หัวข้อ: O ข้าวร่วมขัน .. O เริ่มหัวข้อโดย: aasdang ที่ 10 สิงหาคม 2014, 07:00:AM http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=08-2014&date=10&group=11&gblog=569 (http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=08-2014&date=10&group=11&gblog=569) (http://www.bloggang.com/data/s/sdayoo/picture/1407590079.jpg) -1- O แต่ .. ร่วมบุญตักบาตร .. อาวาสเหนือ เพ่งจิตเพื่อรอบกุศลแต่หนหลัง ได้สืบสานตอกย้ำเสริมกำลัง ลงหยัดหยั่งทอนค่า .. อัตตาตน O ลงสองเข่ากรประนม .. คอก้มต่ำ บำบวงธรรมตรึกตรองครรลองผล แว่วคำพระกล่าวกล่อม .. เข้าล้อมลน ก็แช่มชื่นเหลือล้นอยู่บนใจ O เรียวนิ้วงามจับของประคองถวาย แล้วหมอบกายหน้าก้ม, น้ำพรมใส่ เป็นน้ำมนต์บริกรรมพากย์ธรรมนัย ป้องอาลัยอาวรณ์ให้ทอนแรง O ราวหอมรื่นพัสตร์ห่ม .. บังบ่มผิว ร่ำลมริ้วผ่าวแนบ .. เข้าแอบแฝง นาสิกใกล้หอมอยู่ .. ฤๅรู้แปลง- เปลี่ยนจากแหล่งพักตร์ละม่อม .. กรุ่นหอมนั้น O กลิ่นธูปและควันเทียน .. ไหวเวียนอยู่ เมื่อตารู้ .. งามพิไลเริ่มไหวสั่น ประกายวับวามอยู่เกินรู้-กัน จนกราบพระคล้อยหัน .. ก็พลันพบ O งดงามนักเจ้าเอย .. เมื่อเผยสู่ สบเนตรนิ่งงันอยู่เกินรู้หลบ เกศินีนวลปรางสะอางครบ จะเลือนลบจากใจอย่างไรพ้น O แว่วพระสวดธรรมบท .. ปรากฎเสียง ความเรื่อยเรียงให้สดับ .. อยู่สับสน วงพักตร์หวาน, ธรรมนัย-แว่วไหววน พร้อมอกหนึ่งอึงอล .. อยู่บนยาม -2- O มาไหว้พระทำบุญ .. เพื่อหนุนชาติ หวังบำราศทุกข์โศกแห่งโลกสาม ให้นัยธรรมหลอมเหลว .. ส่วนเลวทราม พาข่มข้ามขวากขวางที่วางรอ O ด้วยศักดิ์ศรีชายผู้ .. ไม่คู้ต่ำ ไม่อาจย่ำทางสู่ .. ท่านผู้ขอ ตรองข้อธรรมร้อยเรียงย่อมเพียงพอ จักเติมต่อวิชชาเป็นอาภรณ์ O มาทำบุญถวายพระ .. สังฆทาน ให้พระผ่านนัยธรรมขึ้นย้ำสอน แจ่มกระจ่างโศกสุขไปทุกตอน แล้วรับพรรื่นล้ำ .. พร้อมน้ำมนต์ O หอมกรุ่นรูปพัสตรา .. เบื้องหน้านั้น ก่อนค่อยผันพักตร์เหลียว .. มาเกี่ยวผล- จากรูปเผยสบต้อง .. ตาของคน ลุกลามอลวนไหวที่ในทรวง O โพธิ์ยังคงระบัดใบ .. เมื่อใจล่อง- สู่พักตร์ผ่องเนตรวามที่ลามล่วง- มาจับจองนัยคำ .. ถ้อยบำบวง- ให้โชนช่วงรอบกรรม .. มุ่งบำเพ็ญ O ศักดิ์สิทธิ์เสียจริงหนอ .. คำขอนี้ จึงมือที่ผู้ใดมองไม่เห็น คล้ายจับจูงชาติภพ .. บรรจบ-เป็น- นัยแฝงเร้นจดจ่อ .. เฝ้ารอคอย -3- O อารามวัดเรือนไม้ที่ริมน้ำ อีกครั้งที่รอบกรรมและคำถ้อย พาบรรจบรูปแพงผู้แฝงรอย ให้คนพลอยถวิลเห็นไม่เว้นวาย O ใกล้เจดีย์โบสถ์เก่า .. อันเก่าคร่ำ คือคลื่นน้ำลมพลิ้วเป็นริ้วสาย บนเรือนไม้นัยธรรม .. แว่วรำบาย ความมุ่งหมายพิสมัยแห่งใจคน O รูปอดีตเจ้าหลวงนั้นตั้งเด่น ที่บวงเซ่นเถ้าปวง .. เริ่มร่วงหล่น คือวัดโกษาวาส .. ที่ชาติชน เคยสืบผลธรรมพุทธโดยดุษณี O ก้มกราบรูปองค์พระ .. รูปพระพุทธ เหลื่อมทองผุดผ่องตา .. เรื้องราศี พักตร์สงบงันอยู่ .. ช่วยชูชี- วาตม์ คนที่รุมร้อน .. ได้ผ่อนลง O ใกล้ใกล้ที่นั่งสงฆ์ .. ใกล้องค์พระ แว่ววาทะกล่อมจิตให้คิดบ่ง- เอาเสี้ยนแหลมแซมจิต .. พาปลิดปลง แล้วเสริมส่งรอบกรรมในสัมมา O กราบองค์พระลมรื่นใจตื่นพร้อม เมื่อคล้ายกรุ่นกลิ่นหอม .. ละม่อมหน้า- จะวาบไหวบริบทออกจดตา ใจเอยแต่ละล้าเหลียวหาเงา O เกษินีนวลปราง .. หันข้างอยู่ คล้ายรอกู้ส่วนเสี้ยว .. ความเปลี่ยวเหงา- แห่งอาวรณ์รูปนั้นให้บรรเทา ดูเถิด .. คำพระเจ้า-ยืดยาวจริง O แล้วก้มกราบรูปสงฆ์..