หัวข้อ: O หอมละมุน .. กลางฝุ่นฝน .. O เริ่มหัวข้อโดย: สดายุ ที่ 29 สิงหาคม 2018, 08:35:AM (https://www.bloggang.com/data/s/sdayoo/picture/1532303990.jpg) O ดั่งยูงที่สูงส่งด้วยวงศา ล้อมแววตาด้วยบท .. ความสดใส เบิกรุ่งสางหม่นดำ ด้วยอำไพ- แห่งดวงไฟเลื่อนชั้น .. ขึ้นบัญชา O พอแว่วเสียงสาธุ .. บรรลุโสต ความปราโมทย์หัวใจผู้ใฝ่หา- ก็ซ่านความผ่องแผ้วสู่แววตา เมื่อรูปหน้ารูปจริต .. เผย-ติดตรึง O เกิดแต่เมื่อกรประนม .. หน้าก้มน้อม ผมหล่นล้อมวงหน้า, แววตาหนึ่ง- ก็คล้ายถูกกรเรียวนั้นเหนี่ยวดึง แววหวานซึ้งมั่นหมาย .. ก็ฉายทอ O โอ ราศีรูปงาม .. แห่งยามเช้า คอยรุมเร้าใจอยู่, ท่านผู้ขอ- ย่อมอุ้มบาตรเอ่ยธรรม .. ลงย้ำ .. ยอ- ยกอารมณ์ทดท้อ .. พ้นทรมาน O สบรูป .. รูปละม่อมก็ล้อมสิ้น- แต่ผัน-ผินรูปพักตร์ .. เข้าหักหาญ จิตวิญญาณตื่นรู้ .. จึงรู้พาน- ความอ่อนหวานอ่อนโยน .. ที่โชน-แวว O พาโลกในแวดล้อม .. งามพร้อมอยู่ พร้อมแรงชู้อาลัยเริ่มไหว .. แว่ว อาวรณ์เคยซ่อนเร้น .. ก็เห็นแนว- ความผ่องแผ้วตอบเต้น .. ไม่เว้นวาง O โอ อำนาจเนตรพรับ .. ราวจับจูง- สบรูปยูงอกแอ่นรำแพนหาง เหลื่อมลายขนสีสัน .. ขึ้นกั้นกลาง หยัดรอยขวางเพรียกถวิล ..ให้ดิ้นรน O งามวงสีเลื่อมลาย .. ก็คล้ายว่า เผยคุณค่าออกแล้วผ่านแววขน พร้อมอ่อนหวานอ่อนไหวของใจคน- เริ่มเผยตน .. ออกแล้วที่แววตา O วาบวับ-นั้น .. แววตา .. แม้-ตาหลับ- แววระยับ .. ก็ยังคง .. อยู่ตรงหน้า ราวอยู่ล้อมห้อมขวัญคอยบัญชา- ให้ตอบรับคุณค่า .. ด้วยอาวรณ์ O วาบวับแววขนยูง .. อันสูงค่า- ก่อรูปพา .. งดงามติดตาม-อ้อน จนงามนั้นลามรุกไปทุกตอน สะทกสะท้อนสั่นทั่วทั้งหัวใจ O จึงโลกในแวดล้อม .. ราวน้อมรับ- แววพริ้มพรับออดอ้อน .. ผู้อ่อนไหว ความผูกพันอุ่นเอื้อแห่งเยื่อใย- ก็รัดรึงเอาไว้ .. อยู่ในวัน O งามเงื่อนหางยูงฟ้าในป่าแดด ผ่านลงแวดล้อมช่วง .. ทาบทวง-ขวัญ งามรูปลักษณ์ชาติภพ .. ก็ครบครัน- แทรกลงฝันฝากรอย .. ให้คอยรอ O เช้านั้น .. คำข้าว .. เนตรวาววาม กอปร-คำ .. ความ .. ผ่านหูจากผู้ขอ พร้อมอีกการรุมเร้าพะเน้าพะนอ ของรูปลักษณ์งามลออ .. อยู่ต่อตา O เช้านั้น .. คำข้าว .. อกผ่าวร้อน- กับอาวรณ์รูปองค์ .. ที่ตรงหน้า สบ-สัมผัส .. ฉับพลันก็บัญชา- เสน่หาให้อุบัติขึ้นรัดรึง O เช้านี้ .. แรงอาลัยผู้ใฝ่หา คอยบัญชาดวงจิต .. แต่คิดถึง- รูปแพงน้อยอบร่ำในคำนึง เจ้าเอย .. พึงรับรู้นัยชู้ .. ชาย O ส่งมาเถิด .. อบอุ่นและคุณค่า ผ่านแววตาอ่อนโยน .. ออกโชนฉาย- แววอ่อนหวานดื่มด่ำ .. พึง-รำบาย- ออกเปื้อนป่ายล้อมโลก .. แล้วโยกคลอน O มอบมาเถิด .. เสน่หาความอาลัย สุมลงให้ใจชาย .. สุดถ่ายถอน- ทั้งจากรูป, คุณค่าความอาวรณ์ ตราบม้วยมรณ์ชีพลงเป็นผงคลี O