หัวข้อ: O เช้านั้น O เริ่มหัวข้อโดย: สดายุ ที่ 24 สิงหาคม 2018, 07:03:PM (https://www.bloggang.com/data/s/sdayoo/picture/1461668678.jpg) ๘ O ภาพวันนั้น .. งามพิสุทธิ์-ในชุดขาว ควันจากข้าวกรุ่นลอย .. คน-คอยเหลียว หมอกหม่นในยามสาง .. ถูกร่างเพรียว- ล่มลาญความเปล่าเปลี่ยว พ้นเที่ยวทาง O เริ่มวัน, น้ำแล่นริ้ว, ลมพลิ้วผ่าน รูปพักตร์คราญรออยู่แต่ตรู่สาง เพื่อน, ผู้สูงวัย, ดอกไม้วาง- บนถาด .. ในท่ามกลางการรอคอย O ภาพ-เรือน้อย, วงคลื่นบนพื้นน้ำ พายจ้วงจ้ำ, พลิ้วแล้ว .. อย่างแผ่วค่อย แสงแรกวันเริ่มส่อง .. เรือล่องลอย คน-เหลือบตาเฝ้าคอย .. ชม้อยชม้าย O ขับรถตามเพื่อนมา .. ด้วยว่าใจ- มีรูปใครร้อยรัด .. เกินปัดป่าย- จน-รูปพักตร์-สายตา .. สบตาชาย- แววที่ฉายก็กระหวัดเข้ารัดรึง O รูปแห่งธรรม .. เคลื่อนรอยจนคล้อยลับ รูปเนตรพรับพริ้มอยู่ .. ก็จู่ถึง- รายล้อม .. บ่งบัญชา ให้ตราตรึง- แต่รูปหนึ่งเดียวนี้ .. อย่ามีคลาย ! O เห็นถึงความรมย์รื่น .. ริมผืนน้ำ, แววดื่มด่ำในดวงตาช่วงฉาย เห็นแววตาก้ำเกิน .. ความเขินอาย- นั้น-เวียนว่ายบทกรรม อยู่ตำตา O เห็น-เมือความอ่อนโยน .. นั้น-โชนเชื้อ ความก่ำเรื่อก็ป่ายแต้มทั้งแก้ม .. หน้า เห็น-ถึงความอ่อนหวานแผ่ซ่านมา ให้พี่, ป้า มองเห็นด้วยเอ็นดู O ระยิบเอย .. แววตาใต้ฟ้าต่ำ ผ่องผกายหวานล้ำ .. ออกย้ำสู่ เผยอารมณ์อ่อนน้อย .. ขึ้นช้อยชู- จนอารมณ์อีกผู้ .. รับรู้ความ O หม่นมัว .. เข้าสายก็หายสิ้น เมื่อหอมรินล้อมฝัง .. โลกทั้งสาม ลมแผ่ว, สูรย์ระยับ .. ตาวับวาม- ในคาบยาม .. ไม้ใบแกว่งไกวตัว O ปีกผีเสื้อลวดลายค่อยบ่ายบิน เมื่อทั่วถิ่นเคลื่อนพ้นความหม่นหลัว โบกกระพือปีกนั้น .. จนสั่นรัว กับเพียงชั่วแสงสาง .. เริ่มวางรอย O งดงามในรุ่งเช้าอันเหงาเงียบ หยาดเย็นเยียบทั้งปวง .. ก็ร่วงผล็อย- ตามลมลูบแดดต้อง, ปีกล่องลอย- เลื่อนลายอ้อยอิ่งอยู่ในหมู่พรรณ O เม็ดน้ำค้างหยาดพราว .. หมอกขาวขุ่น แดดอบอุ่นโอบผ่าน .. ก็ปานฝัน พลิกพลิ้วปีกบางเบาใต้เงาวัน- เกาะกลีบคั้นหวานอยู่ .. ไม่รู้ลา O ลมแผ่วผ่านโลมลูบ .. หมอกวูบไหว- ท่ามกลางไอแดดเรื้องอยู่เบื้องหน้า ปีกลวดลายแผ่กางโบกคว้างมา- เมื่อยอดหญ้าน้ำค้างเริ่มจางรอย O เรียวเรณูหอมหวานเชิดก้านรอ ให้ภู่ออแอบอ้อนเกสร-สร้อย เห็นปีกบางกลาดเกลื่อนค่อยเลื่อนลอย- ตฤปหวานอ้อยอิ่งอยู่อย่างรู้รส O หวานหอมเยี่ยงใดเล่าจะเท่าที่- เรณูชี้เชิดคอยนั้น .. ค่อยหยด หรุบปีกบางเกาะเกี่ยว .. คลานเลี้ยวลด- ค่อยจ่อจดหวานหอม .. อย่างยอมตัว O อุ่นไอละอองแดดค่อยแวดล้อม เมื่อลมพร้อมพาระลอก .. เข้าหยอกยั่ว มาลีพรรณส่ายดอก .. พร้อมหมอกมัว- ก็เคลื่อนตัวล่มลาญแต่กาลนั้น O ปลายปีกนกโบกคว้างที่กลางฟ้า พร้อมแววตาของใคร .. หนอไหวสั่น ? รูปปีกเหยียดแผ่ช่วง .. บังดวงวัน- เมื่อดวงตาคู่นั้น .. คล้ายสั่นสะทก O ปีกนกยังคลี่กางที่กลางฟ้า เมื่อแววตาเร้ารุม-ความ .. สุมอก เหลือบแววปรอยปรอยปริบ .. เฝ้าหยิบยก- ขึ้นสาธก-แทนถ้อยให้คอยประเมิน O ปีกผีเสื้อเกาะกุมโกสุมหอม พักตร์ละม่อมก็อุทธัจด้วยขัดเขิน- จากแววตาล่วงล้ำคอยก้ำเกิน ครบครันการหยอกเอิน-สะเทิ้นใจ O สายหยุดหยุดหอมสิ้นแต่สิ้นสาย หลังแดดฉายโชนแต้มความแจ่มใส รูปเอย .. แต้มแววตา-รูปหน้าใคร- จะรู้ตัวบ้างไหม .. รูปใครกัน ? O สิ้นสาย ผ่านสาย แล้วสายสวาดิ ลดามาศก็อวลกลิ่นล้อมถิ่นฝัน เมื่อวางภพวางชาติมาพาดพัน- ฤๅอาจเบี่ยงเลี่ยงขวัญคลาดกันพ้น .. ? O พร้อมแววตาอ่อนโยนนั้นโชนช่วง ความเงียบเหงาทั้งปวงก็ร่วงป่น ปีกนกเหยียดเต็มช่วงที่สรวงบน เมื่ออกคนละห้อยเห็นไม่เว้นวาย ! O สิ้นช่วงการรอคอยละห้อยหา เมื่อแววตาอ่อนโยน .. นั้น-โชนฉาย- ความอ่อนหวานลึกล้ำ .. ร่วมรำบาย- ส่งความหมายผ่องแผ้ว .. ไม่แล้วลา O สายหยุด หยุดหอมสิ้น .. ร้างกลิ่นแล้ว เหลือผ่องแผ้วทาบทวงความห่วงหา พร้อมลมร่ำพลิ้วแผ่ว .. ถ้วนแววตา- ก็ตรึงติดเพทนาแต่ครานั้น ! ๔ O นับครวญนับคาบโน้ม - - - นำคะนึง เพียงรูปเพียรร่ำถึง - - - ผ่านถ้อย สุดคิดสุดคลายระรึง - - - แรงรัด โอบแม่ แต่เมื่อตาแม่ชม้อย - - - เมื่อนั้น-จะต้านไฉน ฯ O จากเช้ากลีบมาศช้อย - - - รอชม จวบนิ่มเนื้อเนตรคม - - - เหลือบ-อ้อน ห่างเพียงแค่ลำลม - - - แผ่วร่ำ โรยเนอ เพรียกสั่นไหวสะทกสะท้อน - - - ระทึกทั้งหทัยสถาน ฯ O สบนัยสบเนตรซึ้ง - - - ตรึงทรวง วาบวับปานดับดวง - - - รพิแล้ว สั่งโลกแวดล้อมปวง - - - ปลาตลับ เลือนแล เพียงเนตร, นิ่มเนื้อแผ้ว - - - ผ่องล้ำล้อมประโลม ฯ O เมื่อนัยจากเนตรพร้อง - - - เพรียกถวิล คือโลกแวดล้อมภิน- - - - ทนะแล้ว เพียงภพชาติจากวิญ- - - - ญาณอุบัติ รอเปิดฟ้าผ่องแผ้ว - - - ร่วมเฝ้าประคองขวัญ ฯ O จากเช้ากลิ่นมาศเชื้อ - - - เชิญภมร จนเนตรเชิญเลศวอน - - - สวาดิ, ให้- วัฏฏะรอบกำจร - - - รอบเจต นังแม่ เพรียกภพชาติชดใช้ - - - ชั่วฟ้าดินสลาย ฯ https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=04-2016&date=26&group=11&gblog=654 (https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=04-2016&date=26&group=11&gblog=654) หัวข้อ: Re: O เช้านั้น O เริ่มหัวข้อโดย: สดายุ ที่ 21 กันยายน 2018, 02:49:PM O วิสาขะสมัย .. O (https://www.bloggang.com/data/s/sdayoo/picture/1463195126.jpg) ๘ O บริบทตรู่เช้า .. หมอก-ขาวมัว ลมโรยตัว .. ลูบไล้ก็ไหวสั่น แถบผ้าขาวป่ายริ้ว-ห่มผิวพรรณ- พร้อมด้วยข้าวในขัน .. มุ่งมั่นรอ O แล้วพิมพ์ภาพงดงาม .. แห่งยามเช้า- ค่อยทอดเงาเคียงหมู่ท่านผู้ขอ ศรัทธาของรูปนาม ก็งามพอ- สืบสาน-ต่อเติมธรรม .. ลงย้ำใจ O คำข้าว..ช่อดอกไม้..ถวายพระ ตอบภาวะศรัทธา .. เพื่ออาศัย- สำหรับน้อมจิตนำ .. พากย์ธรรมนัย- กำหนดให้อัตตานั้นล้าตัว O ข้าวหอมกรุ่นในขัน .. คด .. บรรจง- ใส่บาตรสงฆ์เบื้องหน้าแต่ฟ้าหลัว จวบแสงทองอำไพส่องไล่มัว สุขก็ซ่านเอ่อทั่วทั้งหัวใจ O หากเช้านี้ .. ผิดแผกจนแตกต่าง ชั่วพระย่างพ้น .. พลัน-ที่สั่นไหว- คืออกผู้-เบือนหน้าสบตาใคร- แล้ว-เลศนัยเชิงชู้ .. ก็จู่โจม ! O ด้วยเช้านี้มีชายที่หมายรู้- ว่า-งามผู้แสงรุ้งช่วยปรุงโฉม นั้น .. ฤๅ-เพื่อรอช่วงแข่งดวงโคม- ผ่านรอบโสมนัสช่วงกลางห้วงใจ ? O ดู .. สายตาจับจองความผ่องแผ้ว ก็ล้วนแววเอ็นดูจนรู้ได้ ดู .. สายตาจับจองความยองใย ความอ่อนไหวอ่อนโยนก็โชนแวว ! O เมื่อมีรูป, มีใจ-หวั่นไหวอยู่ อารมณ์ผู้จับจ้องก็ผ่องแผ้ว พร้อมริ้วลมโรยตัวอยู่ทั่วแนว การจับจองรูปแก้ว .. ฤๅ-แล้วเลือน ? O แต่เมื่อตาสบรูป .. การวูบไหว- ของดวงใจ .. คือ-งามเจ้าลามเลื่อน- ยอรูปองค์ .. ล้อมชาติเกินอาจเบือน- สายตาเคลื่อนจากงาม .. แม้ยามเดียว ! O ตาสบรูป .. จิตวูบด้วยรูปนั้น ตั้งแต่หันมองตอบ .. เฝ้าลอบเหลียว