บรรจงน้อม ผมหล่นล้อมวงหน้า .. จบหน้านิ่ง เพียงชั่วยามรูปพิไล .. หยุดไหวติง กลับนานยิ่งในคะนึงของหนึ่งคน O มาด้วยเพื่อนอีกสอง .. ผู้ปองธรรม เพื่อขัดค้ำครอบจิตจากพิษฉล งามรูปลักษณ์กิริยาก็น่ายล คล้าย-งามล้นล้ำล่วงถึงดวงใจ O เงยหน้าเจ้า .. หันหน้าเข้าหาเพื่อน เนตรคล้อยเบือนสบกัน .. ก็พลันไหว- วาบหวามละลามล่วงสู่ทรวงใน โอ้อกใครระทึกก้องดั่งกลองตี O สบแล้วเมินเมียงหลบ .. แล้วสบอีก ด้วยสุดตาจะอาจปลีก .. หลบหลีกหนี ชั่วเงียบงันหัวใจ .. กลับไหววี ราวมือที่แฝงเร้น .. บีบเค้นลง O ช่างอ้อยสร้อยอ้อยอิ่ง .. เสียยิ่งแล้ว เนตรผ่องแผ้ว .. แก้มคางเรียวร่างหงส์ ราวแทรกรูปดิ่งด่ำ .. ให้ดำรง แนบจำนงพาใจพลอยไขว่คว้า O ใกล้ใกล้ที่นั่งสงฆ์ .. ใกล้องค์พระ คล้าย-พันธะกุมกัก .. รอหัก .. ฝ่า ภาพหนึ่งแต่ปางบรรพ์ .. ในสัญญา- ค่อยแจ่มจ้าโชนช่วงกลางห้วงใจ -4- .... มีร่มบังกันให้พ้นไอแดด ท่ามกลางแวดล้อมก้าวของบ่าวไพร่ ตาดแพรทองงามควรห่มนวลใย จึงผ่องใสหยัดอยู่ไม่รู้จาง .... .... มาร่วมบุญงานบวชฟังสวดพระ หวังลดละ..ทุกข์ผองสิ้นหมองหมาง แต่กราบก้มงามควรทุกส่วนนาง ตราบเยื้องย่างสง่าล้วนให้ควรมอง .... O ราวว่าจินตภาพฟ้องให้มองเห็น งามเกินเว้นตาพรับเมื่อจับจ้อง กระโปรงผ้าสีพื้น, แพรผืนทอง- คล้ายเหลื่อมสองภาพซ้อน .. แต่ตอนนั้น O ในสายตา-ท่วงที .. ราศีรูป- เหมือนคอยลูบโลมให้ห้วงใจสั่น แพรผืนทองพาดบ่า, ภูษาพรรณ- เบื้องหน้าพลันเหลื่อมเนื้อ .. เป็นเนื้อเดียว O ภาพนั้น .. แววขัดเขินจำเริญรูป เทียนควันธูป .. เปลวลอย .. คนคอยเหลียว และเบื้องหน้าลมพลิ้ว .. เมื่อนิ้วเรียว- คล้ายรอเหนี่ยวอกใจ .. พลอยไหวตาม O ภาพนั้น .. แววอุทธัจเผยชัดแจ้ง และเลศแฝงในตา .. เกินกว่าห้าม เบื้องหน้านี้ธรรมบท, รูปงดงาม- ค่อยลุกลาม .. เข้าล้อมให้ยอมตน ! O ภาพแววตาอ่อนละมุน .. คอยหนุนเสริม- ให้อาวรณ์ฮึกเหิม .. ได้เริ่มต้น- เร่งกำลังหวานหอมเข้าล้อมลน พาหวานล้นเอ่อแล้ว .. ทั้งแววตา- O เช่นภาพการเยื้องย่างของร่างหงส์- เข้าทับซ้อนรูปองค์ที่ตรงหน้า เลื่อนหัวใจเลื่อนขวัญรับบัญชา- ตอบคุณค่าน้ำใจด้วยนัยเดียว O แต่เมื่อเดินเข้ามาให้ตาเห็น อย่างลอบเร้นใจละห้อยแต่คอยเหลียว ตาสบรูป .. อารมณ์ก็กลมเกลียว- เข้ากอดเกี่ยวรูปพรรณในสัญญา O หรือหัตถ์พรหมลอบเร้น .. จัดเส้นทาง ให้ยกย่างเหยียดก้าวมุ่งเข้าหา แล้วรอการสัมผัส .. รูป-ทัศนา ก่อคุณค่าจับวางลงกลางใจ O แต่บัดนั้น .. รุ้งเรื้องที่เบื้องหน้า- ก็เหมือนว่าทอดโค้งยึดโยงให้- ความขัดเขินอ่อนหวานที่ด้านใน- ของอกใจ .. กับผกายแห่งสายตา O ยิ้มรับความสดใสแห่งวัยเยาว์ เช่นยามเช้าสุมาลย์ช้อย .. ช่อ-คอยท่า- ภุมรินผึ้งภู่ .. จะรู้มา- ตฤปรสผาณิตหอม .. อย่างยอมตน O ยิ้มรับความอ่อนไหว .. ของใครนั้น กับแวววามไหวสั่นนับพันหน เอ็นดูความขัดเขินหยอกเอินคน หวามที่ล้นเอ่อแล้ว .. ผ่านแววตา ! O เหมือนว่างามลามรุกไปทุกบท ชี้ .. กำหนด .. รูปรอยให้คอยหา และเหมือนงามลามรุกไปทุกครา- กับท่วงท่าเหลือบค้อน .. ตาซ่อนยิ้ม ..? หัวข้อ: Re: O ข้าวร่วมขัน .. O เริ่มหัวข้อโดย: aasdang ที่ 12 สิงหาคม 2014, 08:15:PM http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=02-2012&date=07&group=11&gblog=368 (http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=02-2012&date=07&group=11&gblog=368) O นานแค่ไหน...? O (http://www.bloggang.com/data/s/sdayoo/picture/1407848834.jpg) O คล้ายภาพความซ่อนเร้น .. เผยเห็นรอย เมื่อใจคอยเหนี่ยวรั้ง .. มาพลั้งเผลอ- เผยท่วงทีอ่อนหวาน .. ให้ผ่านเจอ- ร่วมบำเรอภาพหวัง .. อันฝังใจ O ยิ้มให้ความอ่อนโยนที่โชนแวว- ของเนตรแผ้วผ่องนั้น .. เมื่อ-สั่นไหว รับรู้-รอบอุ่นอายที่ภายใน- ทรวงผู้ซึ่งอาลัย-เริ่มไหววน O แว่วเหมือนรอบอารมณ์ .. แฝงลมร่ำ รำพันความออกย้ำ .. ซ้ำซ้ำหน