หัวข้อ: ~*~ บรรพคีตา ~*~ เริ่มหัวข้อโดย: วลีลักษณา ที่ 04 สิงหาคม 2018, 08:33:PM (http://www.mhodoo.com/dream/A18072012190428.jpg) ๐ คีตาล่องลอยลมพลิ้วพรมหวน เหมือนคร่ำครวญทวนเรื่องแต่เบื้องหลัง ท่วงทำนองคล้องขึงตรึงภวังค์ โหมกำลังแทรกลึกให้นึกจำ ๐ เสียงสีเสียดเบียดสายราวหมายว่า จักกล่อมฟ้ากล่อมดินให้ยินร่ำ ล่องตามลมรวนเรโหมเห่ลำ คล้ายคล้ายพร่ำรำพันแต่บรรพ์มา ๐ ค่ำคืนกลางวสันต์พระจันทร์เสี้ยว ลอยรูปเคียวแคว้งคว้างกลางเวหา มืดมนในคืนดับเหมือนหลับตา ปิดมายาภาพทิ้งทุกสิ่งเป็น ๐ เดือนเว้าแหว่งแห่งหนก็หม่นหมอง เลือนสิ้นแสงสาดส่องให้มองเห็น ในอกใจพกเพียบแต่เยียบเย็น ช่างยากเข็ญเกินขับให้ดับลง วลีลักษณา หัวข้อ: Re: ~*~ บรรพคีตา ~*~ เริ่มหัวข้อโดย: @free ที่ 05 สิงหาคม 2018, 12:31:AM สำเนียงโรยโชยฉ่ำเสียดล้ำเหลือ ลึกลงเจือใจร้าวแหลกผ่าวผง คิดถึงเคยเชยเคล้าเจ้าอนงค์ สำเนียงส่งสำนวนไม่ชวนฟัง โอ้อดีตกรีดซ้ำเหมึอนย้ำยอก หวนช้ำชอกครั้งยามนึกความหลัง หักใจฝืนคืนวันที่ฉันชัง ใดเล่ายั้งหยุดคิดหวังจิตปลง จันทร์เสี้ยวเอยเผยมาเมื่อราตรี แสงนวลศรีรัญจวนชวนลุ่มหลง ใจเจ้าหนอส่อเศร้าเฝ้าพะวง ไม่หลับลงเพียงนี้บรรพคีตา หัวข้อ: Re: ~*~ บรรพคีตา ~*~ เริ่มหัวข้อโดย: พิณจันทร์ ที่ 05 สิงหาคม 2018, 05:08:PM emo_111
หากพินิจ จิตปรุงความฟุ้งซ่าน คีตกานท์ล้อมใจก็ไร้ค่า ห่อห้อมศิลป์รินคำมินำพา ประหนึ่งว่าปางก่อนหยาดย้อนเยือน ความเจ็บช้ำหยั่งลึกผนึกแน่น กลบด้วยแท่นหินผามิลาเลื่อน ความรู้สึกกัดกินรอบถิ่นเรือน มันแปดเปื้อนทุกที่ฤดีเดิน ตราบเพ็ญจันทร์แจ่มชัดสลัดแจ้ง คล้อยสีแสงจนเสี้ยวลดเลี้ยวเหิน ค่ำคืนหนาวเจ็บปร่าล้าเหลือเกิน จะดำเนินอย่างไรให้อีกวัน ในบางครั้งก็ปลงมิหลงจิต ห่อความคิดปล่อยวางทิ้งขว้างนั่น แต่หนทางขมขื่นก็ยืนยัน ยากปิดกั้นเครียดขึงถมึงตน เกิดเป็นความเจ็บแค้นขึ้นแท่นตั้ง กลายชิงชังเมื่อเห็นเกิดเป็นผล ความรู้สึกสาปแช่งระแวงคน กลายหมองหม่นกระด้างอยู่ข้างใน คีตาล่องลอยศิลป์อาบรินขาน คีตกานท์ครุกกรุ่นมิคุ้นไหน เมื่อความคิดยังหวนปั่นปวนใจ เพลงหม่นไหม้แผดเผาจิตเราเอง (แฮ่ๆ..ต่อนำจักหน่อยแน อิอิ) พิณจันทร์ หัวข้อ: Re: ~*~ บรรพคีตา ~*~ เริ่มหัวข้อโดย: วลีลักษณา ที่ 05 สิงหาคม 2018, 08:09:PM พิณพาทย์ยังพลิ้วผ่านอ่อนหวานเศร้า (ต่อพิณจันทร์) ประดุจเร้าปรารมภ์คล้ายข่มเหง รั้งให้ย้อนรอยฝันถึงวันเพรง เรื่อยบรรเลงเพลงนั้นตรึงสัญญา มรสุมคลุมครอบอยู่รอบด้าว (ต่อ @free) เวิ้งวงหาวมืดมิดทุกทิศา แม้จันทร์เสี้ยวเรียวบางกลางนภา ก็เลือนแสงแฝงฟ้าโศกอาดูร สายฝนพรมลมพลิ้วเสียงหวิวหวีด กลบสังคีตครวญขับจนดับสูญ โลกทั้งโลกหม่นดำเลือนจำรูญ แต่กองกูณฑ์กลางใจกลับไหม้ลาม หยาดพิรุณรินหลั่งประดังหล้า เติมน้ำตาเศร้าโศกล้นโลกสาม คีตาแผ่วแว่วหายกลับกลายทราม มิเหลืองามสักน้อย ในรอยเดิม วลีลักษณา |