รูปยูงเอย .. ขาบเขียวทุกเรียวขน เปล่งปลาบบนคุณค่า .. แห่งราศี เพรียกละห้อยแหนหวงเป็นท่วงที- อาวรณ์ที่ - ตราบวาย .. ยากคลายลง ! https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=11-2014&date=06&group=11&gblog=600 (https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=11-2014&date=06&group=11&gblog=600) หัวข้อ: Re: O หอมละมุน .. กลางฝุ่นฝน .. O เริ่มหัวข้อโดย: สดายุ ที่ 24 กันยายน 2018, 07:11:PM O ฤดูลม .. O (https://www.bloggang.com/data/s/sdayoo/picture/1399038427.jpg) O ลมถั่งไม้เอนลู่ .. ฤดูฝน ก่อนเม็ดน้ำร่วงหล่น .. ฟ้าหม่นหมอง หยดพรมพรรณไม้ปวงก่อนร่วงนอง เมื่อแสงทองบนฟ้า .. ค่อยล้าเลือน O รวมหยาดที่เบื้องบน .. แล้วหล่นร่วง- จากฝั่งสรวงแทรกสายลงป่ายเปื้อน ทีละหยดพรากหาว, เมื่อดาวเดือน- ค่อยคล้อยเคลื่อนเลื่อนดวง .. หยุดช่วงทอ O สายลมพลิ้วผ่านบท, ความสดชื่น- ค่อยแตะตื่นตัวรู้ให้ชูช่อ แสงวิชชุวาบวามก็งามพอ- ให้คนรอพิศชมได้สมใจ O ประจุจลน์วนแล่นเหนือแผ่นฟ้า อวดวิโรจน์เรขาทาบทาให้- ผืนฟ้าที่หม่นหมองได้ยองใย- กับเส้นไฟครั่นครื้น .. ยามตื่นตัว O คำนึงก็โลดเต้น .. ราวเส้นไฟ บนความนัยแทรกระลอกเข้าหยอกยั่ว ภาพแววตาคู่นั้น .. ที่สั่นรัว- ก็เพียงชั่ว .. สบ .. เมิน .. ขัดเขินนั้น O ภาพหยาดฝนหล่นเม็ด .. ราวเพชรรุ้ง- บำราศคุ้งโค้งฟ้า, แววตาหวั่น- ก็รุ่งเรื้องเปลื้องความ .. ให้ตามทัน- การไหวสั่น-ปริศนาแห่งอารมณ์ O พร้อมเส้นไฟพุ่งเฟื้อย .. แล้วเลื้อยวาบ คือเนตรปลาบแววปลั่งเข้าถั่งถม- อกผู้กรำหวานหอม .. ให้จ่อมจม ด้วยสุดข่มข้ามเขต .. แห่งเลศการณ์ O คะเนนึกคะนึงอยู่, ความรู้สึก- ก็จมลึกล่วงลงสู่สงสาร บนฟ้า-ฟ้าครืนครั่น, แสงวันวาน- วาบแววหวาน-ครั่นครื้น .. ทั้งผืนทรวง O น้ำหยาดหล่นโปรยปราย, ภาพสายฝน- ส่าย-ลูบไล้ลมวน .. แล้วหล่นร่วง ที่แทรกบทรดหลั่ง .. ใจทั้งดวง- ก็คือท่วงทีท่า .. แฝงอาลัย O ป่านฉะนี้แสงวาม .. เคยงามระยับ จะเร้นดวงพริ้มพรับ .. พร้อมหลับใหล ฤๅรอคอยละห้อยอยู่ .. ด้วยผู้ใด ฤๅอยู่ในอภิรมย์ .. ด้วยคมคำ O ป่านฉะนี้ระยับช่วงแห่งดวงเนตร จะแฝงเลศปรารมภ์ .. พร้อมลมร่ำ- ฝากหยาดฝนโปรยปราย .. ให้ร่ายรำ แทน-ความคำ เร้ารุมลงสุมทรวง ? O ลมเย็นรื่นร่ำโรย, ฝนโปรยปราย เมื่อความหมายเร้นแฝง-คือแรงหวง- ค่อยเผยออกคุกคาม, งดงามปวง- ก็เผยช่วงภพชาติ .. ในภาษ .. พร้อม ! O ต่อหน้ากาลเวลา .. สายฟ้าแลบ ก็น้อมแนบจินตการอันหวานหอม กลางเม็ดฝนหล่นร่วง .. ดอก-ดวงพะยอม- ราวจะน้อมกลีบรับเข้าซับน้ำ O สายหยุดนั้น .. หยุดกลิ่นแต่สิ้นสาย หากเนตรฉายแสงวาน .. กลับ-หวานฉ่ำ จะหยุดฤๅแววระยับ .. พริ้มพรับนำ- ด้วยเลศนัยจองจำ .. ให้จำนน O สิ้น .. ภาพไม้เอนรู้-ฤดูลม