ว่าหัวใจ, แรงถวิล .. ผู้ดิ้นรน- ยังไม่ยอมจำนน .. แต่โดยดี O คล้าย-ยังคงดื้อแพ่ง .. ยังแข็งขืน ด้วยแววตื่นในตา, รูปหน้าที่- ซับเลือดฝาดปลั่งรอย .. เหมือนคอยที- เบี่ยงราศีรูปลักษณ์ .. พ้น-กักกุม O ตอบตื่นแววตาเต้น .. ราว-เร้นแฝง- อารมณ์แปลงลงเปลี่ยน .. แก้มเนียนนุ่ม- เรื่อสีรับรูปเงา .. ผู้เร้ารุม- เอารอบสุมนัสช่วงโชนห้วงใจ O ฤๅ-หมายตรึงติดมั่นลงสัญญา แล้วค้างคาชาติภพ-เกินลบไหว ก่อนรัดพันสองปลายแห่งสายใย- ผูกมั่นด้วยอาลัยแนบในทรวง ? O ยิ้มรับความออดอ้อน .. แววซ่อนเร้น- ที่บัดนี้ตอบเต้น .. ไม่เว้นช่วง งามนั้นราวคลุมครองทั้งสองดวง- ของเนตรโชนความหวง .. ทุกช่วงแวว O ตอบรับความซ่อนเร้น .. ที่เป็นไป หลังจากใจดวงนั้น .. เริ่มสั่น-แว่ว- ตอบอาวรณ์โลมรุกไปทุกแนว- จนผ่องแผ้วในอก .. สุดยกย้าย O มองเห็นบางเลศนัย .. เริ่มไหวสั่น จากบีบคั้นสาหัสจนปัดป่าย แววออดอ้อนอบอุ่น .. ก็วุ่นวาย- อยู่กับเนตรรำบาย .. นัย-ฉายทอ O ต้องอีกนานเพียงไหน .. หัวใจนั่น- จึงอาจสั่นวาบหวามขึ้นตามขอ เกิดดับกี่ภพชาติจึงอาจพอ- ช่วยสุมก่อเสน่หา .. แรงอาวรณ์ O ต้องอีกนานเพียงไหน .. อาลัยนั่น- อาจบีบคั้นเผยเห็น .. จากเร้น-ซ่อน- แล้วโหมรุมเร้าใจ .. ดั่งไฟฟอน- สุมเอาร้อนแรงชู้ .. ให้รู้ชม O เมื่อภาพความซ่อนเร้น .. เผยเห็นรอย เช่น-มาลย์ช้อยช่อชู .. ให้รู้ฉม แฝงหอมหวานรำบาย .. ฝากสายลม งามย่อมห่มห้อมแล้ว .. ทุกแววตา O รับรองแววตอบตื่น .. รมย์รื่นนั้น- ด้วยรำพันร้อยเรียง .. ผูกเดียงสา หมายรู้แจ้ง-นัยความ .. ที่ตามมา- เพียงเพื่อกล้าเผยความออกตามใจ O เมื่อเลศนัยอาวรณ์ .. เกินซ่อนแล้ว จึงทุกแววตานั้น .. เมื่อสั่นไหว- ย่อมแฝงซึ้งซ่อนฝังทุกครั้งไป ทุกรอบตอนอาลัย ..ซึ่งไหวตัว O เมื่อภาพความซ่อนเร้น .. เผยเห็นรอย การณ์ย่อมมีคำถ้อย .. ไว้คอยยั่ว- เพื่อ-บีบเค้นโลมขวัญ .. ให้สั่นรัว- จนมอบตัว .. หัวใจ .. ลงให้คว้า ! หัวข้อ: Re: O ข้าวร่วมขัน .. O เริ่มหัวข้อโดย: aasdang ที่ 13 สิงหาคม 2014, 06:10:AM .
http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=08-2014&date=13&group=11&gblog=570 (http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=08-2014&date=13&group=11&gblog=570) O เพียงเจ้า .. O (http://www.bloggang.com/data/s/sdayoo/picture/1407884636.jpg) O เห็นไหมแสงอ่อนโยนแต่โพ้นภพ ล้อมตระหลบโลมขวัญ .. ทำสั่นไหว เผยผ่านรูป .. ความ, คำ .. เฝ้าร่ำไร ยั่วเย้าให้ใจหนึ่ง .. คำนึง-คอย O มองเห็นไหม .. ใครกัน .. ในฝันเจ้า ช่วยทอนเปล่าเปลี่ยวบท .. จนลดถอย แต้มแววตาผุดผ่อง .. ให้ล่องลอย- ไปกับถ้อยความคำ .. แห่งน้ำใจ O เห็นไหม .. เดือน - พร่างอยู่กลางหมู่ดาว เปิดห้วงหาวน้อมรับ การขับไข เช่นเดียวกับ .. ปรารถนาแห่งอาลัย แนบสุมใส่ .. สำหรับ .. การจับจอง O จึงแม้นอนหลับฝัน .. เถิด-ขวัญเจ้า ถ้อย-รุมเร้าจักโหม .. เข้าโลม-ต้อง ล้อมรัดใจอ่อนเจ้า .. เพื่อเข้าครอง- การพร่ำพร้องละห้อยหา .. ทั้งราตรี O ภาพ-ข่มยิ้มขัดเขิน .. ทำเมินหน้า ก็-แทรกฝ่าแก้มเนื้อ .. เนียน .. เรื่อสี จักเผลอเผยเลศชู้ .. ให้รู้ที- รู้ท่า-ความใยดี .. ผู้มีใจ O จากนั้น .. ลมแห่งโลกจะโบกบ่าย โรยร่ำสายล้อมรับ .. การหลับใหล จังหวะเต้นทุกช่วง จากทรวงใคร- ย่อมสั่นไหวรอถนอม .. อย่างยอมตน O รู้ใช่ไหม .. ความกระซิบจากลิบโพ้น- แสนอ่อนโยนสุมสั่ง .. เพื่อหวังผล- ให้อาวรณ์อาลัย .. คอยไหววน- พาใจนั้นลิ่วหล่น .. อยู่อลเวง ! O รู้ใช่ไหม .. ตากระพริบอยู่ปริบปรอย- นั้น-จากถ้อยเร้ารุม .. เข้ากุมเหง หวานหอมพร้อมมธุรส .. เยี่ยง-บทเพลง- โหมบรรเลงปฏิพัทธ .. ลงรัดรึง ! O แต่เพียงเจ้าเท่านั้น .. เจ้าขวัญน้อย หวังเคลิ้มคล้อยถ้อยความ .. จนลามถึง- ใจ .. ต้องหวานดาลฤทธิ์ .. จนติดตรึง- รสหวานซึ้งแห่งชู้ .. อย่ารู้คลาย O หวังสื่อถึงใจเจ้า .. รูปเยาว์เอ๋ย ผ่านรำเพยลมร่ำ .. พรมพร่ำ .. สาย ว่า-ค่ำดึกคืนเปลี่ยว .. ผู้เดียวดาย- ควร-แต่หนุนอุ่นอายไว้แอบอิง ! O กระซิบความสู่ขวัญ .. เช้ายันค่ำ ว่า-ความ .. คำ จากใจ .. นี้-ใหญ่ยิ่ง อ้อมอกเยี่ยงเสาหลัก .. รอพักพิง- ให้แก้มเนียนเกลือกกลิ้ง .. รอยิ่งแล้ว ! O หวัง-อาวรณ์ย้อนย้ำ, ความคร่ำครวญ- จักอบอวลสร้อยเสียงแต่เพียง .. แผ่ว จันทร์ดาวทอแสงระยับ, ความวับแวว- จากดวงตาผ่องแผ้ว .. อาจแล้วฤๅ ? O งาม .. ยิ่งแสงบนสรวงทุกช่วงชั้น แฝง-รูปฉันทาทิพย์ .. กระพริบ-สื่อ แทรกอารมณ์กอดเกี่ยว .. ให้เรียวมือ- ร่วม .. ยุดยื้อ .. โอบไว้กล่อมให้นอน O งาม .. จะยิ่งวับวาวกว่าดาวดื่น กับเสียงความโอดอื้น .. เกินฝืน-ซ่อน งาม .. จะยิ่งลามล่วงทุกช่วงตอน- ที่ที่ความออดอ้อน .. ยากผ่อนรอ O สิ้นแล้ว .. แสงดาวจันทร์บนชั้นฟ้า หลัง-แววตาปรอยปริบ .. กระพริบ .. ส่อ จน-อบอุ่นเลี้ยวลอด .. ลงทอดทอ การยั่วล้อทรมาน .. ย่อม-ผ่านใจ O เพื่อว่าแสงอ่อนโยนแต่โพ้นภพ จักฝ่าพลบฝ่าฝันถึงกันได้ เชื่อมรูปนามอ่อนละมุน .. แนบอุ่นไอ รู้-อ่อนไหว .. อ่อนหวาน ทุกด้าน - พร้อม ! O สิ้นแล้วปวง - สังคีตประณีตศัพท์- ที่เคยแว่วให้สดับเสียงขับกล่อม เมื่อสร้อยเสียงกระซิบสู่ .. เกินรู้ออม- ค่อย-รายล้อม .. สร้อยศัพท์ให้รับรู้ O ใช่ไหมว่า .. ตากระพริบอยู่ปริบปรอย เหมือน-เฝ้าคอยอาวรณ์ให้ย้อนสู่ และเหมือนว่า .. รูปธรรม, ความดำรู- เผยรูปอยู่สำทับ .. ให้รับรอง O รู้ใช่ไหม .. ความกระซิบจากลิบโพ้น- อย่างอ่อนโยนพาใจ .. เจ้าไหลล่อง- ฝ่าดาษดาวแสงระยับ .. หวัง-จับจอง- ความผุดผ่องพร่างแพร้ว .. ทุกแววตา ! O รู้ใช่ไหม .. ความคำที่พร่ำสู่- เพื่อ-รับรู้ .. เฝ้าคอยละห้อยหา เพื่อ-อ่อนไหว .. ทรมานด้วยมารยา และเพื่อว่า .. ถวิลอยู่ ไม่รู้วัน ! O รู้ใช่ไหม .. กระซิบคำในค่ำดึก เพื่อ-ส่วนลึกห้วงใจ .. เมื่อ-ไหวสั่น จักทอดวางรูปเงา .. เยี่ยงเถาวัลย์- กอดกระหวัดรัดมั่น .. จวบวันตาย ! หัวข้อ: Re: O ข้าวร่วมขัน .. O เริ่มหัวข้อโดย: aasdang ที่ 15 สิงหาคม 2014, 08:38:PM .
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=sdayoo&month=19-12-2012&group=11&gblog=429 (http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=sdayoo&month=19-12-2012&group=11&gblog=429) O พี่รักเจ้า .. O (http://www.bloggang.com/data/s/sdayoo/picture/1408109631.jpg) O เช้ายันค่ำจำนรรจ์ .. สัมพันธ์พร้อม ค่อยหล่อหลอมจำนง .. รับส่งถึง รอบอารมณ์ทุกเสี้ยวคอยเหนี่ยวดึง- ความซาบซึ้งเชิงชู้ .. มอบสู่กัน O คำใครหนอ .. อาวรณ์ออดอ้อนอยู่ เพรียกอารมณ์เอ็นดูอุ้มชูขวัญ แผ่วผ่านโสตพลอดพร่ำ .. ถ้อยรำพัน- รับรองฝันปรารถนา .. ทุกท่าที O โอ .. รูปลักษณ์อ่อนน้อย .. หรือคอยย้ำ- แววดื่มด่ำแนบคานัยน์ตาพี่ ทุกช่วงความคำนึง .. อันพึงมี- ก็เพียงรูปราศี .. เต็มปรี่แล้ว O รู้บ้างไหม .. ใจหนึ่ง .. รำพึงผ่าน- สายใยรักอ่อนหวานให้ซ่านแผ่ว- ไปกับสายลมอุ่นที่หนุนแนว- หวังเพรียกแววตาเคลิ้ม .. ร่วมเติมเต็ม O แผ่วแผ่วสายวาโย .. เมื่อโผผ่าน ละห้อยหาทรมานก็ปานเข็ม- คอยทิ่มแทงอารมณ์ให้ .. ขม-เค็ม พาเลาะเล็มโศกสร้อย .. ที่คอยรอ O โผย-ลมแผ่วผ่านริ้ว .. โลมผิวเนื้อ พร้อมแก้มเรื่อเนตรชม้อย .. คล้ายลอยล่อ อยู่ในห้วงคำนึง .. ใจหนึ่ง, พอ- ได้เติมต่อละห้อยเห็นอยู่เช่นนั้น O แต่ละภาพผ่านเคลื่อน .. ก็เหมือนว่า- แววในตาเขินอาย .. ค่อยส่าย-สั่น ความอ่อนหวานอ่อนไหวของใครกัน ที่แทรกขวัญลงฝัง .. อีกครั้งคราว O พี่-ทำให้ความหมาย .. รำบายออก แทนถ้อยบอกผ่านรู้ .. เชิงชู้สาว เมื่อนัยคำปลดเปลื้อง .. ฝากเรื่องราว ทรวงย่อมผ่าวร้อนรุมดั่งสุมไฟ O พี่-ฝากความถวิลหา .. ทุกคราครั้ง หมายเสกสั่งใจขวัญ .. จนสั่นไหว เพื่อรองรับปรารถนาแรงอาลัย เก็บกักไว้แนบทรวงอย่าล่วงเลือน O ถ้อยกระซิบกระซาบย้ำ .. แห่งค่ำนี้- จักวาดวีความหมายลงป่ายเปื้อน- บนดวงใจอ่อนเยาว์ .. คอยเฝ้าเตือน- ว่าอย่าคิดจะเขยื้อนขยับพ้น O แผ่วแผ่วสายวาโย .. ยังโผผ่าน เมื่อหอมหวานทั้งปวง .. เริ่มร่วงหล่น- ลงรอบล้อมอาลัย-แนบใจคน งามก็วนเวียนรอบ .. คอยตอบคำ O อ้อยอิ่งกับคาบยาม .. อยู่ท่ามกลาง- ดวงวันพร่าง, รูปภพ .. การอบร่ำ- ความอ่อนโยน, อบอุ่น .. ใครหนุนนำ- ย่อมดื่มด่ำ .. ถ้วนในหัวใจชาย O คืองามที่แทรกงาม .. เข้าลามโลก ทอนเศร้าโศกทั้งปวงให้ล่วงหาย ยอภพชาติอันประณีต .. ขึ้นกรีดกราย- รองรับสายเยื่อใย .. จากใจนั้น O จึง-งามที่รุมลามทั้งสามโลก ค่อยค่อยโยกจิตใจจนไหวสั่น คล้ายว่าบทพร้องพร่ำ .. แห่งรำพัน- จะสอดศัพท์รับกัน .. แต่วันนี้ O เช้ายันค่ำจำนรรจ์ .. ผูกพันพร้อม ค่อยหล่อหลอมรูปลักษณ์ แห่งศักดิ์ศรี แฝงเร้นความแหนหวง .. ผ่านท่วงที- การวาดวี .. ไหวช่วง .. สองดวงใจ O จะกุมกักเก็บไว้ .. หัวใจนั้น แล้วค่อยโยกค่อยสั่น .. ให้หวั่นไหว จนเผยรอบเสน่หา .. แรงอาลัย ออกขับไขผ่องแผ้ว .. ที่แววตา O จะกุมกักผ่องแผ้ว .. ที่แววเนตร ให้โชนเลศนัยละห้อยแต่คอยหา- อกอุ่น, อ้อมแขนโลภ .. เพื่อโอบมา ให้ซบหน้าแนบอยู่ .. ไม่รู้คลาย O จะกุมกักเรียวร่างไว้กลางทรวง อย่างแหนหวงรูปน้อย .. อาจลอยหาย ฟังคำเถิด .. แม้นสะเทิ้นด้วยเขินอาย- หากให้คลายร่างนี้ .. ไม่มีวัน ! หัวข้อ: Re: O ข้าวร่วมขัน .. O เริ่มหัวข้อโดย: aasdang ที่ 16 สิงหาคม 2014, 06:52:AM .
http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=08-2014&date=16&group=5&gblog=48 (http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=08-2014&date=16&group=5&gblog=48) O แต่ปางบรรพ์ .. O (http://www.bloggang.com/data/s/sdayoo/picture/1408145309.jpg) ... สารสยามภาคยพร้อง - - - กลกานท์ นี้ฤๅ คือคู่มาลาสวรรค์ - - - ช่อช้อย เบญญาพิศาลแสดง - - - เดอมกรยดิ พระฤๅ คือคู่ไหมแส้งร้อย - - - กึ่งกลาง ... O โคลงดั้นยวนพ่ายซ้อง - - - สดุดี ศักดิ์กษัตริย์เจ้าธานี - - - ชนกผู้- ยาตราทัพประยุทธี - - - ล่มศัต รูนา ให้ทั่วถิ่นรับรู้ - - - เรี่ยวแกล้วกรุงสยาม O อัคระเกียรติยศพ้น - - - พันไผท สมรรถะพยุหะพลไกร - - - แกร่งล้ำ ศรัทธะประสาทะใน - - - พุทธศาสตร์ ท่านฤๅ ตรรกะวิภาษอยู่ค้ำ - - - หลักแท้ธรรมกถา O เพรางายสุริยะเรื้อง - - - โรยยาม แต่หมู่ลาวคุกคาม - - - เขตแคว้น ทูลกระหม่อมนิราศปราม - - - ป้องเศิก เสี้ยนแล พาจิตใจขุ่นแค้น - - - พรากร้างโยธยา O จำพรากนุชนาถเจ้า - - - จอมใจ หมองหม่นชลเนตรไหล - - - หลั่งย้อย หวาดหวั่นชีพแกล้วไป - - - ป้องเหตุ คนอยู่หลังเมื่อละห้อย - - - ห่วง, ไห้-ฤๅเห็น ? O ธงทิวปลิวยั่วเย้ย - - - ลมเย็น เมื่อทุกข์โศกสร้อยเพ็ญ - - - เพียบพร้อม ใครเล่าจักคอยเอ็น - - - ดูยั่ว เย้านา แขน, อกเคยโอบอ้อม - - - จักอ้อมโอบใคร ? O สรวลศัพท์คฤโฆษฆ้อง - - - กลองไชย ทุ่มพ่างแตรสังขไหว - - - แว่วครื้น คชา, อัศวะ, พลไกร - - - แกล้วโห่ ฮึกแฮ พร้อมคีตลั่นสนั่นพื้น - - - แผ่นหล้าแหล่งสถาน O โอ้..