผ่องใสอยู่ในแวว- ตาคู่วามผ่องแผ้ว .. ทุกแววตา O ร้างสิ้นโบสถ์เจดีย์ .. ในที่นั้น- จักเสกสรรค์ปั้นแต่งสำแดงค่า ยินแต่ถ้อย .. แห่งธรรมผู้สัมมา- ประพฤติ .. ปฏิปทา .. ค้ำคาใจ O แทนเชิงชั้นงามลออ .. ของช่อฟ้า คือศรัทธาปวงชนค่อยล้นไหล- ลงแวดล้อมกาลลา .. ด้วยอาลัย- ครั้งสมัยรูปขันธ์ .. จักอันตรธาน O ล้วนคือหลักแห่งธรรม .. ชี้นำทาง ให้ยกย่างเหยียบก้าว .. อย่างห้าวหาญ คือองค์ธรรมรั้งฉุด .. แต่พุทธกาล- ฉุดวิญญาณตื่นรู้ .. น้อมสู่ธรรม ! https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=03-2011&date=04&group=41&gblog=21 (https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=03-2011&date=04&group=41&gblog=21) หัวข้อ: Re: O แด่ .. อริยะภาวะ .. O เริ่มหัวข้อโดย: สดายุ ที่ 14 กันยายน 2018, 06:48:PM O แด่..เธอผู้พายเรือ...O (https://www.bloggang.com/data/s/sdayoo/picture/1459342841.jpg) บทนี้เขียนให้กับผู้มี"จิตวิญญาณความเป็นครู"ทุกคน O แว่วยินคลื่นน้ำฟาดเสียงกราดเกรี้ยว กลางค่ำคืนเปล่าเปลี่ยว..กรากเชี่ยวไหล เห็นแผ่นผืนน้ำพลิ้วเป็นริ้วไป ล้อลมไหววาดคลื่นอยู่ครื้นเครง O เกลื่อนฟ้านั้น..จันทร์ดาวแสงพราวพร่าง แสนไกลห่างมีสิทธิ์เพียงพิศเพ่ง เสียงฟองคลื่นโถมถั่ง..ล้อวังเวง แทนพาทย์เพลงกล่อมคืนให้ตื่นตัว O โครมครืนเสียงคลื่นน้ำในค่ำดึก โหมแรงฮึกเหิมบนความหม่นหลัว เรือลำน้อยหนึ่งลำในค่ำมัว คลื่นทิ่มแทงสั่นรัวไปทั่วลำ O ฝ่าไปบนคลื่นน้ำ, เสียงจ้ำพาย- พาเรือว่ายแหวกคลื่นผ่านคืนค่ำ จึงเห็นสองมือเรียว..ถูกเคี่ยวกรำ- กลางสายน้ำวาดพาย..อยู่ท้ายเรือ O เห็นเธอทอดสายตา..มองหาฝั่ง เกลียวคลื่นคลั่งโถมแทง..ก็แรงเหลือ พาย..คัด..วาด..ค้ำ..หนุน..คอยจุนเจือ ด้วยหยาดเหงื่อ..ใจแกร่งสู้แรงน้ำ O วาดลำเรือลอยฝ่า..ถึงท่าเทียบ ก้าวก็เหยียบย่างหาอยู่คลาคล่ำ เท้าคู่น้อยหนีบนอบอยู่รอบลำ รอพายจ้ำจ้วงอยู่เสียงกรูเกรียว O พาเรือน้อยลอยลำ..พายจ้ำจ้วง ผ่านทุกช่วงจังหวะ..น้ำชะเชี่ยว เห็นเธอวาด..พายค้ำ..เรือลำเรียว อยู่กลางสายชลเปลี่ยว..อย่างเดียวดาย O จนเรือโยนลำยก..แล้ววกต่ำ ก่อนวูบด่ำดิ่งไปน่าใจหาย ฝ่าน้ำเชี่ยวคลื่นซัด..มือคัดพาย- อยู่ที่ท้ายเรือนั้นอย่างมั่นคง O มือน้อยน้อยเกาะเกร็ง..ตาเพ่งพิศ มองสู่ทิศสำหรับการรับส่ง มองมือวาดพาย..คัด..ก่อนงัดลง แววตาบ่งบอกรู้..มือ-ผู้ใด O โอ..