เคยพลิ้วพรมอบอุ่นแทนฝุ่นฝน เหลือ .. ภาพแววละห้อยหา-ในตาคน- ที่หวานล้น .. รอถนอม .. อยู่พร้อมแล้ว ! https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=05-2014&date=02&group=11&gblog=541 (https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=05-2014&date=02&group=11&gblog=541) หัวข้อ: Re: O หอมละมุน .. กลางฝุ่นฝน .. O เริ่มหัวข้อโดย: สดายุ ที่ 26 กันยายน 2018, 10:46:AM O สุดรอคอย O (https://www.bloggang.com/data/s/sdayoo/picture/1537962136.jpg) O สุดรอคอยค่อยเห็นว่าเป็นเจ้า กี่ภพกาลผ่านเล่าที่เฝ้าหา เหมือนพิมพ์ภาคฝากมั่นลงสัญญา ให้ตรึงตราแต่ในน้ำใจเดียว O เกิดแต่เมื่อ .. กาพย์กลอนสุนทรถ้อย เผยนัยร้อยความตอบให้ลอบเหลียว สายใย-อย่างแฝงเร้น .. ฟั่นเป็นเกลียว เข้ารั้งเหนี่ยวตอบตื่น .. รับชื่นบาน O จนเร้ารุมสุมซ่อน..ความวอนว่า- ผ่านพรรณนารูปกลอน .. แสนอ่อนหวาน เพื่อจะเผยความปวงแห่งดวงมาน อันสุมซ้อนทรมาน .. นับนานมา O สืบผ่านความสุจริตในจิตที่- อ่อนหวานอ่อนโยนมีในทีท่า วางความสัตย์ในจิตเป็นฤทธา แลกคุณค่างามพร้อม .. ห่มห้อมใจ O สืบผ่านการรอคอย .. ละห้อยเห็น อย่างแฝงเร้นรูปศัพท์ .. ยามขับไข ก่อนลำดับงดงามของความนัย คือซาบซึ้งอาลัย .. เริ่มไหวตัว O จากอ่อนหวาน .. อ่อนละมุน .. แปรคุณค่า เป็นเหมือนแสงแจ่มจ้า .. กลางฟ้าหลัว เมื่อ .. อกนั้นแฝงเร้นการเต้นรัว ก็เมื่อหัวใจคน .. วกวนคิด O ท่ามกลางช่วงวรรษา .. ท่ามห่าฝน- ไฟคำรนบนสรวง .. กลางดวงจิต- ก็แจ่มจ้ารูปรอย .. ให้พลอยพิศ ก็ตรึงฤทธิ์ตราอยู่ .. ให้รู้นัย O สุดวิสัยแห่งการจะต้านหน่วง คลี่คลายบ่วงอาวรณ์ .. จนผ่อนได้ ก็เมื่อในห้วงคิด .. มีจิตใจ ขณะใดย่อมคำนึง .. เพียงหนึ่งเดียว O ขณะเมื่อฝุ่นฝน .. หลั่งหล่นนอง ขณะนั้นพร่ำพร้อง .. การข้องเกี่ยว ใจเอย .. ราวปลิดปลิว .. ด้วยนิ้วเรียว- เจ้า-เอื้อมเหนี่ยวเด็ดวางไว้กลางมือ O ร้างรูปน้ำค้างใสเกาะใบหญ้า ลมลูบฟ้าล่องริ้ว .. เสียงหวิวหวือ เมื่อแว่วทรวงเลื่อนลั่น .. เสียงบันลือ ก็เมื่อใจถูกยื้อ .. อย่างดื้อดึง O ด้วยแววเนตรลึกล้ำ .. สบสัมผัส เผยจำรัสอ่อนหวาน .. ส่งผ่านถึง แฝงร่องรอยปรารถนา .. ลงตราตรึง- แนบคำนึงบีบเค้นไม่เว้นวาย O ด้วยแววเนตรอ่อนหวาน .. ส่งผ่านนัย เพียงจะให้ความพิสุทธิ์เป็นจุดหมาย มอบ .. อบอุ่นโผนผกในอกชาย สรวงก็คล้าย .. ชะลอเทียบให้เหยียบยืน O แต่ละครั้งคราวสมัย .. วาบไหวระส่ำ คือไฟคร่ำครวญเสียง .. แล่นเคียงคลื่น ก่อนสุ้มเสียงหนึ่งตระหลบเข้ากลบกลืน คือเสียงใจเต้นตื่น .. ระรื่นรับ O จึงครั้งคราวคาบสมัย .. หัวใจระส่ำ คืออ่อนหวานแทรกซ้ำเป็นลำดับ มีอ่อนโยน .. เอ็นดู .. เกินรู้นับ เข้าจู่จับคำนึง .. ใครหนึ่งนี้ O ย่อมเกินการณ์บ่ายบี่ยง หรือเลี่ยงพ้น เมื่อใจคน .. ครวญคะนึงอยู่อึงมี่ เสน่หา, อาลัย, ความใยดี- จึงโหมลีลาตื่น .. ครึกครื้นขบวน O สุดรอคอย .. จึงเห็นว่าเป็นเจ้า ผ่านวัฏฏะแล้วเล่า .. รอเฝ้า-หวน จิตวิญญาณ-รูปภพ .. เมื่อพบ-จวน ความคร่ำครวญ .. ละห้อยเห็น ย่อมเร้น-เลือน ! https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=09-2014&date=16&group=11&gblog=582 (https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=09-2014&date=16&group=11&gblog=582) หัวข้อ: Re: O หอมละมุน .. กลางฝุ่นฝน .. O เริ่มหัวข้อโดย: สดายุ ที่ 29 กันยายน 2018, 06:25:PM O ปีกนก กับ อกคน .. O (https://www.bloggang.com/data/s/sdayoo/picture/1538220159.jpg) O ถึงรอบนกโบกบิน .. ยามสิ้นฝน เพื่อร่วมดับมืดหม่นให้ป่นหาย ถึงเพ-ลาลมล่อง .. วันผ่องพราย- แสงกำจายโลมโลก .. พ้นโศกตรม O ทานตะวันช้อยช่อ .. ร่ำรอแดด- ทอลงแวดล้อมอยู่ .. รับสู่สม หลังผึ้งภู่ตฤปหอม .. แล้วจ่อมจม- รสรื่นฉมฉ่ำหวาน .. แห่งกาลนี้ O ต้อง-ลมหนาวล่องสายรำบายผ่าน หอมดอกมาลย์, ภุมรินก็บินปรี่- หมายเสพหวานเรณูอย่างรู้ที- เกสรรูป .. กลีบสี .. อย่างที่เคย O เมื่อปีกนกโบกบ่ายสู่ปลายฟ้า แววนัยน์ตาห่วงละห้อยก็ค่อยเผย- อิริยา .. รูป .. จริต .. ลงชิดเชย- หยอก .. ยั่ว .. เย้ยปรารถนาเพรียกอาวรณ์ O คำนึงล้ออารมณ์ .. กลางลมร่ำ ภาพแก้มก่ำ .. อ้อนออด, พาทอดถอน- สะท้านสะเทิ้นห้วงใจเหมือนไฟฟอน- คอยรุมร้อนเร้าอยู่ ไม่รู้วาย O ดูเถิด .. รูปผ่องแผ้วในแววตา- นั้น-เกินกว่า-พรับเบือนให้เลือนหาย ล้อ-อารมณ์ .. อาลัย .. หัวใจชาย- ให้แต่หมายมุ่งงาม .. อย่าคร้ามเกรง O สกุณาป่าฝน .. บินพ้นผ่าน เมื่อรูปคราญเร้ารุม .. เข้ากุมเหง ฝากลมเช้าร่ำสั่ง .. เสียงวังเวง- คอยบรรเลงกล่อมเกล้า .. ผู้เยาว์วัย O วันลอยดวงเลื่อนคว้างขึ้นกลางหาว หากแสงวาววับนั้น .. กลับสั่นไหว โดย-อารมณ์อาวรณ์ .. สุมซ้อนนัย เผยออกให้รับรู้ .. มอบสู่กัน O ปลายปีกนกบ่ายโบกสู่โลกไกล หากที่ใกล้ชิดอยู่ .. เกินรู้กั้น คืออาวรณ์อาลัย .. ดั่งไฟควัน- สุมทรวงสั่นไหวอยู่ .. ไม่รู้วาย O ปีกนกกาง .. เสียงขรม .. ล้อลมร่ำ ยังคลาคล่ำรูปเงาจนเข้าสาย พร้อมหวานซึ้งดื่มด่ำ .. ช่วยรำบาย- ความมุ่งหมายด้านในหัวใจคน O ม่านฟ้าเปิด .. เมฆขาว .. ลมหนาวล่อง ก็เมื่อต้องหวานประดังอีกครั้งหน เบาบางปลายปีกนก .. ห้วงอกตน- คล้ายวกวนว่อนอยู่ .. เกินรู้วาง O ฤดูนี้ลมร่ำ .. อยู่ค่ำเช้า ปีกบางเบา.. ก็ร่อนอยู่แต่ตรู่สาง ลมเอย .. แว่วลมหวน .. เสียงครวญคราง เหมือนใจบางเสี้ยวส่วน .. คร่ำครวญคอย O โหยหาคอยบีบเค้นไม่เว้นว่าง ในที่ทางเย็นเยียบ .. แสนเงียบหงอย ในเที่ยวทางเหยียบย่ำ .. ซ้ำซ้ำรอย