หัวข้อ: O หอม .. O เริ่มหัวข้อโดย: สดายุ ที่ 27 สิงหาคม 2018, 07:06:PM (https://www.bloggang.com/data/s/sdayoo/picture/1465519940.jpg) O เมื่อทอดกายสองแขนหนุนแทนหมอน ลมแผ่วพลิ้วโชยย้อน .. คนอ่อนไหว หลับอยู่กลางอ้อมละมุนของอุ่นไอ และเรียวมือลูบไล้ .. ด้วยใยดี O หอมเขนยเกยกอด .. ตลอดคาบ นิ่งเสพทราบอุ่นไออยู่ในที่ ครั้งนั้นแรงอาลัย .. รอบไมตรี- ก็คลายคลี่โอบคลุม .. ลงสุมซ้อน O จนกระซิบคำหวานเผยผ่าน .. แว่ว ลมร่ำแก้วโรยล้อม .. กลิ่นหอมอ่อน หอมหัวใจหวานล้ำ .. ถ้อยคำวอน- ก็ซอกซอนแทรกผลอยู่วนเวียน O สกุณาป่าฝนบินพ้นผ่าน เมื่อตำนานรสประณีต .. เริ่มขีดเขียน ด้วยเลือดอุ่นเรื่อแดง .. ด้วยแรงเพียร- งามก็เจียรจารทั่ว .. ทั้งหัวใจ O เลิศพิสุทธิ์ยุดย้ำ .. กรองคำถ้อย ก็เพื่อคอยสำหรับ .. การขับไข รอบอาวรณ์รำบายจากภายใน เผยออกให้เห็นความงดงามนั้น O เมื่อตื่นตามองเห็น .. ความเป็นไป ก็เมื่อสบตาใคร .. แวว-ไหวสั่น ความรู้สึกลึกซึ้งเชื่อมถึงกัน แววที่หวั่นไหวอยู่ .. ก็รู้เชิญ O ถ้วนสิ้นความอ่อนหวาน .. ที่ผ่านหา คล้ายกับว่ามาช่วย .. กลบขวยเขิน ความรู้สึกดื่มด่ำก็ดำเนิน- เข้าก้ำเกินใจอยู่ไม่รู้ลา O สายลม .. มวลดอกไม้ที่รายรอบ คล้ายรอนอบน้อมให้ผู้ใฝ่หา สุรโลกสรวงสูง .. จับจูงมา รองรับแรงภิรมยาในอารมณ์ O กลางสายลมโรยระลอก .. หอมดอกไม้ คือหัวใจคนรื่น .. สิ้นขื่นขม กรุ่นตักเนื้ออุ่นอ่อน .. ตาค้อนคม- เหมือนห้อมห่มถ่ายถอน .. ความอ่อนล้า O งามประกายเนตรพรับให้นับเนื่อง ผ่องผกายเรื่อเรื้องที่เบื้องหน้า โอนอ่อนหวานผ่านแล้วในแววตา มอบห่วงหาอาวรณ์ .. ลงซ้อนทบ O กลางสายลม .. แขนเรียว .. ส่วนเสี้ยวหน้า- ก็โน้มฝ่าใฝ่ฝันลงบรรจบ โอษฐ์อิ่มแนบแก้มพลัน .. ก็ครันครบ- เงื่อนเหตุแห่งชาติภพ .. ตระหลบล้อม O ครั้งนั้นความอ่อนหวานที่ผ่านหา ก็เหมือนว่าแผ่ซ่านทุกย่านหย่อม แทรกวิญญาณเจตจินต์ให้ยินยอม- เพื่อรอพร้อมถนอมขวัญ .. ให้มั่นคง O ทั้งสิ้นและทั้งปวง .. ความห่วงใย ก็วกเวียนรอบให้ .. อาลัย-หลง- ร่วมอ่อนไหวอ่อนหวาน .. ได้ผ่านลง- แผ่วบรรจงแตะวาง .. ที่กลางใจ O ทั้งสิ้นและทั้งปวง .. แรงห่วงหา ก็วกย้อนกลับมา .. ให้อาศัย- ส่งรับความมั่นหมาย .. จากภายใน- สองหัวใจผูกมั่น .. ร่วมพันธนา O วันนี้ .. ริ้วลมฝน .. เมื่อพ้นผ่าน ถ้วนปวงความอ่อนหวานก็ปานว่า- โหมแรงลงผูกพัน .. คอยบัญชา- แต้มเติมอาวรณ์ชู้คอยอยู่ .. เคียง O แก้วดอกขาวหอมอ่อนกำจรกลิ่น เมื่อถวิลอาลัย .. เริ่มให้เสียง รื่นลมร่ำกำจาย..