หัวข้อ: ~*~ในเหมันต์~*~ เริ่มหัวข้อโดย: วลีลักษณา ที่ 25 สิงหาคม 2018, 08:32:PM ~*~ดอกไม้~*~ ๐ ดอกไม้นี้คลี่บานสวยหวานชื่น มาลีอื่นหมื่นแสนมิแม้นจัก- เทียบบุปผางดงามนามดอกรัก หมายเก็บปักพักมั่นแจกันใจ ๐ เฝ้าถนอมออมแอบอยู่แนบชิด ผูกดวงจิตคล้องพ่วงแม้ช่วงไหน จะมิยอมจืดจางออกห่างไกล ร้อยสองดวงฤทัยไว้ด้วยกัน ๐ ฤาเพรงกรรมนำพาจนมาพบ เพียงบรรสบทบเท่าแต่เงาฝัน เกรงอีกใจเหนื่อยล้าเกินฝ่าฟัน ปล่อยสัมพันธ์ร้างราหมดอาวรณ์ ๐ แม้คำนั้นมั่นคงมิสงสัย เปิดเผยนัยไมตรีมิมีซ่อน ว่าจะรักรักมั่นนิรันดร ถึงม้วยมรณ์มิสิ้นถวิลปอง ๐ ตอบสารสร้อยร้อยต่อเป็นช่อดอก ผลิแย้มออกบานในหัวใจสอง หวังให้พี่คอยรับประคับประคอง อย่าให้หมองหม่นช้ำเข้ากล้ำกราย ๐ เด็ดดอกรักร่วมต้นคนละกิ่ง* แลกช่ออิงแอบขวัญอย่างมั่นหมาย ฝากให้เบ่งบานอยู่เป็นคู่กาย อย่ารู้วายดอกดวงจนร่วงโรย ๐ ค่ำคืนในวสันต์พระจันทร์หม่น เหมือนใจคนรอนรอนอ่อนระโหย ยังล่องลอยปรารมภ์ปนลมโชย ให้โบกโบยคำนึงสู่หนึ่งทรวง วลีลักษณา ที่มา https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=waleelaksana&month=07-2018&date=11&group=26&gblog=107 (https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=waleelaksana&month=07-2018&date=11&group=26&gblog=107) หัวข้อ: ~*~ในเหมันต์~*~ เริ่มหัวข้อโดย: วลีลักษณา ที่ 05 พฤศจิกายน 2018, 09:34:PM (https://fa7704.files.wordpress.com/2016/02/hoo2.jpg) ~*~ในเหมันต์~*~ ๐ พรายแดดพลบเรื่อสายที่ปลายฟ้า ตะวันลาลับดวงจากห้วงหาว เริ่มช่วงราตรีกาลแสนนานยาว ผลักเรื่องราวล่วงวารผันผ่านไป ๐ ถวิลถ้อยอ่อนหวานเมื่อวานนั้น ยิ่งล่วงผ่านนานวันยิ่งหวั่นไหว ด้วยเหตุว่าหนทางที่ห่างไกล เกรงว่าใคร "คนนั้น" จะผันแปร ๐ หวั่นโซ่รักหักรานไม่นานร้าว จนเหน็บหนาวในจิตด้วยพิษแผล หากว่าคน "หนึ่งเดียว" ไม่เหลียวแล ชีพนี้แม้หยัดยืน..ก็ฝืนทน ๐ ค่ำหนาวในปีนั้นที่ผันผ่าน กลางริ้วลมโลมลาน..กิ่งก้านสน- ไหวสะท้านเรียวใบแกว่งไกวจน บ้างปลิดขั้วร่วงหล่นลับพ้นไป ๐ ลืมหรือยัง? สร้อยกานท์แสนหวานล้ำ สานถ้อยคำออดอ้อนให้อ่อนไหว ที่เผยจากกมลของคนไกล เป็นความนัยเน้นหนักว่าภักดี ๐ สนพลิกพลิ้วเรียวใบ..เยี่ยงใจสั่น แกว่งไกวขวัญแทบคว้างออกห่างที่ วันนั้นแรงอาลัยที่ใจมี ผ่านรอบปี..ลดลงหรือคงเดิม? ๐ สายลมหนาวหวนมาอีกคราหนึ่ง พารำพึงเรื่องราวเมื่อคราวเริ่ม หวั่นไหวยามเฝ้ารอรักต่อเติม คล้ายยิ่งเพิ่มรอยหม่นเมื่อพ้นวัน ๐ เดือนยังคงเพ็ญดวงกลางสรวงโพ้น เฉกแสงโชนช่วงกลางหนทางฝัน ในความจริงอกเพียบแต่เงียบงัน ติดบ่วงทัณฑ์พันธนาเกินกว่าคลาย ๐ แก้วกรุ่นกลิ่นรินร่ำในค่ำนั้น ความหอมนั่นมิต่างมิจางหาย ยามก้านช่อโอนอ่อนขจรขจาย อวลตามสายลมรื่นอันชื่นเย็น ๐ ต่างก็แต่หนึ่งใครต้องไกลห่าง เพียงเงารางกลางทรวงให้ห่วงเห็น แก้วไหวช่อสะท้านกลางลานเพ็ญ งามก็เช่นเดียวกันกับวันวาน ๐ คนไกล..แก้วดอกหอมยังหอมอยู่- ให้รับรู้ล่วงวันที่ผันผ่าน อกคนเล่าพลัดแดนไปแสนนาน กลิ่นหอมหวานรวยรื่น..ชื่น..หรือ..ชัง ๐ จำได้ไหมค่ำหนาวในคราวนั้น ร่ายรำพันความนัยชวนให้หวัง ถ้อยหวานล้ำด่ำดื่มลืมหรือยัง ใครหนอสั่งเสกมนต์เข้าดลใจ ๐ รอวันเดือนร่วมร้อย......รวมชนม์ นับรอบเหมันต์วน...........ไป่เว้น ลมเอยช่วยบอกคน.........แดนห่าง ปวงพากย์นี้เพื่อเน้น.........ชอบนั้นมากไฉน ๐ ลมหนาวโชยผ่านเนื้อ....เหน็บหนาว ไกลสุดตาแพดาว.............พร่างแพร้ว คำนึงเนตรวาบวาว...........ระยับยั่ว- หยอกอยู่ไม่รู้แล้ว.............ห่อนร้างสวาทหมาย ๐ ปรารมภ์ลอยล่องฟ้า.....โลมทรวง วางรักลงแนบดวง-............จิตผู้- ไกลสุดฝั่งฟากสรวง..........เกินสบ เรียงบทฝากให้รู้...............บ่ร้างคะนึงหาฯ วลีลักษณา ๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ ที่มา https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=waleelaksana&month=11-2018&date=05&group=26&gblog=117 (https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=waleelaksana&month=11-2018&date=05&group=26&gblog=117) |