หัวข้อ: --- วลีลักษณา-อักษรารำพัน --- เริ่มหัวข้อโดย: victoria's secret ที่ 01 สิงหาคม 2016, 01:05:PM ~~~~~~ กล่อมไพร ~~~~~~ ๏ เพลินสายลม..พรมไล้..กลางไพรพฤกษ์ ในป่าลึก..ดึกดื่น..ท่ามคืนหงอย ปล่อยความคิด..จิตท่อง..อย่างล่องลอย ปลอบกมล..คนคอย..บนดอยไกล ๏ ให้ผ่านวัน..อันร้าว..ที่ราวป่า คลายอุรา..ล้าอ่อน..เกินถอนไถ่ เฝ้าเหม่อครวญ..หวนหา..ด้วยอาลัย สิ้นวิญญาณ์..ป่าไพร..ยามไร้นาง ๏ มองเห็นจันทร์..พันดาว..ในราวฟ้า ให้อิจฉา..ดาราราย..อันพรายพร่าง มีหมู่ดาว..พราวไสว..ในนภางค์ เฝ้าโอบเรียง..เคียงข้าง..มิร้างเลือน ๏ แต่อีกหนึ่ง..หัวใจ..แสนไหวหวั่น อย่างเงียบงัน..ในอก..สุดยกเคลื่อน ห่างไกลสุด..ฝั่งฟาก..เพียรฝากเดือน- คอยย้ำเตือน..ภาพฝัน..แห่งวันวาน ๏ ให้สายลม..ห่มใจ..อันไหวอ่อน ล้างอาวรณ์..ถอนหม่น..ให้พ้นผ่าน ถอนสิ้นเศร้า..เหงาทรวง..พ้นดวงมาน คีตกานต์..ขานขับ..ประทับทรวง ๏ ค่อยซึมซับ..หลับไหล..ในห้วงฝัน ท่องวิมาน..ผ่านสวรรค์..ถึงชั้นสรวง ลืมวิโยค..โศกศัลย์..อันทั้งปวง ก่อนลุล่วง..ห้วงสนิท..แห่งนิทรา๚.......(อักษรารำพัน) ~~~*~~~ ลมหนาว ~~~*~~~ ๏ ลมหนาวโลมห้วงหาวพาหนาวห้อม เข้าโอบล้อมรอบทรวงผู้ห่วงหา เย็นเยียบในดวงขวัญเมื่อฉันทา ค่อยลับลาเลยล่วงกลางห้วงกาล ๏ ก่อนนั้นเคยหวานชื่นกลางคลื่นหนาว มาถึงคราวจางลงสิ้นสงสาร ความรักที่เบิกบทด้วยรสตาล ก็ขมซ่านแทรกซอนจนอ่อนใจ ๏ สนพลิกพลิ้วเรียวใบลมไล้ลู่ ดั่งรับรู้อาวรณ์สุดทอนไหว อกใจเอยพรากพ้นสู่หนใด ด้วยอาลัยล่ามคล้องลงจองจำ๚....(วลีลักษณา) ~~~~~~~ ร้าวทรวง ~~~~~~~ ๏ ลมหนาวล่วง..ห้วงใจ..ก็ไร้ฝัน คราวเหมันต์..วันคืน..ช่างชื่นฉ่ำ คิมหันต์มา..พาใจ..ให้ระกำ ต้องเจ็บช้ำ..ซ้ำซ้อน..ยอกย้อนทรวง ๏ รักต้องพราก..จากไกล..พร้อมไอหนาว เมื่อถึงคราว..หนาวคลาย..ก็หายล่วง ต้องขื่นขม..จมปลัก..กับรักลวง จมกับห้วง..บ่วงสวาท..อนาถแท้ ๏ หวังหนาวโลม..โหมผ่าน..เช่นกาลเก่า กลับถูกเศร้า..เข้างำ..จนย่ำแย่ หวังหนาวเจ้า..เข้าเยือน..ไยเชือนแช กลับฝากแผล..แก่ใจ..จนใกล้ตาย๚.....(อักษรารำพัน) ~~~*~~~ เศษรักซากร้าง ~~~*~~~ ๏ สายลมโบกโยกไกวใบไม้พลิ้ว บ้างปลิดปลิวขั้วหล่นลับพ้นหาย สิ้นสุดช่วงล่วงผ่านรานมลาย ความหวานกลายเป็นขมให้ตรมตรอม ๏ ปลิดปลิวแล้วขั้วใจพรากไกลลับ ไม่อาจกลับคืนให้ได้ถนอม ต้องทนเศร้าโศกซมอย่างสมยอม สิ้นหวังหลอมรักรวมร่วมชีวัน ๏ รอแต่ป่นปนดินอย่างสิ้นไร้ เช่นใบไม้หล่นคว้าง..บนทางฝัน เหลือแต่เศษซากทรวงในบ่วงทัณฑ์ ที่นับวันแหลกสลายตามสายกาล๚.....