เพียงละห้อยห่วงเห็น .. ที่.. เป็น .. มี O สายหยุด .. กลีบดอกบาน .. ย่อมลาญร่วง ดั่งสูงสรวง .. กาลเวียน .. ย่อมเปลี่ยนสี เหลืองแสดมาลย์หมดกลิ่น .. ก็สิ้นดี เหลือไมตรีพี่นั้น .. ยังมั่นคอย O ปีกบางยังลอยล่องเต็มท้องฟ้า เมื่อเหว่ว้าแตกดับจนยับย่อย หัวใจเคยมืดมน .. ก็หล่นลอย กับร่องรอยนัยชู้ .. ฤดูลม O ที่-เสพรับความคำ .. ตอกย้ำอยู่ พึงรับรู้ .. ร่วมหวัง .. ร่วมสั่งสม- ความรู้สึกเสน่หาในอารมณ์ เบิกบทบ่มหวานหอม .. รายล้อมทรวง O เสพรับความสื่อสู่ .. จงรู้ว่า- มีคุณค่าสอดซุก .. ไปทุกช่วง- เพียงร่ำรอ .. ความคำเคยบำบวง- ให้เริ่มช่วงกำลัง .. เข้าสั่งการ O เสพรับความนัยชู้ .. จงรู้ว่า- เสน่หาพรั่งพร้อมรสหอมหวาน มีไว้เพื่อจบจูบ .. ใจรูปคราญ ให้-สุดต้านทานรส .. แม้บทเดียว ! https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=11-2014&date=04&group=11&gblog=598 (https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=11-2014&date=04&group=11&gblog=598) หัวข้อ: Re: O หอมละมุน .. กลางฝุ่นฝน .. O เริ่มหัวข้อโดย: สดายุ ที่ 14 ตุลาคม 2018, 01:36:PM O ขวัญพี่ .. O (https://www.bloggang.com/data/s/sdayoo/picture/1444996422.jpg) O อีกครั้งและอีกครา .. เพ-ลานี้ สุดหัวใจจะหลีกลี้หลบหนีหาย หลังรูปลักษณ์ละม่อมหน้า-นัยน์ตาชาย- สบ-รำบายรูปเงา .. รุมเร้าทรวง O อีกครั้งและอีกครา .. เกินกว่าซ่อน- แรงอาวรณ์อาลัยอันใหญ่หลวง- ค่อยฝ่าความเปลี่ยวเปล่า .. คล้ายเงาลวง- ของใครนั้นล้ำล่วง .. แทรกดวงใจ O แต่ละคาบแต่ละช่วง .. ในห้วงคิด คล้ายต้องฤทธิ์แทรกซ้อนจนอ่อนไหว ฤทธิ์ซาบซึ้งอ่อนหวาน .. ที่หวานใด- หาเถิดใน .. ปัถวียากมีเทียม O ตั้งแต่แสร้งมอง-เมิน .. แล้ว-เขิน-หลบ ครั้นเผลอสบก็คล้ายคล้าย จะอายเหนียม จนเมื่อสุดข่มใจ .. ข่มให้เจียม ก็เต็มเปี่ยมดื้อด้าน .. เกินต้าน-ดึง O เหมือนถูกจองที่แล้วในแววตา อยู่ค้ำคาห้วงจิตแต่คิดถึง เคลื่อนสายใยปฏิพัทธ์เข้ารัดรึง โอนอบอุ่นหวานซึ้งเข้าตรึงทรวง O เหมือนถูกจอง .. ที่ทางระหว่างที่- อ้อมไมตรีโอบแทน .. อ้อมแขน-หวง อ่อนไหวและอ่อนหวาน .. กว่าหวานปวง ก็หลอมใจทั้งดวง .. ด้วยห่วงใย O ราวว่าใจถูกกัก .. รอนศักดิ์-สิทธิ์ ด้วยแรงฤทธิ์อาวรณ์สุดถอนไหว มีรุ่มร้อนรุกรานเผาผลาญใจ จากอาลัยรูปนิมิตจนติดคา O ยอมเถิดนะ .. คนดี .. อย่าลี้หลบ ยอมสืบภพร่วมชาติ .. ด้วยวาสนา- สองเรานั้นบันดลด้วยมนตรา- จากฤทธาเสกสั่ง .. เทพทั้งปวง O ตะวันลับแสงล่ม .. หรือลมเคลื่อน ดาวจะเลื่อนเดือนพรากไปจากสรวง หากอีกคนจนถึง .. ใจหนึ่งดวง สุดเลือนล่วงลับแล้ว .. นะแก้วตา O ฟังเถิดนะ .. คนดี .. เสียงที่กระซิบ จากดินแดนไกลลิบ .. กระซิบว่า- เพราะตักบาตรร่วมขัน .. ด้วยกันมา เสน่หาจึงรับรอง .. เพียงสองเรา O ฟังเถิดนะ .. คนดี .. เสียงที่กระซิบ จากดินแดนไกลลิบ .. กระซิบเจ้า ปรารถนาพี่แรง..