ตาต้องรูปร่ำล้อ .. ดั่งขอเคียว- เจ้าคล้องเกี่ยวเหนี่ยวใจ .. เอาไปครอง O เช้านี้ .. จึงช่างแปลกจนแตกต่าง ด้วยเรียวร่างงามที่ไม่มีสอง ด้วยรูปพักตร์รูปเดียวเฝ้าเหลียวมอง โลกทั้งผองก็เหมือนวาง .. ให้ย่างเท้า ! O ไร้ซึ่ง - ความเหงาเงียบให้เหยียบย่าง สิ้นทั้งโลกผืนกว้าง .. เคยว่างเปล่า มีแต่แววซ่อนยิ้ม, ความพริ้มเพรา- ของรูปเงาเบื้องหน้า .. ให้ปรารมณ์ ! O พร้อม-ลมเอื่อยแผ่วผ่านอยู่นานเนิ่น, แววขัดเขินเผยอยู่ .. สุดรู้ข่ม สบ – สัมผัสหอมหวานอยู่นานนม- ดวงใจที่จ่อมจมก็ .. สมยอม O ช่อขาวเกสรปีบ .. รอบีบกลิ่น ต้องลมรินโรยผ่าน .. รสหวานหอม- ก็แฝงฝากลมร่ำให้ด่ำดอม- รื่นรมย์ที่รายล้อม..อย่างพร้อมเพรียง O ยิ่งปีกผีเสื้องาม, ตาวามนัย- แฝงฝากให้อาวรณ์ออดอ้อนเสียง เฉกลวดลายปีกบาง..ลอยร่างเพียง- เพื่อเข้าเคียงหวานหอม..แนบน้อมรส O เมฆขาวเวิ้งฟ้าใส .. ลมไหวแว่ว วันผ่องแผ้วบังเดือนให้เลือนบท หญ้าต้องลมโลมสู่ .. ยอดคู้คด ภู่จ่อจดหวานหอมไม่ยอมลา O นกโผเกาะกิ่งพฤกษ์ .. เมื่อนึกย้อน ถึงช่วงตอนใจละห้อยแต่คอยหา ดื่มด่ำด้วยรูปฝัน .. แรงฉันทา- ต่อเรียวร่าง .. อิริยา .. ท่วงท่าที O ทอดตามองที่นี่และที่นั่น รูปรอยฝัน .. แทรกฝ่าเรื้องราศี กลางลมอุ่นโอบไล้, รอบไมตรี- ก็ค่อยคลี่โอบรับไว้กับทรวง O เมื่อลำดวนฟุ้งกลิ่นรวยรินสู่ หอมก็จู่จบแทนความแหนหวง แรงอาวรณ์ซาบซึ้ง .. ใจหนึ่งดวง- หวัง-ผ่านหอมหวานล่วง .. อีกดวงใจ O ปีกนกยังคลี่กาง .. ร่อนกลางฟ้า กลางแววตา, อาวรณ์ .. แสนอ่อนไหว- ที่ละห้อยแหนหวง .. พร้อมห่วงใย- แต่เพียงผู้เยาว์วัย .. อยู่ในยาม O ลมร่ำสายโชยเฉื่อยคล้ายเหนื่อยอ่อน เมื่อเสียงอ้อนออดชู้ .. สุดรู้ห้าม- คอยกระซิบเร้ารุก .. คอยคุกคาม หลังสบแววตางาม .. วาบวามนัย O ปีกนกกางโล้ลม, อารมณ์ถวิล- ก็หลั่งรินรอชู้ .. ร่วมสู่สมัย- การจับจูงเกี่ยวร้อยทุกรอยใจ กำหนดให้ .. ร่วมย่างบนทางเดียว ! ๑๔ O พื้นน้ำชอ่ำ-น-ภะ-ปฎล ก็ระคนกะรูปเคียว รองเรื่อ ก็ เมื่อ-นั-ย-นะ-เหลียว ประลุเหนี่ยวคะนึงหา O เนตรชายชม้าย-อุ-ระ-กระ-เพื่อม รติเชื่อมและบัญชา- จิตผู้เพราะรู้-นิ-ละ-จะหา- ยะ-นะ-ภาวะทั่วพร้อม O วังเวงประเลง-บ-ทะ-ประโลม และโพยมประหนึ่งยอม- พื้นสินธุ์และจิน-ต-นะ-ถนอม- กระแหนะน้อมประนังนวล https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=05-2016&date=14&group=11&gblog=657 (https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=05-2016&date=14&group=11&gblog=657) หัวข้อ: Re: O เช้านั้น O เริ่มหัวข้อโดย: สดายุ ที่ 28 กันยายน 2018, 06:45:AM O ฟ้าเดียวกัน .. O (https://www.bloggang.com/data/s/sdayoo/picture/1380266788.jpg) ๑.โกสุมหอม, กับ, ข้าว - - - ถือรอ เอื้อมใส่บาตรผู้ขอ - - - อ่อนน้อม สำรวมจิตโน้มคอ - - - ก้มต่ำ รูปหนึ่ง,โสตหนึ่งพร้อม - - - กล่าวถ้อย,สดับธรรม ฯ ๒.เสร็จสิ้นโปรดสัตว์ผู้ - - - ยังเพลิน โลกแน สาธุการจำเริญ - - - ร่ำอ้าง ทางพระ,พระดำเนิน - - - ตรงแน่ว ทางโลก,โลกจักล้าง - - - ทุกข์ร้อนฤๅสลาย ฯ ๓.จีวรปลิวปัดล้อ - - - แรงลม พร้อมปัดปลิวเส้นผม - - - หนึ่งผู้ ขันข้าวและเนตรคม - - - คอยอยู่ คอยพระ,คอยตารู้ - - - รูปเนื้อรอยนวล ฯ ๔.ของถวายจีบจับเอื้อม - - - เอาวาง นาสิกเสี้ยวนวลปราง - - - โผล่เร้น พระจำพรากสู่ทาง - - - ควรที่ พระนา ตาหนึ่งจักพรากเว้น - - - ว่างพ้นรูปไฉน ฯ ๕.