ก็หมายเพียง- หอมจะรอร่วมเรียงลงเคียงใจ O งามท่วงทีลักขณารูปปรารมภ์ ต่างฤๅ-มาลย์กลิ่นฉมเมื่อลมไหว- ออดอ้อนลมลอดเลี้ยวผ่านเรียวใบ ต่างฤๅ-นัยน์ตาค้อน .. ออดอ้อนนั้น ? O รื่นรมย์กลางลมเหนือ, ที่เหนือกว่า- คือแววตาของใคร .. วาบไหว-สั่น บอกว่าบางอารมณ์ .. สุดข่ม, กัน- ความผูกพันเสน่หาแสนอาวรณ์ O กลางริ้วลมโรยระลอก .. หอมดอกแก้ว คล้ายเสียงหนึ่งผ่านแว่ว .. ดังแผ่ว-อ้อน คอยรุมเร้าจิตชาย .. สู่ปลายจร- เอื้อมเหนี่ยวกรเรียวเจ้า .. ที่เฝ้ารอ O ริ้วลมหนาวผ่านสาย .. เมื่อสายแล้ว โลมลูบแก้วระริกไหว .. ก้าน .. ใบ .. ช่อ ต้องลมหนาวล้อมรุมทั้งพุ่มกอ ต่างฤๅพักตร์นวลลออ .. ร่ำรอชม O โอ .. เลือดฝาดแต่งแต้มเนียนแก้มอิ่ม หรือ-สบยิ้มอ่อนหวาน .. แล้วซ่านสม ? โอ .. ท่วงทีเอียงอายกลางสายลม- ฤๅ-อาจข่มขับล้างให้จางรอย ? O เข้าสาย .. ลมอ่อยเอื่อย, นกเจื้อยแจ้ว เมื่อลมร่ำโลมแก้วอย่างแผ่วค่อย ต่างฤๅอารมณ์ชู้ที่รู้คอย- เฝ้าแหนหวงอ่อนน้อย .. รูปรอยนั้น O แก้ว .. ปีบ .. โมกดอกขาว .. อะคร้าวรูป ต้องลมลูบโลมไล้ .. ก็ไหวสั่น แววในตาสบหมายย่อมคล้ายกัน ต้องเลศนัยไหวหวั่น .. สุดบั่นทอน O ขลุ่ยสังคีตยังครวญเสียงหวนไห้ เมื่ออาวรณ์อาลัยเกินไถ่ถอน รับรู้เถิดใจเจ้า-ความเว้าวอน- ย่อมออดอ้อนอยู่พร้อมอย่างยอมใจ O กลางริ้วลมโรยระลอก .. หอมดอกแก้ว- ก็หอมแล้วหอมอีก .. เกินหลีกไหว อาจรุมเร้าเจตจินต์ .. ตราบสิ้นไป- แห่งเปลวไฟลุกช่วง .. ทุกดวงดาว ! https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=06-2016&date=10&group=11&gblog=661 (https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=06-2016&date=10&group=11&gblog=661) หัวข้อ: Re: O หอม .. O เริ่มหัวข้อโดย: สดายุ ที่ 25 กุมภาพันธ์ 2019, 06:04:PM O ซ่อนเร้น และ เอ็นดู .. O (https://www.bloggang.com/data/s/sdayoo/picture/1551092344.jpg) -1- O คล้ายคล้ายความเงียบเหงาแต่เก่าก่อน ค่อยค่อยย้อนกำลังเข้าสั่งสม และคล้ายความปรารถนาเคยปรารมภ์ ค่อยค่อยล่มเลือนลับไม่กลับย้อน O เคยงดงาม-เรียบ-ง่าย .. ก็คล้ายว่า เปลี่ยนทีท่าบิดเบือนไม่เหมือนก่อน โลกที่เคยสูงล้ำ .. วกต่ำตอน จนลับรอนห่างเห็น .. จากเช่น-เคย O ฤๅภาพที่มองเห็น .. จะเป็นเท็จ ? ยังไม่เสร็จแต่งสร้าง .. รีบวางเผย จึงค่อยร่อนหลุดลอก .. ไม่งอกเงย- เป็นรูปงามหยัดเย้ย .. ให้เชยชม O ค่อยค่อยผ่านภาคพิจิตร .. เคยพิศเพ่ง ด้วยภาคเปล่งปลั่งรับขึ้นขับข่ม มุ่งมั่นฝ่าวงล้อมความตรอมตรม ปลดเลศนัยทับถมให้ล่มลา -2- O คือ .. ผูกพันเอ็นดู-ที่รู้สึก จำหลักลึกลงทรวง .. เพื่อห่วงหา- ได้สั่งสมกำลังเหนี่ยวรั้งพา- ปรารถนาซ่อนเร้น .. ออกเห็นรอย O บริสุทธิ์แห่งน้ำใจ .. ที่ใครหลั่ง ละคราวครั้งหยดแล้ว .. แม้นแผ่วค่อย- หากปรารมภ์หนึ่งผู้ .. เริ่มรู้คอย เต็มละห้อยห่วงเห็นไม่เว้นวัน O ค่อยค่อยเผยภาคพิจิตรให้พิศเพ่ง ค่อยค่อยเปล่งความนัย-ความไหวหวั่น- ให้สัมผัสรัดร้อย .. รอคอยวัน- ผูกเงื่อนบ่วงสัมพันธ์ .. ให้มั่นคง O เมื่อคุณค่าปรากฏ .. เป็นบทบาท จึงเหมือนช่วงเพ็ญพิลาส .. แห่งชาติหงส์- ได้แผ่ผ่านล้อมขวัญอย่างบรรจง ร่วมสืบส่งสานฝันแห่งวันวาน O กุสุมา .. ลมโชยก็โรยกลิ่น ให้ถวิลแนบน้อมความหอมหวาน หลอมหลั่งรสอันประทิ่นสู่วิญญาณ กำจายผ่านรูปละม่อมเข้าล้อมทรวง O เริ่มแล้วหรือ .. ลมอุสุมอันรุมร้อน จากโชยอ่อน .. เริ่มประจักษ์ว่าหนักหน่วง หวังลบเลือนเงียบเหงา .. ว่างเปล่า .. ปวง ช่วยโชนช่วงปฏิพัทธ์เต็มอัตรา O จง .. ผ่าวผ่านลานดินกลางถิ่นฝน เพื่อตรึงช่วงดวงมน .. ผู้ค้นหา รูปนิมิตเฝ้าถวิลในจินตนา ที่ทรงค่าเหมาะควร .. ทุกส่วนนั้น O รวยรินครั้งเบื้องปฐมแห่งลมวก พาคลื่นหนาวแผ่ปก .. ทำอกสั่น เมื่อจู่โจมโถมจับในฉับพลัน กลับบีบคั้นทรมานให้ลาญรอย O จึงกาละแห่งปฐม .. เมื่อลมร่ำ พาชื่นฉ่ำเบียดบดกำสรด-สร้อย ก่อนเยือกเย็นฟองฝนจะหล่นปรอย ท่ามทรวงหนึ่งแต่ละห้อยเฝ้าคอยเคียง O ค่อยค่อยโยก .. ค่อยค่อยไหว .. หัวใจหนึ่ง จนซาบซึ้งเฝ้าถวิลแต่ยินเสียง ผลิสีสันเฉิดฉายออกรายเรียง ก็สุดเลี่ยงหลีกล่วงสู่บ่วงนั้น -3- O คล้ายคล้ายความหอมหวานแต่วารก่อน ค่อยค่อยย้อนอำรุง .. อย่างมุ่งมั่น ให้จดจารผ่านคำ .. ออกรำพัน เป็นคำมั่นสัญญา .. อัตตาตน O ด้วยคุณค่าจำเพาะต้องเหมาะส่วน จึงคู่ควรสำแดงกลางแห่งหน งดงามแห่งความนัย .. น้ำใจคน จึงจะปนปลาบผกาย .. สู่สายตา O ค่อยค่อยผ่านภาพพิจิตร .. เคยพิศเพ่ง ด้วยภาพเปล่งปลั่งละมุน .. สมคุณค่า เป็นแรงใจมุ่งมั่น .. ช่วยบัญชา ปรารถนาซ่อนเร้น .. จึงเห็นรอย O เรื่อยรี้คีตะกานท์ .. ค่อยผ่านแว่ว เมื่อลมพลิ้วผ่านแล้วอย่างแผ่วค่อย กรุ่นกลิ่นแก้วอบร่ำ .. ซ้ำซ้ำรอย- เมื่อน้ำค้างหยาดย้อยลงรดริน