เกินแบ่งเบา- สุดผ่อนเพลาคุณค่า .. ความอาลัย O จากหนาว-ร้อน-แล้ง-ฝน .. ตราบฝนผ่าน- ยังคงหวานหอมอยู่จนรู้ได้ ทุกฝุ่นฝนหล่นล่วง .. จึงทรวงใคร- ยังสั่นไหวซ้ำซ้ำ .. ด้วยจำนง O สดับเถิดคำกรองทำนองเสนาะ ความจะเลาะเร้ารุมให้ลุ่มหลง พินิจเถิดนัยคำ .. ตอกย้ำลง- เพื่อสาปส่งเวทย์มนต์ .. มาดลใจ O .. ว่าอ้อมอก .. อาทร .. รออ้อนซบ- แนบหน้าอบอุ่นขวัญ .. ทอนหวั่นไหว จะกล่อมเกล้าโอบกาย .. คลี่สายใย รัดพันไว้ .. สุดวิถีแห่งชีวัน O หาก-เมินเฉยซ่อนเร้น .. ไม่เห็นหน้า ใคร .. อาจท่วมทรมาถึงอาสัญ หากรอคอย .. ละห้อยเห็น .. ไม่เห็นกัน จะโศกศัลย์สุดเทวษทวีทรวง O รับรู้เถิด .. รอถนอมละม่อมพักตร์ รอโอบกอดกุมกัก .. ด้วยรัก-หวง เพียงหนึ่งที่วาดหวัง .. ใจทั้งดวง จะเลื่อนล่วง .. ลงสำหรับ .. ประดับใจ O ขวัญเอย .. ขวัญพี่ ค่ำคืนนี้ .. ดาวดับเดือนหลับใหล จะแทรกฝัน .. แนบทรวง, พร้อมห่วงใย โอบกล่อมให้นิ่งสนิท .. กลางนิทรา . . แทรกอีกฝัน .. ให้หนุน-เนื้อ, อุ่นไอ โอบขวัญให้เนตรระยับ .. ขึ้น-รับรู้ ! https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=03-2014&date=19&group=11&gblog=525 (https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=03-2014&date=19&group=11&gblog=525) หัวข้อ: Re: O หอมละมุน .. กลางฝุ่นฝน .. O เริ่มหัวข้อโดย: สดายุ ที่ 04 พฤศจิกายน 2018, 04:26:PM O เพรงวาสน์ เมื่อพาดช่วง .. O (https://www.bloggang.com/data/s/sdayoo/picture/1541323366.jpg) O ท่ามกลางเสียงหลากหลายที่รายล้อม ก็พรั่งพร้อมรูปรอย .. อยู่คอยท่า มีหัวใจผู้ถวิล, รูปจินตนา ล่องลอยพาชาติภพ .. กรรทบกัน O วาบ-วงแสงปลั่งช่วงในดวงตา นั้น-เหมือนว่าโลมลูบด้วยรูปฝัน ผุด .. ล่ม .. แล้ว-เวียนว่ายที่ปลายวัน รายล้อมใจนี้-พลัน .. ให้สั่นรัว O แววตาออดอ้อน-แซม .. เนียนแก้มอิ่ม ก็เผยแววซ่อนยิ้ม-พรับพริ้ม .. ยั่ว มองเห็นความรมย์รื่น .. นั้นตื่นตัว- เข้าล่มความหม่นมัวจากหัวใจ O รูปองค์เอย .. ผ่านภพมาจบต้อง พาดรูปพ้องภาพฝัน .. สู่วันใหม่ อิริยารูปจริต .. หรือ ผิดไป- จากฝันใฝ่ในจิต .. แม้-นิดเดียว ? O หรือคาบยามแรงถวิล .. เริ่มดิ้นรน เมื่อใจคนแต่ละล้าละลังเหลียว คอยออดอ้อนแว่วมา, รูปหน้าเรียว- จะโน้มรูปกอดเกี่ยวทุกเสี้ยวใจ O รูปองค์เอย .. เผยภพบรรจบแล้ว จะพาความผ่องแผ้ว .. เลือนแล้วไฉน ควรต้องอยู่ผูกพันร่วมกันไป คลี่สายใยล้อมขวัญ .. เกินบั่นทอน O วาบ-วงแสงปลั่งช่วง .. ภาพช่วงนั้น ค่อยไหวสั่นเนตรชม้าย .. เหลือบคล้าย .. อ้อน แว่วในโสตเสียงเย้า .. ยั่ว .. เง้างอน