งามภาคงามพักตร์พ้น - - - พรรณนา งามท่วงทีกิริยา - - - อ่อนช้อย รูปเอยแทรกลงตา - - - สุดต่อ ต้านเนอ สุดต่อต้านกับชม้อย - - - เนตรชม้ายเมียงเมิน ฯ ๖.รอคอยวันพระหน้า - - - คงนาน คิดมาดหมายร่นกาล - - - กุดสั้น ให้ธรรมวกล่มลาญ - - - ร้อนรุ่ม อกเนอ ที่เนตรคมคู่นั้น - - - วาบน้ำผกายหนุน ฯ ๗.อกเอยอุโฆษครื้น - - - เกินควร เหมือนรื่นรมย์เริงขบวน - - - บุกเร้า ที่ถูกย่อมต้องทวน - - - ธรรมบท ให้ผ่านรูปยั่วเย้า - - - ห่วงละห้อยคอยเห็น ฯ ๘.แรมหนึ่งรูปหนึ่งโน้ม - - - จินตนา ดังโลกโน้มจันทรา - - - เคลื่อนห้อม จันทร์ฤๅผลักวงพา - - - ผ่านหลุด พ้นเนอ ใจจักหลุดวงล้อม - - - รูปนั้นทำไฉน ฯ ๙.ข้าว, ใจ, ช่อดอกไม้ - - - ล้วนหอม รอบาตร, รอใครยอม - - - เยี่ยมหน้า ข้าว, มาลย์มอบผู้ออม - - - อัตภาพ มอบอีกใจวุ่นว้า - - - หว่างเงื้อมมือสมร ฯ ๑๐.คำข้าวเจ้าคดน้อม - - - นำวาง ทำอกใจริมทาง - - - ทุกข์ร้อน เกรงบุญช่วยบังพราง - - - ผูกจิต ใครนา หวั่นเนตรปลาบไม่ช้อน - - - ฉ่ำซึ้งขึ้นผสาน ฯ ๑๑.จีวรพระพลิกพลิ้ว - - - พะนอลม เมื่ออกหนึ่งพะนอคม - - - เนตรค้อน ธรรมสัจจ์และรูปสม - - - รอสืบ เสาะนา สืบบท, เสาะหวานย้อน - - - อยู่เลี้ยงอาลัย https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=05-2007&date=24&group=5&gblog=57 (https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=05-2007&date=24&group=5&gblog=57) หัวข้อ: Re: O เช้านั้น O เริ่มหัวข้อโดย: สดายุ ที่ 07 ตุลาคม 2018, 10:20:AM O งามนั้น .. O (https://www.bloggang.com/data/s/sdayoo/picture/1504839249.jpg) O รูปแทนองค์ตถาคตปรากฎอยู่ รอจิตบูชิตตามสืบความหมาย เพรียกความเงียบสงบพร้อมแวดล้อมกาย ด้วยร่มธรรมปัดป่าย .. ตราบคลายร้อน O กลางนิ่งนึก .. ลออรูปก็วูบไหว หอมผ่านให้ .. หอมอยู่ไม่รู้ผ่อน มือกบ, พักตร์ก้มต่ำ .. เหมือนพร่ำวอน- กรรมเก่าก่อนชูชีพ .. อย่าบีบคั้น O เรียวรูปนามงามพิสุทธิ์ .. จนสุดที่- อาจหลีกลี้สบได้ .. เมื่อไหวสั่น- ของอกใจ, ไฟเทียน .. วกเวียนกัน- เข้าโอบขวัญพิมพ์ไว้ แนบนัยน์ตา O ในท่ามกลางลำแดด .. ทอแวดล้อม รูปงามพร้อมเนตรชม้าย-เหมือนชายหา อิริยานารี .. งำ-ลีลา แฝงท่วงท่าปรารมภ์ .. ให้-สมยอม ! O นั่งเท้าแขนพับเพียบดูเรียบร้อย เนตรชม้อยชม้ายผ่าน, ความหวานหอม- ก็แผ่ซ่านผ่านสู่ .. เกินรู้ออม จิตที่พร้อมแพ้-พ่ายอยู่ภายใน O เกศินีเนียนปราง .. สุดพราง-กลบ จากแรกสบตากัน, ที่สั่นไหว- คืออารมณ์ .. คือช่วงของดวงใจ- ที่แกว่งไกวโยนตัวไปทั่วทรวง O ในโบสถ์แสงหม่นครึ้ม, เสียงงึมงำ- แห่งนัยธรรมผ่านศัพท์ .. เหมือนลับล่วง เมื่ออีกใจฝากคำ .. เฝ้าบำบวง- เทพทุกสรวงเหนี่ยวใจ .. อีกใครนั้น O เห็นมือเรียวกราบลงหน้าองค์พระ พร้อมภาวะอีกใจ .. คล้ายไหวหวั่น- เกรงบาปบุญสั่งสม .. ไม่สมกัน- จักพรากขวัญพิมพ์ใจ .. จนไกลเกิน ! O เหลือบสายตาชม้ายชม้อยแล้วคอยหลบ ครั้นตาสบรอบอุทธัจ, แววขัดเขิน- เหมือนแต้มเติมแก้มเรื่อ .. หมายเชื้อเชิญ- การจำเริญปฏิพัทธ์ .. เต็มอัตรา O งามเนื้อทองรูปทรงหน้าองค์พระ เพรียกกาละภพชาติ, แรงปรารถนา- บรรจบแล้วลุกลามจนล่ามคา- แววในตาสุมอกเกินยกพ้น O ทิพโลกชะลอลง .. ก็คงใช่ จาก-เหลียวไปจบรูป, ที่วูบหล่น- หลังคาบยามสัมผัสในบัดดล, คือ-ใจคน .. แววตา, รูปหน้านั้น ! O โอ .. เนตรชายชำเลืองที่เบื้องหน้า หรือคอยดูทีท่าจัก .. กล้า, หวั่น ? แววในตาซ่อนยิ้ม .. กลับพริ้มพลัน- ที่เผลอหันมาพบ .. แล้วสบตา O ระยิบเอย .. แววตาใต้ฟ้าต่ำ เหมือนโน้มนำรั้งเหนี่ยวให้เหลียวหา กลิ่นลำดวนจวนลม .. ก็พรมภา- วะ .. คันธารสหอมแวดล้อมใจ O สายหยุดหยุดหอมสิ้นแต่สิ้นสาย หลังแดดฉายโชนแต้มความแจ่มใส รูปเอย .. แต้มแววตา-รูปหน้าใคร- จะรู้ตัวบ้างไหม .. รูปใครกัน ? O สิ้นสาย ผ่านสาย แล้วสายสวาดิ ลดามาศก็อวลกลิ่นล้อมถิ่นฝัน เมื่อวางภพวางชาติมาพาดพัน- ฤๅอาจเบี่ยงเลี่ยงขวัญคลาดกันพ้น ..? O พร้อมแววตาอ่อนโยนนั้นโชนช่วง ความเงียบเหงาทั้งปวงก็ร่วงป่น ปีกนกเหยียดเต็มช่วงที่สรวงบน เมื่อจิตคนละห้อยเห็นไม่เว้นวาย ! O ตาเหม่อมองแก้มเนียน .. ค่อยเปลี่ยนสี ผุดผาดที่แสงสรวง .. ยอมช่วงฉาย- เพื่อเร้ารูปฉันทาแนบตาชาย ที่เหมือนสายเกินการต่อต้านแล้ว O โอ .. งามฤาจะรวมลงท่วมโลก ค่อยค่อยโยกสั่นเร้า .. อย่างเบาแผ่ว- จวบ .. สายตาอ่อนหวานนั้นผ่านแวว- ความผ่องแผ้ววามระยับ .. ให้จับจอง O เปิดหัวใจในยาม .. งดงามรูป- เข้าโลมลูบ แทรกซุกไปทุกห้อง, ไร้เรี่ยวแรงเพียงพอ จักต่อรอง- การยึดครอง แรงชู้แต่ผู้เดียว ! O จน .. สองมือจับของประคองถวาย- พระ, พร้อมสายตาคอยชม้อยเหลียว- จิตเมื่อนั้น .. จึ่งถือว่ามือเรียว- ชวน-หวังเหนี่ยวโน้มบุญ .. ร่วมจุนเจือ ? O แดดปลายฝนต้นหนาว .. ยังวาววับ เนตรพริ้มพรับในยาม .. ก็งามเหลือ เยี่ยงเถาวัลย์ลมผ่านโลมย่านเครือ รูปอะเคื้อโลมขวัญ .. ย่อมสั่นสะท้าน ! O ผมหล่นล้อมวงหน้าเมื่อหน้าก้ม ทุกข์ขื่นขมในกมลก็พ้นผ่าน หลัง-สองมือแผ่ราบลงกราบกราน สาธุการ เสียงแผ่ว .. ก็แว่วดัง O ดวงตาเอย .. แต่คอยชม้อยชม้าย- หรือเพียงหมายให้ละห้อย .. เฝ้าคอยหวัง ? ชายชำเลืองซ้อนซ้ำ .. โหมกำลัง หรือหมายสั่งชี้ชวน .. พาป่วนใจ ? O จาก-อ่อนหวานวาบแล้วที่แววตา จน-ตอกตรึงฉันทา .. เกินฝ่าไหว แม้นจนรูปคล้อยเคลื่อนลับเลือนไป ยังตรึงให้ละห้อยเห็น .. ไม่เว้นวาง . O แต่เมื่อเนตรซ่อนยิ้ม ค่อยพริ้มหลบ ก็ครันครบปฏิพัทธ์เกินขัดขวาง ซึ้งหวานหอมดุษฎีล้อมที่ทาง จนสุดย่างก้าวหักเบี่ยงมรรคา O จึงเมื่อเนตรพริ้มหลบหลังสบยิ้ม และแก้มอิ่มเรื่อเรื้องอยู่เบื้องหน้า รูปตอกตรึงลงมั่นในสัญญา- ก็ - เหมือนว่ารออยู่ .. แต่ตรู่เช้า ! O เมื่อเนตรพริ้มพรับรออยู่ต่อหน้า ก็รู้ว่าอาวรณ์แต่ก่อนเก่า- ถูกแตะตื่น โลมลูบด้วยรูปเยาว์ จิตจึงต้องรุมเร้าจนสั่นรัว O เรื่อแก้มอิ่มละม่อมหน้า .. แววตานั้น คล้ายคอยสั่นไหวระลอก .. เฝ้าหยอกยั่ว- ให้อารมณ์วกวน .. กลางหม่นมัว อกจึงรัวลั่นอยู่ไม่รู้ยาม O วัฏฏะวง .. สงสารเมื่อผ่านรอบ ใจย่อมนอบน้อมทราบ .. รสวาบหวาม ที่รายล้อมโลมรุกเข้าคุกคาม คอยฉุดล่ามความคิด .. เหนี่ยวจิตใจ O เรื่อแก้มอิ่มละม่อมหน้า .. แววตานั้น ฤๅ-เพื่อยั่วใจหวั่น .. พาสั่นไหว อกคนเบื้องหน้านี้ .. จะมีใด- เอากีดกั้นหลบได้ .. จากนัยน์ตา O ดูเหมือนจะสายเกิน .. การเมินหลบ รูปเพรงภพหยัดหยั่ง .. เหมือนสั่งว่า- จักเผื่อแผ่อ่อนหวาน .. ให้ผ่านมา- ก่อระลอกเสน่หาอีกคราครั้ง O วับวามแวว-เนตรนั้น .. เมื่อสั่นไหว ราวจะผ่านความนัย .. ออกไหลหลั่ง เข้าล้อมให้แววตาละล้าละลัง ด้วยสุดยั้งระลอกคลื่นใต้ผืนทรวง O ระลอกความอาลัย .. ดวงใจหนึ่ง ที่ตราตรึงรูปแก้ว .. ไม่แล้วล่วง ราวหัตถ์พรหมเหนี่ยวนำ .. เพราะคำบวง- นั้นเริ่มช่วงกำลังเข้าสั่งการ O ดูเถิด .. รูปแก้มอิ่ม .. เนตรพริ้มหลบ แต่บรรจบรูปรอย .. ก็คอยผลาญ- อกใจผู้ปรารมภ์ .. ให้ซมซาน ทรมาน .. ทรมาด้วยอาวรณ์ O จะรับรู้บ้างไหม..