แววตาวับวาว..แสน-กร้าวแกร่ง รอจ้วงพายทิ่มแทงสู้แรงไหล- อันกรากเชี่ยวของน้ำอยู่ร่ำไป หวังเพียงได้พาคน..ข้ามพ้นน้ำ O งามยิ่งงาม..ก็ระยับอยู่กับโลก ปรุงปรนหอมบ่ายโบกโลมโลกต่ำ เมื่อปรารมภ์งดงาม, ทุกความ..คำ- ย่อมยกงามขึ้นย้ำเป็นธรรมดา O มือเรียววาดพาย-วนกลางชลเปลี่ยว ทุกส่วนเสี้ยวใจรู้..ย่อมรู้ว่า- คลื่นสาดซัดโหมหนัก..กลางมรรคา ต้องหัวใจแกร่งกล้าไม่ล้าโรย O ร่างน้อยน้อยนั่งมองตาจ้อง-เพ่ง ใจคร่ำเคร่งเรี่ยวแรง..ก็แห้งโหย แม้นคลื่นน้ำลมโลก..คอยโบกโบย ผ่านพ้นโดยมือเรียว..คอยเคี่ยวกรำ O ปีแล้ว..และปีเล่า..ที่เจ้าเป็น ฝ่าร้อยเข็ญ..พันโศกแห่งโลกต่ำ ด้วยจิตด้วยสำนึก..งามลึกล้ำ พาย..งัด..ค้ำ..เรือน้อยล่องลอยไป O ละเที่ยวพาย..จ้วงจ้ำ..ฝ่าน้ำเชี่ยว ค่อยค่อยเคี่ยวกรำสอน..อาทรให้- ลูกศิษย์น้อยคล้อยหลัง..สู่ฝั่งไกล ด้วยน้ำใจไหลเชี่ยว..ด้วยเรี่ยวแรง O พายเรือน้อยลอยล่อง..ฝ่าฟองคลื่น เสียงโครมครืนก้องรัว..อยู่ทั่วแหล่ง ด้วยสองมือคัดท้าย-วาดพาย..ทะแยง พาหัวเรือทิ่มแทง..ถ้วนแหล่งน้ำ O คัดท้ายพายเรืออยู่..เพื่อผู้อื่น ฝ่ากระแสลมตื่น..เกลียวคลื่นคร่ำ- ครวญระงมห่มห้อม..อยู่ล้อมลำ- เรือน้อยคอยพลิกคว่ำ..จมลำเรือ O ภาพเด็กน้อยจำพราก..พ้นฟากฝั่ง มือเรียววาดพายยัง..อีกฝั่งเพื่อ – รับส่งอีกทุกรุ่น..ช่วยจุนเจือ- ภาพงดงามให้หลงเหลือ...ในแผ่นดิน..! https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=11-2010&date=05&group=41&gblog=11 (https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=11-2010&date=05&group=41&gblog=11) หัวข้อ: Re: O แด่ .. อริยะภาวะ .. O เริ่มหัวข้อโดย: สดายุ ที่ 18 กันยายน 2018, 12:40:PM O ตรู่เช้าเดือน ๑๒...O (https://www.bloggang.com/data/s/sdayoo/picture/1289439817.jpg) O ตรู่เช้าหนึ่ง แสงแรกซึ่งอ่อนโยนเริ่มโชนฉาย เห็นปีกบางโบกพลิ้ว..อวดริ้วลาย อยู่ทักทายลมหนาวของเช้าวัน O ช่อมาลย์เคยช้อยชู..กลับลู่ล้ม ด้วยแรงลมลูบไล้..จนไหวสั่น- พาน้ำค้างยามเช้าบนเถาวัลย์ เลื่อนลดหลั่นกลิ้งหยด..ลงรดริน O ปีกเบาบางกางร่อนออดอ้อนลม เหมือนจ่อมจมหอมอยู่ไม่รู้สิ้น จึงเห็นปีกเลื่อมลายค่อยบ่ายบิน ให้รสกลิ่นกำจายเข้ารายล้อม O ชื่นลมเช้าอ่อยเอื่อย, ปีกเรื่อยเร่- ก็ร่อนรอลมเท..มาเห่กล่อม แสงแรกวัน, หยาดน้ำ, การด่ำดอม- ก็พรั่งพร้อมให้เห็นความเป็นไป O แผ่วลม..