แต้มอกใจอาวรณ์สะท้อนสะท้าน O หรือนี่ .. ฤทธิ์อำนวยของทวยเทพ พาสบ .. เสพ .. รูปภาคแล้วยากผ่าน ดั่งภู่ผึ้งตื่นระลอก .. หอมดอกมาลย์ เสพรสหวานซ่านสิ้นทั้งอินทรีย์ O ยิ่งกว่าผึ้งภู่บินล้อมกลิ่นมาลย์ ที่เบ่งบานหอมสิ้นทั้งกลิ่นสี แต่รับรู้หอมหวานรูปคราญมี ก็สุดที่เหนี่ยวใจรั้งให้รอ O โอ หรือใจสั่นรัว .. จากยั่วเย้ย- เขาเฝ้าเอ่ยเอื้อนออกเพียงหลอกล่อ ให้รับรู้รูปเสียง .. จนเพียงพอ- ช่วยเติมต่อเสน่หาแรงอาลัย O หรือเพียงว่า .. รูปฝันมาพลันพ้อง- กับผุดผ่องรูปคราญ .. เพื่อผ่านให้- มือที่มองไม่เห็น .. บีบเค้นใจ- จนสั่นไหวเผยช่วงที่ดวงตา O ดูเถิด .. แววยิ้มยั่วไม่กลัวเกรง- จะข่มเหงใครเลย, หรือ-เผยหน้า- หมายแทรกแทนรูปฝันแล้วบัญชา- ให้คอยหาคอยเห็น .. อยู่เช่นนั้น ? O เมื่อมีรูป, มีใจสั่นไหวอยู่ สบ-รับรู้ .. แล้วใครเล่าไหวหวั่น ? เมื่อเพียง .. ใจ-รูปภพ .. บรรจบกัน- ย่อมต้องสั่นสิ้นทั่วทั้งหัวใจ O เมื่อมีรูป, ภาพฝันคอยสั่นรัว เย้า-หยอกยั่ว .. ออดอ้อน, ที่อ่อนไหว- จะเป็นภาพเวียนวก .. หรืออกใคร- รู้ดีแล้วใช่ไหม .. อกใจนั้น ? O เหลือแต่ควรต้องคิด .. รับผิดชอบ อยู่คอยปลอบ .. ประโลมให้ .. ผู้ไหวหวั่น- รับแรงชู้อ่อนหวาน .. ส่งผ่านพลัน ล่มรูปฝัน .. ทอทาบด้วยภาพจริง O โอ .. แววตาวาบตอน .. ผู้อ่อนไหว- ยั่วล้อใจอาวรณ์ .. ออดอ้อนยิ่ง ผ่อนรูปนามโน้มแนบลงแอบอิง เพื่อถ่ายทิ้งรูปฝันจากสัญญา O ยิ่งกว่าแสงปลั่งช่วงบนสรวงนั่น คือรูปฝันหยัดรอย .. อยู่คอยท่า ผุด .. รูปความผ่องแผ้วไม่แล้วลา รายล้อมด้วยเสน่หา .. เพรียก-อาลัย O ท่ามกลางเสียงหลากหลาย, แว่วคล้ายว่า- จักเผยรูป .. ออกมาร่วมปราศรัย โอ ศัพท์เสียงแว่วอยู่ .. จากผู้ใด- บอกว่า .. ทั้งหัวใจ .. มอบให้แล้ว ! https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=12-2014&date=30&group=11&gblog=609&fbclid=IwAR3jo8GG8rQEbJ-n4vlTnu6Vqglwv_WB-Bs30AllDzBX_U-HHDRsnzngSpc (https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=12-2014&date=30&group=11&gblog=609&fbclid=IwAR3jo8GG8rQEbJ-n4vlTnu6Vqglwv_WB-Bs30AllDzBX_U-HHDRsnzngSpc) หัวข้อ: Re: O หอมละมุน .. กลางฝุ่นฝน .. O เริ่มหัวข้อโดย: สดายุ ที่ 31 ธันวาคม 2018, 07:40:PM O หอมดอกแก้ว .. O (https://www.bloggang.com/data/s/sdayoo/picture/1522980626.jpg) 1 .. O ลมอบอุ่นผ่านล่อง, สูรย์ผ่องแผ้ว เสียงหวีดแว่วเสียดรวง..ค่อยล่วงหาย ดอกมาลย์ช้อยกลีบเชื้อ, ผีเสื้อลาย- ก็บินบ่ายเข้าล้อม..กรุ่นหอมนั้น O แก้วดอกขาวหอมอ่อนกำจรกลิ่น ต้องลมรินโลมไล้..ก็ไหวสั่น เกสรรูปหวานหอม..ก็พร้อมปัน- หวานหอมนั้นพร่างพรม..กลางลมโรย O อ่อยเอื่อยสายลมไล้ลูบใบหญ้า ดั่งแววตาสบแล้ว-ใจแผ่ว..