(วลีลักษณา) ~~~~~~~ ความหวัง ~~~~~~~ ๏ ถามหัวใจ..ในยาม..ช้ำลามแผ่ แม้เกิดแผล..แค่นิด..ก็ฤทธิ์ซ่าน ยิ่งเมื่อช้ำ..ล้ำล่วง..สู่ดวงมาน ถูกร้าวราน..ผลาญพร่า..ยิ่งอาดูร ๏ กี่คราวครั้ง..หวังไว้..ในถวิล ก็พังภิณฑ์..สิ้นหาย..มลายสูญ ได้แต่ช้ำ..ซ้ำเติม..และเพิ่มพูน ร้าวฤดี..ทวีคูณ..สูญแรงใจ ๏ หวังความหวัง..ครั้งท้อ..จะพอเหลือ มาจุนเจือ..เผื่อคน..ที่หม่นไหม้ จะมีแรง..แกร่งพอ..สู้ต่อไป ก่อนสายใย..ใน"รัก"..จะหักลง๚.....(อักษรารำพัน) ~~~*~~~ บนทางฝัน ~~~*~~~ ๏ ฝ่าสายกาลวิโยคอย่างโศกเศร้า ความเปลี่ยวเปล่าเร้ารุมจนลุ่มหลง เห็นพรายรุ้งเรื่อสายก็หมายคง หวังดำรงเส้นสีแต้มชีวา ๏ เวียนเกิดดับนับครั้งที่พังพ่าย ที่วนว่ายทุ่มแรงแสวงหา คือสีสัน..สุข-เศร้า เคล้าน้ำตา เมื่อเอื้อมคว้าก็คว้างออกห่างไกล ๏ เกือบสุดปลายทางฝันที่ฟันฝ่า ก็เหมือนว่าโคมสรวงเป็นดวงใส เปล่งแสงสาดส่องทั่วทั้งหัวใจ คนยากไร้..พลิกฟื้นมาชื่นบาน๚....(วลีลักษณา) ~~~~~~ ระบำน้ำค้าง ~~~~~~ ๏ ฟังสิคำ..น้ำค้าง..พร่างปลอบขวัญ ก่อนฤดู..เหมันต์..จะผันผ่าน ประโลมปลอบ..มอบเจ้า..เยาวมาลย์ ทั้งสองเรา..เศร้า-ราน..เนิ่นนานมา ๏ หากแล้งรัก..หนักอก..สะทกไหว ยอมปลิดใบ..ในเล่ห์..สิเนหา จงลืมช่วง..ชอกช้ำ..ของน้ำตา แล้วเยียวยา..บาดแผล..ที่แผ่ดวง ๏ ฟังเพลงดึก..คึกครื้น..ในคืนค่ำ ชมระบำ..น้ำค้าง..พร่างจากสรวง รับสัมผัส..ลมดึก..ผนึกทรวง ให้เพลงไพร..กล่อมห้วง..ดวงใจร้าว.....(อักษรารำพัน) ~~~*~~~ เวิ้งวรรษา ~~~*~~~ ๏ เวิ้งวงสรวงช่วงแสงโลมแหล่งหล้า เมื่อวรรษาทิ้งช่วงปล่อยห้วงหาว ให้กระจ่างพร่างแสงแต้มแต่งราว จะถึงคราวสิ้นหม่นพรากพ้นไป ๏ ลมเช้าโชยลำเฉื่อยคล้ายเหนื่อยอ่อน ภุมรินโล้ร่อนปีกว่อนไหว ตามกลิ่นหอมรวยรินจากถิ่นไกล ที่ย้อมใจเกินต้านแล้วผ่านเลย ๏ สุคนธชาติเจ้าเอยรำเพยกลิ่น ระรวยรินโลมหล้ายามฟ้าเผย- พรายแดดอุ่นออดอ้อนช่อซ้อนเชย- กลีบที่เคยหลุบหลู่ก็รู้บาน๚.......(วลีลักษณา) ~~~~~~ วังวนแห่งรัก ~~~~~~ ๏ หมู่แมลง..แฝงกาย..ที่ปลายกิ่ง หมายพักพิง..อิง-ดอม..ความหอมหวาน รอเวลา..มาลี..คลี่ตระการ ก็บินพล่าน..ผ่านเล็ด..เข้าเด็ดดม ๏ เพราะมาลี..คลี่ขยาย..กำจายกลิ่น หมายเร้ารุม..ภุมริน..ด้วยกลิ่นฉม ต่างพะวง..หลงชื่น..ในรื่นรมย์ เมื่อชื่นชม..สมอยาก..ก็จากลา ๏ ต่างก็มอบ..ตอบแทน..สิ่งแหนหวง ใช่กลลวง..บ่วงเล่ห์..สิเนหา จึงต่างมอบ..ตอบกัน..อย่างฉันทา เพื่อนำพา..รักผลิ..นิจนิรันดร์๛...(อักษรารำพัน) |