ว่าใจหนึ่ง- จมคำนึงเวียนว่ายเกินถ่ายถอน ความอ่อนโยนอ่อนหวาน..เหมือนผ่านวอน- เข้าออดอ้อน .. เร้ารัวทั้งตัวตน O ดูเถิดรูปเอวองค์ .. ที่ตรงหน้า สบแววตาปลาบปลั่ง .. เพียงครั้ง .. หน- เหมือนอ่อนล้าไร้สิ้น .. แรงดิ้นรน ด้วยยอมตนยอมตัว .. สิ้น-หัวใจ ! https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=09-2017&date=03&group=11&gblog=683 (https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=09-2017&date=03&group=11&gblog=683) หัวข้อ: Re: O เช้านั้น O เริ่มหัวข้อโดย: สดายุ ที่ 30 ตุลาคม 2018, 07:12:PM O แรงอาลัย .. O (https://www.bloggang.com/data/s/sdayoo/picture/1461332578.jpg) ๘ O คงใช่แล้ว-ห่วงหา .. ความอาวรณ์ เริ่มซอกซอนรุมรัดเกินปัดหาย เมื่อไมตรีเยื่อใยแห่งใจชาย ถักทอดสายโอบฉุดจนสุดยั้ง O กำแพงใดใครสร้างขึ้นขวางคั่น ฤๅอาจกั้นกีดไหว .. เมื่อใจสั่ง ต่อให้สูงใหญ่ล้ำเหลือกำลัง ถูกซอนเซาะซ้ำครั้ง .. ย่อมพังครืน O เมื่อนั้นแหละทั้งปวง .. ความห่วงหา จะโหมฤทธิ์เข้ามาทั้งตาตื่น บรรโลมหวานหยาดย้ำ .. เช้า .. ค่ำคืน จนสุดขืนขัดห้าม .. งดงามนั้น O ย่อมรุมเร้าในอกสุดยกย้าย และวนว่าย .. อาลัยด้วยไหวหวั่น ย่อมวาดหวัง .. รอยคำ .. ถ้อยรำพัน มากล่อมขวัญเร้าทรวง .. อย่างห่วงใย O ย่อมละห้อยคอยเห็น .. ด้วยเป็นห่วง จะเลยล่วงลับกันก็หวั่นไหว เจ้าเอยกลางราตรีจะมีใคร ร่วมเผยรูปอำไพที่นัยน์ตา O ย่อมมาดหมายร่นฟ้า .. เข้ามาใกล้ โอบกายไว้แนบทรวงด้วยห่วงหา จะชวนชี้ดาวสวรรค์และจันทรา กล่อมคีตาให้สดับอยู่กับใจ O จากต่างฟ้าต่างแดน .. ที่แสนห่าง จนแผ้วทางนฤมิตมาชิดใกล้ ถักทอแล้วแน่นเหลือสายเยื่อใย จะทอดให้ก้าวย่าง .. ย่ำกลางทรวง O ใจเอยนั่นจันทร์เพ็ญลอยเด่นฟ้า ชมเถิดราศีโสมเมื่อโลมสรวง ย่อมยอแสงแจ่มจ้าสู่หล้าปวง จะเลยล่วงลับได้อย่างไรกัน O ชื่นเอย .. แต่เมื่อโฉมประโลมเล่น ครั้นห่างเห็นห่วงละห้อยแต่คอยขวัญ เกินอักษรกรองคำจักจำนรรจ์ ร้อยรำพันความนัยออกใกล้เคียง O เจ้าเอยแต่เมื่อเห็น .. เกินเร้นห่วง จะเลือนล่วง .. อาลัยก็ให้เสียง มาทักทายยั่วล้อ .. จนพอเพียง ก่อนบ่ายเบี่ยงหลบให้ .. ห้วงใจคอย O เบื้องบนนั่น .. จันทร์พร่างอยู่กลางสรวง โลกล่างปวง .. เย็นเยียบจนเงียบหงอย ดาวบนฟ้าแสงกระพริบ, ตาปริบปรอย- ชม้ายชม้อย .. แฝงนัยอยู่ในที O ดาวจันทร์จึงดับดวง .. จนล่วงสิ้น รองรับยินดีโลกทั้งโลกที่- แววอ่อนหวานอ่อนไหว .. แฝงใยดี- ค่อยหมุนคลี่ม้วนรัดในบัดนั้น ! ๑๔ O จากขวัญและขวัญดละคะนึง ภวะซึ้งก็ล่ามพัน จวบนัย ณ นัยนะถวัลย์ พะ-ผจัญ, ก็แจ้งความ O หวานใด ณ ในอุบัติภพ- ะจะลบ บ่ ให้ลาม เมื่อนัย ณ นัยนะวะวาม ดุจะล่ามและรอบล้อม O หอมใด ณ ในภพะมนุษ- ยะจะยุด บ่ ให้ยอม เมื่อเนตรและเจตทะนุถนอม ดุจะพร้อม .. และยอมใจ . . https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=04-2016&date=22&group=11&gblog=653&fbclid=IwAR3GneLeAk5DFUi-m_i7XW-Q3jyK_0zp7qPQlvkSXLbVnni3-WlDTrWVozA (https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=04-2016&date=22&group=11&gblog=653&fbclid=IwAR3GneLeAk5DFUi-m_i7XW-Q3jyK_0zp7qPQlvkSXLbVnni3-WlDTrWVozA) หัวข้อ: Re: O เช้านั้น O เริ่มหัวข้อโดย: สดายุ ที่ 05 ธันวาคม 2018, 08:23:AM O เส้นแสง และแรงคะนึง O (https://www.bloggang.com/data/s/sdayoo/picture/1460772891.jpg) O ยิ่งกว่าสายฝนโปรย .. ลมโชยผ่าน และดอกมาลย์รวยรินด้วยกลิ่นหอม คือแววตาชม้อยสู่ .. เหมือนรู้ยอม- การโอบกล่อมล้อมร่างไว้กลางทรวง O ปลาบเปรี้ยงกลางสายฝนที่หล่นหลั่ง วิชชุคลั่งโลดแล่น .. เย้ยแดนสรวง แล้วซ่อนเร้นอ่อนไหวที่ในดวง- ตาแหนหวงเจ้าเผย .. ยั่วเย้ยใคร ? O ดวงวันบำราศฟ้า .. จันทราเสี้ยว- ก็เลื่อนเรียวลอยรูป, แวววูบไหว- ของดวงตาอาวรณ์กำจรนัย- ก็ผ่านออกเผยให้ .. หัวใจรู้ ! O อาวรณ์ในแววตา .. เบื้องหน้านั้น- ฤๅอาจกั้นกีดความ .. เมื่อลามสู่ ? ให้สบเสพดื่มด่ำรสดำรู- ดั่งสายฝนพร่างพรู .. ลงสู่ใจ O สังคีตสีสั่นพลิ้วเป็นริ้วเสียง แว่วผ่านเคียงสายฝนที่หล่นไหล คะนึงรูปสรรพางค์ที่ห่างไกล- แว่วเสียงแล้ว .. หวั่นไหวถึงใครกัน ? O แม้นเลื่อนรูปนามไป .. จนไกลห่าง หากขอบโค้งฟ้ากว้าง .. ยากขวางกั้น เมื่อหัวใจทั้งดวง .. คอยพ่วง .. พัน- โอบแนบอีกใจนั้น .. ทั้งวันคืน O จันทร์เจ้าเอยเลื่อนดวงจนล่วงลับ ดาวเคยวับวามอยู่ .. สุดรู้ขืน- เมื่อมืดหม่นทั้งตอน .. วกย้อนกลืน- กลบ .. ด้วยคลื่นฝนโปรย .. ลมโรยตัว O ละห้อยหาเช่นไ ร.. หนอใจนั่น หรือหวามหวั่นเสน่หากลางฟ้าหลัว ? ด้วยอารมณ์ .. ด้วยขวัญที่สั่นรัว- เมื่อแรงชู้เกลือกกลั้ว .. แนบหัวใจ O โอภาสรูปเรขา .. ที่ฟ้าบน- ยังคำรณคำรามเกินห้ามไหว ฟังเถิดเจ้ารูปยุพิน .. ที่ถิ่นไกล- เสียงอกใครเลื่อนลั่นรำพันความ O ย่อมมิใช่ฟ้าแล่นโลมแสนสรวง หากเป็นทรวงเสพทราบรสวาบหวาม- หลังเผยรูป, พฤติลออ .. ลงต่อความ- ฤๅอาจห้ามปรารถนาผู้อาลัย O วาบวกรูปวิชชุดา .. กลางห่าฝน- คอยว่าย-วนแทรกบทความสดใส วาบวิ่งอยู่เบื้องหน้า .. แววตาใคร ? ช่างอ่อนหวานอ่อนไหว .. ล้อใจคน O ข่มจันทร์ดาวบนฟ้า .. จนลาล่วง- เหลือสองดวงหวานละมุน .. กลางฝุ่นฝน กระพริบแสงวาบวาม .. งดงามจน- อกใจอลเวงอยู่ .. ไม่รู้วาย O เจ้าเอยรู้ไหมว่า .. แรงอาวรณ์- เกินเร้นซ่อน .. ขับข่มให้ล่มหาย รู้ไหมว่าความคำ .. พี่รำบาย- เพื่อกล่อมสายสวาดิชู้ .. แต่ผู้เดียว O กลางสายฝนคลุมฟ้า .. แววตาเจ้า- เหมือนยั่วเย้าเหลือบชม้อยให้คอยเหลียว วิชชุบนเลื่อนแล่นสองแขนเรียว- ราวเอื้อมเหนี่ยวเด็ดใจ .. เอาไว้ครอง O ยามนี้ฟ้ามืดหม่น .. น้ำหล่นไหล พร้อมหัวใจใฝ่เฝ้าเป็นเจ้าของ หวังเพียงแววตาละห้อย .. จักคอยมอง- รอ .. แขนคล้องเรียวร่างไว้กลางทรวง O รอเถิดเจ้า .. เยาวรูป .. รอลูบโลม- จากรอบโสมนัสแฝง .. ด้วยแรงหวง ความคำพี่ร้อยเรียง .. หวังเพียงดวง- ตาแสนห่วงใยล้น .. กระวนกระวาย ! O รอ-เถิดเจ้า .. รูปนามผู้ทรามสวาดิ รอ-รวมชาติภพนี้ .. เป็นที่หมาย พร้อมอาวรณ์อาลัยของใจชาย- จักเคลื่อนคลายโอบล้อมอย่างยอมตน O แว่วยินไหมคลื่นฝนคำรณเสียง แปลบปลาบเปรี้ยงเปรี้ยงดัง .. ทุกครั้งหน- ฤๅเท่าเสี้ยวส่วนในหัวใจคน- ดังกึกก้องกาหล .. อยู่คนเดียว ! https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=04-2016&date=16&group=11&gblog=652 (https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=04-2016&date=16&group=11&gblog=652) หัวข้อ: Re: O เช้านั้น O เริ่มหัวข้อโดย: สดายุ ที่ 08 มกราคม 2019, 06:30:PM O ฟ้าคร่ำลมครวญ .. O (https://www.bloggang.com/data/s/sdayoo/picture/1500015618.jpg) O กัมปนาทวิชชุโชติ .. เหมือนโกรธเกรี้ยว จันทร์รูปเรียวเคยประดับก็ลับหาย อัสสุชลหล่นฟ้า .. กลับพร่าพราย- ด้วยชม้ายชายตา .. แฝงท่าที O ครั่นครื้น-เสียงลมฟ้า .. เสียงห่าฝน หากใจคนกลีบสุมาลย์เริ่มบานคลี่ วิชชุเฟื้อยเส้นปราด .. ลงฟาดตี และกลีบสีบุษบันเริ่มสั่นสะทก O รับรู้ - คลื่นลมฝนอีกฝนหนึ่ง พร้อมทั้งความหวานซึ้งติดตรึง .. อก ไร้แสงดาวดื่นเรียง, ไร้เสียงนก- หากสาธกไร้เสียง .. จักเลี่ยงฤา ? O พระท่านว่าตาจบกรรทบรูป จิตอาจวูบด้วยพฤติ .. แล้วยึดถือ ตั้งแต่เนตรเหลือบเหลียว-เยี่ยงเรียวมือ- เข้ายุดยื้อเพรียกถวิลให้ดิ้นรน O พอสิ้นเสียงธรรมพระ .. ก็จะแจ้ง- ถึงนัยแฝงเร้นผจง .. ให้ส่งผล สาธุการแผ่วพลิ้วกลางริ้วสุคนธ์ และใจคนอบอุ่นละมุนละไม O เบื้องนอก-ลมเฉื่อยโชย .. ฝนโปรยปราย เบื้องหน้า-สายตานั้นเหมือนสั่นไหว วาบวิ่งแสงวิชชุยังคุไฟ และวาบวับตาใครเล่าไหววน O นับเนื่องแต่บ่วงกรรม .. พาจำพราก สืบช่วงจากแดดอุ่นถึงฝุ่นฝน ตราบ-ธรรมแว่ว, เพทนา, นัยน์ตาคน- หวานหอมกลีบสุคนธ์ .. ก็หล่นคอย O สิ้นคาบยามน้ำหยาดบำราศแล้ว เหลือเพียงคีตผ่านแว่ว อย่างแผ่วค่อย พร้อมคู่ดาววาบแสงลงแฝงรอย เพรียกละห้อยห่วงเห็นไม่เว้นยาม O ดึกดื่นเสียงกัมปนาทค่อยขาดช่วง หากแต่ท่วงทีละม่อม .. กลับล้อม-ล่าม อิริยาพฤติจริตย่อมติดตาม- เข้าคุกคามถวิลอยู่แต่ผู้เดียว O ภาพ-กบก้มประนมกรอันอ่อนช้อย, เนตรชม้อยชม้ายตอบยามลอบเหลียว, พร้อมสายลมแผ่วพลิ้ว-ด้วยนิ้วเรียว- กบ-เหมือนเหนี่ยวจิตชายอย่าคลายคะนึง O ผมหล่นล้อมรูปหน้าเมื่อหน้าก้ม เพียงสายลมขวางอยู่เมื่อรู้ถึง- ความอาวรณ์ในจิต .. ว่าติดตรึง- กับรูปซึ่ง .. ธรรมพระ-ต้องละวาง ! O ทุกลอบเหลือบเหลียวอยู่ก็รู้เลศ เหมือนดลเวทย์มนต์อุบัติขึ้นขัดขวาง ธรรมพระแว่ว .. ดวงขวัญก็กั้นกลาง อนัตตาความว่างก็ห่างไกล O จาก-อ่อนเอนแกว่งไกวของไม้พุ่ม- ถึงลมรุมเร้าผ่าน .. กิ่ง .. ก้านไหว ฤาต่างความรุมเร้า – รูปเงาใคร- เผยผ่านงาม .. สดใส .. คอยไหววน O กี่ปีกนกล้อลม .. กี่ร่มพฤกษ์- ผ่าน .. รำลึกย้อนหลัง, สักครั้งหน- ที่รูปคราญโลมไล้ .. หัวใจคน- จัก .. ฝ่าพ้นผ่านงาม .. สักงามนั้น ? O สิ้นจันทร์ .. สิ้นคืนค่ำ .. ลมร่ำ-หนาว หากเนตรวาววับนัย ยังไหวสั่น- เหมือนคอยยั่วคอยย้ำ .. แทนรำพัน- โอบอุ้มแรงใฝ่ฝันให้สั่นรัว O กุมเหงนั่นเพียบพร้อม .. ละม่อมหน้า เติบเต็มโหมคุณค่ากลางฟ้ารั่ว มธุรสบุษบันก็กลั่นตัว หยาดโลมทั่วดวงจิต .. รอชิดเชย O พร่างพรายจันทร์อีกดวงในทรวงนี่ หากหลีกลี้ .. อ้อยอิ่งทำนิ่งเฉย- หนี้อาวรณ์ทบต้น .. จักล้นเลย- ความอันเคยเอ่ยนับทุกกัปกัลป์ O พร่างพรายแล้วเสน่หา .. คันธารส แต่เผยบทบาทน้อม .. เข้าล้อมขวัญ เถิด-ถ้อยคำบวงโอ่ .. ทั้งโลกันต์ เพียงเศษเสี้ยวส่วนอนันต์ .. รำพันนี้ ! (https://www.bloggang.com/data/s/sdayoo/picture/1499862869.jpg) https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=07-2017&date=12&group=11&gblog=681 (https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=07-2017&date=12&group=11&gblog=681) |