O เจื้อยแจ้วเสียงสูงต่ำ .. คล้ายรำพัน- เพื่อกล่อมขวัญกลางโลก .. ล่มโศกสิ้น จังหวะใจเต้นแผ่ว .. ให้แว่วยิน- ยกถวิลแรงชู้ .. ให้รู้นัย O ร้างเดือนดาวกลางพลบ, หรือ-หลบซ่อน- จากแววตาออดอ้อน .. แสนอ่อนไหว รื่นเย็นลมร่ำหา, แววตาใคร- ก็ช่างแสนร่ำไร .. ล้อใจคน O แม้น-เหมือนจันทร์ซ่อนแสงจากแหล่งที่ ทั้งราศีดาวช่วง .. ลับห้วงหน หวัง-แววตาหวั่นสะทก .. ยังวก-วน- เพื่อทอแสงอำพน .. เข้าดลใจ O โบกโบยลมเย็นรื่น .. ล้อมผืนน้ำ เมื่อคืนค่ำปรากฏความสดใส โดยความซึ้งซ่านล้ำ, แก้มก่ำใคร- ก็เรื่อสีแต้มใส่ .. ทุกนัยน์ตา O ระริกสายน้ำตื่นพลิ้วผืนระลอก- เข้ายั่วหยอกโลมหลั่ง .. ริมฝั่งท่า รูปละม่อมเนียนแก้มยั่วแย้มมา ปรารถนาอาวรณ์ – ฤๅถอนพ้น ? O อ้อยอิ่งเสียงสังคีตแว่วหวีดผ่าน พาหอมหวานทั้งปวงให้ร่วงหล่น- ลงสู่ห้วงคำนึง .. ของหนึ่งคน- เลื่อนระดับเอ่อล้นท่วมท้นใจ ! -4- O รูปนามเอย .. เผยลักษณ์มาดักขวาง- หรือเพื่อรอก้าวย่างทุกย่างให้- ย่ำเหยียบลงกลางบ่วง .. ความห่วงใย- แล้วอาลัยเสน่หา .. ไม่ล้าเลือน ? O พร่างพรายน้ำเหลื่อมรับอยู่วับไหว เมื่อหัวใจคำนึง .. ซาบซึ้งเหมือน- ว่า .. รูปนามตามติด .. คอยพิศเบือน- สายตาเลื่อนแววชู้ .. ให้รู้การณ์ O สูงต่ำแห่งสังคีตแว่วหวีดเสียง ยังแว่วเพียงขับกล่อมพาหอมหวาน- เข้าโอบไล้โลมสิ้นจิตวิญญาณ ให้สะท้านสะเทื้อนอยู่ .. แต่ผู้เดียว O วิกาลคล้อยน้ำค้างพรายพร่างเม็ด ดั่งแพรเพชรลอยผืนในคืนเปลี่ยว สรวงย่อมมืดหม่นครัน .. เพราะจันทร์เรียว- เร้นส่วนเสี้ยวเลื่อนดวงจนล่วงรอย O ป่านฉะนี้ .. รูปแพงจักแฝงร่าง- ในท่ามกลางเย็นเยียบและเงียบหงอย หรือ .. หัวใจพร่ำพ้อเฝ้ารอคอย- อกแขนอ้อยสร้อยโอบให้แอบอิง ? O คิดถึงกันมากไหม .. หัวใจนั่น แล้ว .. ไหวสั่นเพียงไหนหนอ .. ใจหญิง ? แทน-เตียงนุ่ม .. เนื้ออ่อนเจ้าผ่อนพิง- หมาย .. เกลือกกลิ้งก่ายร่างที่กลางทรวง O รอคอยเถิด .. รูปละม่อมในอ้อมแขน- จักโอบรูปไว้แน่น .. อย่างแหนหวง- เพียงเพื่อแววหวามไหวที่ในดวง- ตาคู่ช่วงโชนความออกล่ามพัน ! O แม้นจันทร์แรมเร้นดวง .. เลือนช่วงแสง หากที่แฝงฝากช่วงในห้วงฝัน- กลับเจิดจ้าโชนช่วงเยี่ยงดวงวัน- เมื่อแรกผันเรือนรุ้งทาบคุ้งฟ้า O เก็บงำแวววับวามแห่งยามเช้า- พร้อมเหลื่อมเงาสายน้ำที่หลามบ่า ก่อรูปนามพร่างพรายในสายตา ให้แต่ปรารมภ์ชู้ .. ไม่รู้แล้ว O ค่ำนี้ .. แววตาระยับเกินขับข่ม แก้วกรุ่นกลิ่นรื่นฉม, สายลมแผ่ว- ก็รำบัดรำบายปัดป่ายแนว ลูบโลมความผ่องแผ้ว .. ล้อมแววตา O ฟากฟ้า .. เมฆหม่นดำ, เสียงคำรน- ก้องกาหลครึกโครม, ลมโหมหา บนโลกต่ำ-รูปนาม .. ก็ล่ามคา- ปรารถนาอาลัย .. ที่ในตน O มีใจ .. พร้อมรูปเงา-รุมเร้าอยู่- เมื่อรอบชู้โหมช่วง, กลางห้วงหน- สายวิชชุเฟื้อยเส้น .. แล้วเต้น .. วน แข่งใจคนรัวเต้นไม่เว้นยาม O ถวิลถึง .. รูปสล้างที่กลางหมอน- จักทอดถอนใจทราบ - รสวาบหวาม อ้อมแขน .. อกอุ่นเอื้อ .. นิ่มเนื้องาม- หรืออาจห้ามใจข่ม .. การสมยอม ? O ลมลูบน้ำกระเพื่อมผิวเป็นริ้วตื่น เสียงโอดอื้นพร่ำพ้อ .. ร่ำรอ-ถนอม- ก็แผ่วผ่านตอกย้ำ .. ให้ด่ำดอม- รสหวานหอมรูปนามแห่งยามนั้น O เรื่อยรี้ .. คีตะกานท์ยังผ่านแว่ว- ก็เมื่อแววในตา .. ค่อยพร่าสั่น ระทึก .. ระทวยใจ .. ของใครกัน- คงแว่วอยู่เช่นนั้น .. เสียง-สั่นเครือ O คงแว่วอยู่ในโสต .. เสียงโอดอื้น รัญจวนตื่น .. ในยามก็งามเหลือ ร้างเหน็บหนาวทุกรอย .. จะคอยเจือ- จางช่วงเชื้ออุ่นร้อน .. ให้ผ่อนแรง O ราวเสียงแผ่วไกลลิบ .. กระซิบกระซาบ ก่อนนัยน์ตาสบทราบ .. แล้ววาบแสง ออดอ้อนผ่านรูปคำ .. ก็สำแดง- นัยฝากแฝงอาวรณ์ .. อันร้อนรน O วูบวับความอ่อนไหว .. ผ่านนัยน์ตา ที่เหมือนว่าไหวสั่นนับพันหน- จากอาวรณ์สั่นสะทก .. ในอกคน- ผู้วกวนเวียนหอมไม่ยอมร้าง O คะเนนึก .. รูปพรรณในบรรจถรณ์- จักออดอ้อนแวดล้อมไม่ยอมห่าง ช่วงแขนเรียว, ดวงขวัญ, รูปสรรพางค์- จักร่วมวางชาติภพบรรจบลง O คะเนนึก .. เนื้อนวลคร่ำครวญถวิล เมื่อกรุ่นกลิ่นหอมระรุม .. ให้ลุ่มหลง- ค่อยผ่านรสรื่นล้ำ .. ร่วมจำนง- การรับส่งหวานหอม .. รายล้อมใจ O เรื่อยรี้คีตาพร้องทำนองประณีต ดังแว่วหวีดโลมรุกผ่านยุคสมัย เสียงสั่นเครือคร่ำครวญ, เนื้อนวลใย- ค่อยพลิ้วไหวตอบรู้ .. แรงชู้นั้น O พร้อมคีตาพร่ำพร้องทำนองประณีต เสียงแว่วหวีดก้องรัว, เนื้อตัวสั่น- ก็เผยผ่านแขนเรียว .. โอบเหนี่ยวพัน- ธนา-ความใฝ่ฝัน .. บัดนั้นเอง ! https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=10-2014&date=27&group=11&gblog=596&fbclid=IwAR09yP5VmV7BD_DdCOdwlIH1O5cDNblSFkuJ6ZTL6fYiAqjzZ7H-u-7ugo0 (https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=10-2014&date=27&group=11&gblog=596&fbclid=IwAR09yP5VmV7BD_DdCOdwlIH1O5cDNblSFkuJ6ZTL6fYiAqjzZ7H-u-7ugo0) |