พลิ้วระลอกราวหยอกยั่ว ล้างหมอกมัว..เบิกบททุกบทให้- ค่อยเลื่อนรูปเลาะเลี้ยวผ่านเรียวใบ พร้อมปีกไหวโบกลายกลางสายลม O คอยไหวโบก..บ่ายบินล้อมถิ่นที่ ปีก-วาดวีตอบตื่นรสรื่นฉม เลื่อนล้อมผ่านมาลย์ช่อ..แอบออ..ชม ด้วยสุดข่มขับหอมที่น้อมรับ O รูป-รสหวานรับรู้..เมื่อตรู่สาง ปีกบอบบางกลีบพะยอม..ก็พร้อมสรรพ แสงดวงวันไกลลิบระยิบระยับ การขยับการเขยื้อนก็เลื่อนรอ O กลีบดอกนั้นดอกนี้..ในที่นั้น ค่อยไหวสั่นจนสะท้านทั้งก้านช่อ เกสรรูปกลั่นน้ำ..หวานล้ำพอ การแอบออหวานหอม..ก็ย่อมมี O เลื่อนผ่านช่อบุปผา..เพ-ลานั้น เมื่อแสงวันโลมสิ้นทั่วถิ่นที่ การสมยอมผ่านช่วงเผยท่วงที เมื่อลมวีวาดผ่าน..ช่อมาลย์นั้น O รูปปีกบางกางแผ่อยู่แค่เอื้อม แสงเรื่อเหลื่อมรูปลาย..ก็พรายสั่น ให้มองเห็นภาพงามแห่งยามวัน บรรโลมฝันแฝงเร้นไม่เว้นวาย O ลวดลายปีกคลี่โฉบรอโอบกอด- การพร่ำพลอด..งดงามและความหมาย รสเรณูรื่นฉมเมื่อลมชาย ที่ขวนขวาย..รอหอมหรือยอมร้าง ? O สิ้นแล้วหยดน้ำค้างที่กลางช่อ เหลือแอบออหวานอยู่ไม่รู้ห่าง ลมผ่านไล้แผ่วเบา..ปีกเบาบาง- หรุบรูปค้างคาหอมอย่างยอมตน O ลมโลกคร่ำครวญสายรำบายล้อม การหลั่งหลอมเติมเต็มก็เข้มข้น สีสันปีกลวดลายยังบ่าย-วน รอหวานปรนเปรออยู่ไม่รู้วาง O ตามกลิ่นเกสรหอมไม่ยอมล้า ที่เหมือนว่าหอมจรุงแต่รุ่งสาง สีสันปีกผีเสื้อก็เหลือพราง- ลอยเคว้งคว้างล้อแดด..ให้แผดลน O เหมือนโบกแกว่งรออวด..สี..ลวดลาย เมื่อแดดฉายแสงช่วงจากห้วงหน เรื่อยเร่โลมเลาะกลิ่น..จึงบินวน- เรณูหวานหอมล้น..เฝ้าวนเวียน O โอ..ปีกสีสวยงาม-แดดวามส่อง โล้ลมล่องลิ่วลอยแล้วค่อยเปลี่ยน- ไปลิ้มเล็มหวานรสเฝ้าบดเบียน- กลีบนุ่มเนียนโกสุม..คอยรุมเร้า O ลมแผ่วยังโรยตัว..อยู่ทั่วแหล่ง พาไม้แกว่งกวัดเรียวกลางเปลี่ยวเปล่า จนปีกน้อยบินคว้างลับร่างเงา หอมเคยเฝ้าใฝ่อยู่ก็รู้ร้าง O ปีกลวดลายเคยงามก็ทรามสิ้น เลือนจากกลิ่นหอมไป..จนไกลห่าง คงเหงาเงียบเปล่าเปลี่ยว..ในเที่ยวทาง เมื่อปีกบางเร้นหายจากสายตา O ภาพงดงามผ่านวาบ..กำซาบรส- การณ์ปรากฏ..คอยหนุนให้คุณค่า ปีกเลื่อมลายสลับสี..พ้องลีลา- ภาพอันเป็นธรรมดา..บรรดามี . . . O ไม่เห็น..ปีกผีเสื้อที่เหนือลม เห็นเพียงปมด้อยหงาย..อวดลาย-สี พร่ำพรรณนางดงาม..คุณความดี ให้โลกนี้ถ้วนถิ่นได้ยิน..ฟัง O ต้องสายตามองวาบ..กำซาบรส หวานทั่วบทถ้วนนัยก็ไหลหลั่ง ลมโรยสายผ่านแล้ว, ที่แว่วดัง- ล้วนเสียงคลั่งไคล้ชอบ..