โหย หอมรูปนาม, ละห้อยหา..ก็ปร่าโปรย- อยู่ในสายลมโชย..แห่งรุ่งเช้า O อบอุ่นกลางลมอุสุม, ที่รุมอยู่- คือแววชู้ทอดทับความอับเฉา พาคำนึงโลมลูบแต่รูปเงา- ของวัยเยาว์ซ่อนยิ้ม..ผูก-พิมพ์ใจ O เอิบอิ่มแก้มเนียนเนื้อ..ช่างเหลือรู้- แฝงเร้นความเอ็นดู..ซ่อนอยู่ไหว เกรงร่องรอยปรารถนาแรงอาลัย- จะขับไขเผยค่าเต็มตาแล้ว O คลื่นลมอุ่นอ้อนฟ้า..ผ่านป่าฝน ริ้วลมวนเวียนโชย..แม้นโผยแผ่ว- หาก-เรียวหญ้ายังค้อมยอดพร้อม-แวว- วาบสั่นแสนผ่องแผ้ว..ทั้งแววตา ! O คลื่นอาวรณ์พลันช่วง..ในห้วงคะนึง ด้วยงามซึ้งหวานพร้อม..ละม่อมหน้า ฟ้าบนมีดวงวัน, ในสัญญา- ก็เพียบพร้อมคุณค่าให้ปรารมภ์ O งดงามกลางดอกดวงลดามาศ เมื่อโอภาสปลาบปลั่งค่อยสั่งสม คุณค่าเฝ้าเปรียบเปรยรอเชยชม- ก็แฝงริ้วสายลมห้อมห่มใจ O จึง-ฤดูลมล่อง..นกท่องฟ้า มีแววตาคู่นั้น..คอยสั่นไหว- แฝงฝากความออดอ้อน..แอบซ่อนนัย- ความอาลัยยามชม้าย..ที่คล้ายเมิน O แม้-ลมอุ่นอบอ้าว..ในคราวนี้ แววตาที่บอกชัด.จะขัดเขิน หากเมื่อลมผ่านระลอกคอยหยอกเอิน ใครนั่นย่อมสั่นสะเทิ้นทั้งแววตา O อบร่ำริ้วลมร้อน..กำจรผ่าน ถ้วนปวงความอ่อนหวานก็ปานว่า- โหมรอบลงล้อมขวัญ..แล้วบัญชา- เร่งเร้าอาวรณ์ชู้..ให้อยู่เคียง O แก้วดอกขาวหอมอ่อนกำจรกลิ่น เมื่อถวิลอาลัย..นั้นให้เสียง ว่า-ถ้วนปวงความถ้อยร่ำร้อย, เพียง- เผยความเรียงตอกย้ำ..ด้วยคำเดิม . . 2 .. O มีเจ้า..ยอดเยาวพา ราวฝั่งฟ้าเบิกบุญลงหนุนเสริม ทิพรูปในภวังค์แต่ดั้งเดิม- ราวแต่งเติมแรงถวิลแนบวิญญาณ O พารื่นรมย์ลุกลามไปสามโลก ทอนสร้อยโศกเงียบเหงาเคยเผาผลาญ ถ้วนปวงมธุรสทั้งพจมาน ก็บรรสารสุมสั่งไม่รั้งรอ O จะจำหลักลงทรวง-ความห่วงหา เพื่อคุณค่างามเลิศ..เมื่อเกิดก่อ- จักผูกชาติหวงแหน-จนแน่นพอ- ตราบโลกย่อเที่ยวทาง..ให้ย่างเท้า O เพียงเจ้า..เท่านั้นเจ้าขวัญน้อย ที่ดวงใจนี้ละห้อย..และคอย-เฝ้า ทิพรูปเจ้าเอย..แต่เผยเงา ก็รุมเร้าใจอยู่..เกินรู้ล้าง O ฤๅ-พรแถนแมนสรวง..ทุกช่วงชั้น พาร่ำรสรำพัน..ไม่กั้นขวาง เพรงบุญในกาลอดีต..ฤๅขีดทาง พาชดช้อยก้าวย่างลงกลางใจ O ทิพรูปในภวังค์ก็หยั่งร่าง- ในช่วงกลางอาวรณ์และอ่อนไหว เดือนดาวที่กลางสรวง..ฤๅดวงใด- อาจบรรเจิดแจ่มได้..เท่านัยน์ตา ? O แต่นี้-เวียนเกิดดับกี่กัปกัลป์ ขอยกขวัญยอบุญเทียบคุณค่า สบรูปเมื่อใดนั้น..จงบัญชา- ให้จมห้วงเสน่หา..จนกว่าวาย ! O แต่นี้-เวียนเกิดดับกี่กัปกัลป์ ขอผูกพันเพียงเจ้า..เป็นเป้าหมาย ยึดครองเถิด, อย่างไรทั้งใจกาย- นี้-คงสายเกินการณ์..จะต้านแล้ว ! https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=02-2012&date=26&group=11&gblog=379 (https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=02-2012&date=26&group=11&gblog=379) |