อยู่รอบตัว O ปีกลวดลายงอกพลันขึ้นทันใด แล้วกางให้คลี่ออก..ทำหยอก..ยั่ว ลิ่มลมหอมโอบขวัญ..ปีกสั่นรัว- หรุบ..หู..หัวเกลือกหอม..อย่างยอมตาย ! https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=11-2010&date=11&group=41&gblog=12 (https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=11-2010&date=11&group=41&gblog=12) หัวข้อ: Re: O แด่ .. อริยะภาวะ .. O เริ่มหัวข้อโดย: สดายุ ที่ 23 กันยายน 2018, 08:27:AM O ระยะเปลี่ยนผ่าน .. O (https://www.bloggang.com/data/s/sdayoo/picture/1410609324.jpg) O มองเห็นไหม .. ต่างช่วงของห้วงคิด ใช่ว่าคือถูกผิด-ในจิตเขา หรือว่าคือถูกผิด-ในจิตเรา หรือมัวเมา ยึดติดกับจิตใคร ? . O หัว-ก้าวหน้า, ล้าหลัง แว่วดังอยู่ ฟัง-รับรู้ คุณค่าที่อาศัย คือต่างช่วงความคิดที่ผิดไป คือสายตายาวไกลที่ผิดกัน . O เที่ยวทางทอดเบื้องหน้าต่อตาเห็น เปลวแดดเต้นลอยเลื่อนเฝ้าเตือนฝัน ทางคดโค้งหลืบเลี้ยวมือเกี่ยว-พัน ร่วมมุ่งมั่นสู่ปลาย .. จุดหมายเดียว . O ถูกผิด - ใช่ก้าวย่างที่ต่างช่วง หากต้องห่วงกันบ้างระหว่างเที่ยว ทุกรอยแยกห่างกันต้องขันเกลียว นิ้วทุกเรียวเกี่ยวพันผูกกันไป . O ขณะดุ่มเดินย่างไปข้างหน้า ทั้งเร็ว, ช้าก้าวย่างย่อมต่างได้ อาจผ่อน-เร่งแตกต่างด้วยทางไกล แต่ว่าใช่แตกต่างปลายทางจร . O ผ่านเส้นทางคดเคี้ยวพึงเหลียวหลัง เพื่อหยุดฟังเสียงผู้ช้าดูก่อน เสียงโหยจากเหนื่อยล้า-ช่วยอาทร ก้าวพึงผ่อนยกย่างเป็นบางครั้ง . O ย่อมเป็นเพียงก้าวย่างที่ต่างช่วง ใช่ตุ้มถ่วงล่ามลากพ้นฟากฝั่ง คือแตกต่างคุกคาม-ใช่ความชัง หากเป็นความคาดหวังพ้นวังวน . O ชะลอเท้ารอบ้างในทางเที่ยว ผ่านโค้งเลี้ยวเหลียวหลังสักครั้ง-หน ให้รู้ว่าช่องว่างระหว่างคน มีรอบรู้, สับสน .. อยู่อลเวง . O ที่จุดหมายปลายทางอาจต่างอยู่ ด้วยรับรู้ทีละจุดยามรุดเร่ง ฟังเสียงนกกำหนดเป็นบทเพลง มองพิศเพ่งเพียงไม้แกว่งใต้ลม . O จึงระหว่างหัวแถวถึงแนวท้าย ความซัดส่ายต้องปรับคอยขับข่ม พ้นไปจากอัตตาขับคารม ต่างเพียงร่ม, ลมเห่, ช่วงเวลา . O อาจจำต้องผ่อนผันรอกันบ้าง กลบช่วงต่าง, จำนง-ทุกองศา ปิดเส้นทางยืนหยัดแรงอัตตา ด้วยหัวใจแกร่งกล้าไม่ล้าโรย . O ประคับประคองรั้งฉุด - เร่งรุดเถิด ร่วมกันเปิดศึกกล้าไม่ล้า-โหย ข่มกลั้นหยดน้ำตาจากปร่าโปรย ให้ลมโชยเฉื่อยช้ารับปรารมภ์ . O จึงระหว่างความเขา-ความเราว่า เพียงเวลาแตกต่างที่สร้างสม ระหว่างถ้อยคำโขกสับและรับชม คือช่วงล่มหลากฝันเหลือฝันเดียว . O จึงระหว่างความเขา-ความเราว่า ดี-ชั่วช้า ในพากย์จึงกรากเชี่ยว เก็บอัตตาเอาฝันมาฟั่นเกลียว ร่วมรั้งเหนี่ยวสังคมอุดมธรรม ! https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=09-2014&date=13&group=41&gblog=53 (https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=09-2014&date=13&group=41&gblog=53) หัวข้อ: Re: O แด่ .. อริยะภาวะ .. O เริ่มหัวข้อโดย: สดายุ ที่ 31 มีนาคม 2019, 12:59:PM O ปฐมะลีลา .. O (https://www.bloggang.com/data/s/sdayoo/picture/1553858704.jpg) O เมื่อหน่ออ่อนเหยียดแยงขึ้นแทงยอด เรียวใบค่อยค่อยทอดขึ้นพลอดแสง นาทีนั้นรูปธรรมย่อมสำแดง- นัยที่แฝงฝากโลกเกินโยกคลอน O ว่าจำเริญจำรัสจากบัดนี้ ย่อมต้องมี .. ต้องเป็น .. เกินเร้นซ่อน ย่อมต้องเสพ .. ต้องสร้าง .. ในต่างตอน ย่อมต้องวอน .. ต้องหวัง .. กันทั้งนั้น O จากยอดจนเป็นกิ่งแล้วทิ้งใบ ต้องลมร่ำแกว่งไกวและไหวสั่น แทงรากและยกต้นอยู่บนวัน แวดล้อมนั่น, ใบร่วง-แสงสรวงระยับ O เหยียดลำต้นหยั่งรากลงฝากพื้น ท้าทายสายลมตื่นโลมรื่นประดับ เรียวใบต้องแรงลม-หล่น-ถม-ทับ เติมเต็มตามลำดับบนพื้นดิน O หลังโยกไกวแกว่งกิ่ง-ที่ทิ้งหล่น- รูปย่อมเปื่อยเน่าป่นเสียจนสิ้น เพื่อสอดบทเสียดใบรับไหลริน- ของหยาดชื้นที่จะผินจะพร่างลง O กระนั้นแล้วแวดล้อมที่พร้อมอยู่ ทั้งยกชูจับจูงจนสูงส่ง ทั้งเหนี่ยวรั้งร่วงคว้างที่กลางวง รูปธรรมการปลิดปลง .. ย่อมคงไว้ O ที่เสียดยอดทอดใบเพื่อได้แสง แล้วปรับแปลงร้อนระรุมที่สุมใส่ ตราบเย็นรื่นเฉื่อยโชย .. ก็โดยนัย- ความรื่นเย็นแห่งใจย่อมได้มา O จนจำรูญจำรัสโลมปถวี ถ้วนปวงแห่งศักดิ์ศรีก็ลี้หน้า บริบทแห่งชั่วดีเริ่มลีลา คดเคี้ยวในมรคาก็ทอดรอ O รุ่งเรื้องดวงรพี ณ ที่นั้น บุษบันคอยอยู่ .. เพื่อชูช่อ กลีบเชิดเรียว .. โลกล่างก็พร่างพอ การสืบต่อรูปธรรมให้สัมพันธ์ O แวดล้อมนั่น, ใบร่วง-แสงสรวงระยับ ลีลาอันสับปลับก็ดับฝัน ขณะแสงวอดวายที่ปลายวัน ภาพพจน์ดีงามนั่นก็บรรลัย https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=03-2019&date=29&group=212&gblog=16 (https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=03-2019&date=29&group=212&gblog=16) |