สร้อยโศภิตพ้น - - - อุปมา จักพรากสู่ยุทธกา- - - - รณะแกล้ว เก็บงำรอบถวิลอา- - - - วรณ์พี่ เทอญแม่ ล่มเศิกเสี้ยนสิ้นแล้ว - - - จักย้อนคืนสม O สองเนตรจักลับหน้า - - - นานวัน ยังแต่เยื่อใยพัน - - - ผูกไว้ ใครจักดอดด้อมขวัญ - - - ฝากสวาดิ กรประโลมเกศไล้ - - - กล่อมเจ้าหลับฝัน O เรื่อยเรื่อยแกล้วคชม้า - - - คลาขบวน ลิ่วลิ่วลับเนื้อนวล - - - แจ่มหน้า สองอกพิโยคครวญ- - - - คร่ำเทวษ เกรงแต่รอบเหว่ว้า - - - จักล้อมประนอมคะนึง O โฉมเคยแป้งประแก้ม - - - กันไร โจงจีบพัสตร์ห่มสไบ - - - บ่มเนื้อ เรียมจากจักมีใคร - - - เชยแม่ นาแม่ แขนเล่าใครจักเอื้อ - - - โอบให้หนาวหาย O อกเอยช่างอนาถโอ้ - - - อาภัพ ห่างพะงางอนพรับ - - - เนตรพ้อ ก่อนเคยโอบแขนรับ - - - ขวัญแม่ นาแม่ มาจะรันทดท้อ - - - อกสะท้อนระทมถวิล O เพรงไป่เคยจากเจ้า - - - แม้ยาม เดียวนา มาบัดนี้คลาดงาม- - - - รูปแล้ว ศึกนอกเพื่อป้องปราม - - - ปราบเศิก เสี้ยนนา อีกศึกในอกแคล้ว - - - คลาดพ้นยามใด ... แถลงปางข้าไท้ท่วย - - - ใจหาญ ตามต่อยไพรีเรือง - - - ร่อนแกล้ว แถลงปางรำบาลลาว - - - มัวโม่ห ทันที่น้ำลิบแล้ว - - - ชื่นไชย ... O ปรานีเจ้าอ่อนน้อย - - - นงค์ยง พี่เอย โฉมเมื่อสิ้นโสรจสรง - - - สาปเนื้อ- จักหอมกรุ่นละมุนองค์ - - - รอโอบ แอบแม่ มาห่างรสเคยเอื้อ - - - จักอ้อนออดใคร O แรมรักอำมฤตร้าง - - - รมยา เหลือแต่กรุ่นสุคนธา - - - เถื่อนล้อม ค่ำคืนเมื่อไสยา - - - ระทวยอยู่ ใครจักโอบรูปน้อม - - - แนบไว้ในทรวง O ลมเย็นอาจเยี่ยมเหย้า - - - ในยาม เมื่อแม่-นอนอกหวาม - - - วาบชู้ โดดเดี่ยวเปลี่ยวรสกาม - - - กรอมรูป เฝ้าพลิกร่างรอรู้- - - - รส, อ้อนเอ่ยไฉน O รอนรอนสุริเยศคล้อย - - - สนธยา เหล่านกโบกปีกคลา- - - - คล่ำแล้ว ลำแสงสุดสายตา - - - เหลื่อมเมฆ ตรมสุดใจเมื่อแคล้ว- - - - คลาดหน้านวลถนอม O รอยเรียมปางก่อนสร้าง - - - สมกรรม เคยพรากคู่เขาทำ - - - ก่อนกี้ บาปเวรจึ่งย้อนจำ- - - - จองโทษ พาพรากเจ้าอ่อน,ชี้ - - - สั่งให้ครวญถวิล O รอยเราพรากนกเนื้อ - - - เขาขัง พาพลัดพรากรวงรัง - - - คู่เคล้า ชาตินี้บาปเบื้องหลัง - - - ตามติด พาพลัดพรากอ่อนเจ้า - - - จ่อมด้วยอาดูร O วงจันทร์จำรัสฟ้า - - - เรียมครวญ หลงว่าวงพักตร์นวล - - - แจ่มเนื้อ แผ่วผ่านกรุ่นจันทน์อวล - - - อบกลิ่น หลงว่ากลิ่นอ่อนเอื้อ - - - อบเนื้อแนมจันทน์ ... กรุงลาวกลอยขยาดหน้า - - - ตาตาย ศรากแฮ จักอยู่เมืองเกรงกรร - - - บ่ได้ กลัวกลับเกลื่อนพล-อยาย- - - - อยังออก หนีสมเด็จเหง้าไท้ - - - พ่ายพัง ... O ป่านนี้ศรีสวัสดิ์เจ้า - - - จอมสมร พี่เอย ทอดรูปที่บรรจถรณ์ - - - นิทระแล้ว ฤๅกราบพระวิงวอน - - - ด้วยห่วง ใยแม่ หวังกลับย้อนคืนแคล้ว- - - - คลาดพ้นภัยผอง O ลมลงหนาวสุดไซ้ - - - อกอวล อกเอย ไพรเถื่อนแว่วนกครวญ - - - คร่ำร้อง เช่นอกพี่เรรวน - - - ถวิลรูป รูปพักตร์พริ้มเพราพร้อง - - - พร่ำท้าลมหนาว O เห็นฟ้าขอดเมฆแก้ว - - - อัมพร แม่อา เอิบอิ่มบงกชงอน - - - รูปช้อย พัสตราห่ม, สไบคอน - - - ขอดรูป นั้นนา นึกรูปมือค่อยคล้อย- - - - ขยับคล้ายลืม-เผลอ O แว่วยินมยุเรศร้อง - - - ริมดง ขนขาบเขียวพิมพ์วง - - - แว่นพร้อม พร่ำเพรียกคู่ครองลง - - - สังวาส อายนก-อกนึกน้อม - - - เพรียกน้องในคะนึง O ต้นสนทอดกิ่งด้อม - - - ดูไพร ดังพี่ด้อมดูใคร - - - ก่อนกี้ ละม่อมพักตร์นวลใย - - - ยามสบ โฉมย่อมคอยสั่งชี้ - - - ช่วงใช้อาวรณ์ O รำลึกกายอุ่นอ้อน - - - แอบองค์ พี่เนอ กอดกระชับ, จำนง - - - นิ่มเนื้อ ลมอุ่นผ่าวผ่านลง - - - โลมรูป จนอุ่นนั้นหนุนเอื้อ - - - โอบเนื้อคลายหนาว O แสงดวงวันเคลื่อนคล้อย - - - คลุมพนา ลมโบกใบไม้พา - - - แผ่ป้อง นึกรูปกับอกอา- - - - วรณ์พี่ แลแม่ รูปย่อมรู้ตื่นต้อง - - - อกรู้ตื่นตาม ... สรรเพชญภูวนารถแกล้ว - - - การยุทธ ยิ่งแฮ ตามต่อยไพรีพัง - - - พ่ายล้าน จยรจอมครุทธผลาญ - - - แผลงเดช สยงสรเทือนพ้ยงค้าน - - - ค่นเมรุ ... O อาวรณ์มาวูบเร้า - - - รุมทรวง ท่ามกรุ่นคันธาดวง - - - ดอกไม้ เทียบหอมนิ่มเนื้อหวง - - - หาสวาดิ เอื้อมเด็ดดอกมาลย์ไล้ - - - กลีบนั้นแทนนาง O รวยรวยรสมาศไม้ - - - มาลา ฟุ้งกลิ่นลมพัดพา - - - ผ่านรู้ นึกปรางสบด้วยนา- - - - สิกนิ่ง นั้นเนอ กลิ่นย่อมคอยกล่อมชู้ - - - อยู่เชื้อเชิญโฉม O ซ่อนชู้ซ่อนกลิ่นนั้น - - - นามใคร ไม้เอย ฤๅซ่อนสิ้น-เยื่อใย - - - ราคชู้ รัดพันรอบอกใคร - - - ครวญคร่ำ ตระหนกอกรับรู้ - - - ซ่อนเร้นได้หรือ ... อยู่ไทธิเบศรเจ้า - - - จอมปราณ พราวพฤๅบพลคชเสน - - - เกลื่อนแกล้ว ครั้นพระผ่าผลาญพล - - - ยวนย่อย ไปแฮ ทันที่น้ำลิบแล้ว - - - เลิศไชย ... ... จึ่งชักช้างม้าค่อย - - - ลีลา ยังนครไคลคืน - - - เทศไท้ พยงบานทพาธิก - - - ทรงเดช ที่คนเคารพไข้ - - - ข่าวขยรร ... O จำปีควรเด็ดก้าน - - - เชยชม นึก-เสียบแซมเส้นผม - - - ผูกห้อย เกศเส้นกับรื่นฉม - - - เคล้าอยู่ รอ-เนตรเจ้าเหลือบชะม้อย - - - เลศละห้อยคอยหอม O มะลิลาหอมอบโอ้ - - - เอมใจ เรียงระเบียบมาลัย - - - จับร้อย- เป็นพวงต่างสายใย - - - โยงยึด ใจพี่ มาห่างมาลย์ช่อช้อย - - - จักเชื้อใครชม O โนรีโนริศร้อง - - - ร่ำเสียง ชวนสุโนกพร้องเพียง - - - หยอกเย้า ขาบขนต่างสไบเคียง - - - คู่บ่า เจ้าฤๅ งามว่างามแต่เจ้า - - - ขจ่างซึ้ง-รูป, เสียง O สายัณห์อาทิตย์ด้อม - - - อัสดง แว่วชะนีเสียงหลง - - - กู่ก้อง กังวานท่ามป่าดง - - - ดิบเถื่อน กลว่าเสียงร่ำร้อง - - - แว่วคล้ายเจ้าครวญ O ราตรีตีทุ่มฆ้อง - - - ขานเขิน ใจนา เมื่อสบเนตรเมียงเมิน - - - แม่ชะม้าย ท่วงทีเช่นเทียบเชิญ - - - ชวนรับ เลศนา รับเลศ-พารูปผ้าย - - - ผ่านรู้อภิรมย์ O หวั่นหวั่นในอกคล้อย - - - ลำเค็ญ เกลือกว่ารสรมย์เพ็ญ - - - แม่รู้ มิอาจอดใจเป็น - - - ปมเหตุ เรียมสุดย้อนคืนกู้ - - - ผ่อนแก้ปรารถนา O ทุกข์นี้ใช่อาจห้าม - - - หักหาย สุดคร่ำครวญรำบาย - - - บอกรู้ จักรุมอยู่ตราบสาย- - - - บ่ายค่ำ เกรงลอบเล่นเชิงชู้ - - - เช่นรู้จากเรียม O นับยามนับคาบร้าง - - - แรมสมร ด้วยกิจ, จึ่งจำจร - - - จากห้อง เพียงเพื่อจักไปรอน - - - ราญชีพ ยวนแฮ พรากอนุชนวลน้อง - - - แต่ละห้อยคอยหวน O สองกรรอนยุทธสิ้น - - - สุดณรงค์ เหลือแต่ศึกรบอนงค์ - - - แน่งน้อย ดาบโล่ห์จำปลดปลง - - - จนปราศ สิ้นนา แผงอก, สองแขนร้อย - - - รัดเนื้อนวลถนอม O นุชเอยแต่พี่พร้อง - - - พร่ำถึง หมายว่าหุบเหวบึง - - - บ่อกว้าง ฤๅอาจรับคำนึง - - - ได้หมด ตราบทั่วแหล่งน้ำ-ร้าง - - - อาจรู้รับคะนึง ... ยังพระนคเรศเรื้อง - - - อโยทธยา อรอาศนไอสวรรยเป็น - - - ปิ่นเกล้า จำนิรจำนยรมา - - - จอมราช คิดใคร่เสวยศุขเท้า - - - เทศเหนือ ... O สบหน้าสบนิ่มเนื้อ - - - นวลทรง โผยแผ่วสัมผัสบง- - - - กชช้อย นาภีผ่องบรรจง - - - จบจูบ แว่วกระซิกระส่ำสร้อย - - - สุดรู้ขัดขืน O จบเนื้อจู่นิ่มเนื้อ - - - นวลพรรณ วิชชุบนห่มสวรรค์ - - - วาบเรื้อง ทึกทึกสะท้อนขวัญ - - - ฝ่าสวาดิ เพื่อจะพลอยปลงเปลื้อง - - - รุ่มร้อนผ่อนแรง O ลมบนตระหลบห้อม - - - หนหาว เมื่อพิรุณหยาดพราว - - - ฉ่ำพื้น ร้างไร้หมู่เดือนดาว - - - ดารดาษ ท่ามแผ่วเสียงออดอื้น - - - อ่อนเจ้ารัญจวน O พิมพ์ดวงเจ้าอ่อนด้อย - - - เดียงสา ตื่น-รับรู้รมยา - - - ยั่วเย้า ดื่มด่ำดำฤษณา - - - น้อมสู่ อบร่ำรสรุมเร้า - - - รัดร้อยอารมณ์ O แล้วเล่าลมผ่าวร้อน - - - แผ่วโรย เมื่อหยาดน้ำฟ้าโปรย - - - ปริ่มพื้น แล้วเล่าแว่วเสียงโหย - - - หื่นหอบ ก่อนหยาดเกสรรื้น - - - ร่วงฟ้ารวมฝัน O โวหารคำพจน์พร้อง - - - รำพัน นี้ฤๅ มอบแนบทรวงดวงขวัญ - - - ฝากไว้- กล่อมดวงจิต-จากวัน- - - - สาดส่อง- จวบค่ำคืน-ถวิลให้ - - - โอบเนื้อถนอมนอน หัวข้อ: Re: O ข้าวร่วมขัน .. O เริ่มหัวข้อโดย: aasdang ที่ 21 สิงหาคม 2014, 06:20:AM http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=08-2014&date=20&group=11&gblog=572 (http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=08-2014&date=20&group=11&gblog=572) O หอมดอกลำดวน .. O (http://www.bloggang.com/data/s/sdayoo/picture/1408542428.jpg) O ตราบดอกไม้กลิ่นหอม..แอบออมรส ถ้วนปวงภู่, ผึ้ง, มด..เมินรสหวาน ความอาวรณ์ถ้วนสิ้นจิตวิญญาณ- อาจล่มลาญลับช่วงจนล่วงรอย O ปีกผีเสื้อโบกพลิ้ว..ล้อริ้วลม เมื่อรื่นฉมบ่ายโบกเลือนโศกสร้อย สีสันกลางแดดส่อง..บินล่องลอย- เมื่อหัวใจเฝ้าละห้อย..แต่คอยรอ O เริ่มเมื่อ-วันลอยดวง..เผยช่วงแสง กลีบเหลืองแดงมาลย์หมู่ก็ชูช่อ หอมหวานรส, ลมเช้า..ผ่าน..เคล้าคลอ หอมหวานพอล่อภมร..บินว่อนเวียน- O –รุมรอบเคล้ากลิ่นฉม, เมื่อลมแผ่ว- โลมผ่านแก้วกลีบสุคนธ์..ก่อนวนเปลี่ยน- เสพหอมหวานหลายหลาก..อย่างพากเพียร ตราบจวนเจียนจ่อมจม..กลางฉมชื้น O หมายใจคราญวาบหวาม..กับยามที่- สายใยคลี่คลุมให้..ห้วงใจตื่น โอ แววตาหวานซ่อน..เมื่อย้อนคืน- ใครเล่าอาจขัดขืน..ไม่ตื่นตา O รับรู้ถึงรูปนามแห่งยามแรก หยัดรอยแทรกหวานพร้อม, ละม่อมหน้า- ก็ตรึงรูปติดตาม..ลงล่ามคา- แววละห้อยห่วงหา..ในตาชาย O โอ ดวงตาอาวรณ์..คล้าย-ซ่อนยิ้ม เฝ้าหลบพริ้มพรายดวง..แววช่วงฉาย- แสนอ่อนโยนอบอุ่น..ดู-วุ่นวาย- เหมือนว่าสายสวาดินั้น..รัดพันไว้ O โอ แววในดวงตา..ผู้อาทร เหมือนออดอ้อนยอขวัญ..รับฝันใฝ่ เมื่อวาบเต้นสั่นช่วง..คือดวงใจ- นั้นเริ่มไหวสั่นช่วง..ผ่านดวงตา O โดยจำหลักรูปนาม..ลงท่ามกลาง- หม่นหมองอ้างว้างรอย..ที่ถอยค่า พรั่งพร้อมด้วยคำมั่นคำสัญญา ร่วมค้ำคาชาติภพอยู่ครบครัน O ปีกผีเสื้อโล้ลม..อารมณ์ชู้- ก็ผ่านนัยรับรู้..โลมสู่ขวัญ มีหัวใจสำแดงออกแบ่งปัน ความผูกพันถวิลอยู่..ไม่รู้วาง O ปีกผีเสื้อเหลื่อมลาย..พลิ้วพราย-ล่อง เมื่อดวงวันเรื่อรอง..แดดต้องสาง พร้อมรูปนามผ่านคอย..ในรอยทาง รอเกี่ยวก้อยเหยียบย่าง..ร่วมทางจร O รูปนามเอย..ก้าวย่างในทางเที่ยว พร้อมก้อยเกี่ยวก้อยพัน..จำนรรจ์-อ้อน กอปรความหมายแทรกซุกไปทุกตอน เมื่ออาวรณ์ดื่มด่ำ..สืบสำเนียง... O ครั้งเมฆขาวฟ้าใส..ลมไหวแว่ว สิ้นสางสูรย์ผ่องแผ้ว..นกแจ้วเสียง หญ้าต้องลมโลมสู่..ยอดลู่เอียง ภู่ผึ้งเคียงมาลย์รื่นกลางชื่นเช้า O หวัง-ทอดตัวสองแขนหนุนแทนหมอน หลับตาคำนึงย้อนเรื่องก่อนเก่า กลางลมหนาวโลมต้อง..เพียงสองเรา- นอนใต้เงาไม้พรรณ..แลกพรรณนา O นกโผเกาะกิ่งพฤกษ์..เมื่อนึกย้อน ถึงช่วงตอนใจละห้อยแต่คอยหา ดื่มด่ำด้วยรูปฝัน..ถ้อยบรรดา- ความออดอ้อนวอนว่า..ท่วงท่าที O ทอดตามองที่นี่และที่นั่น ภาพยามนั้น..เปล่งปลั่งด้วยรังสี- ของดวงวันอำไพ..เยื่อใยดี- ค่อยคลายคลี่โอบรับไว้กับทรวง O จนลำดวนฟุ้งกลิ่นรวยรินสู่ ก็รับรู้..อ้อมแขน, ความแหนหวง- ของอาวรณ์ซาบซึ้ง..ใจหนึ่งดวง ส่งหอมหวานซ่านล่วง..อีกดวงใจ O เนียนเนื้อแก้มเอิบอิ่ม..เนตรพริ้มหลับ แขนแทนหมอนทอดรับ..ราวกับให้- ผู้ซบเศียรนอนหนุน..รู้อุ่นไอ- เคลื่อนคล้อยโจมจู่ใจ..เกินไหวทัน O มอบช่วงเชื้ออุ่นอาย..ให้ก่ายกอด แขนจักทอดรองรับผู้หลับฝัน ในสายลมอ่อนแรง..ย่อมแบ่งปัน- สายใยคลี่คล้องขวัญ..โอบพันธนา O บัดนี้มา..ละห้อยไห้..ถึงใครหนอ จนเฝ้ารอคอยเจอ..พร่ำเพ้อหา กลางเสียงนกห้อมห่ม..วอนลมพา- ปรารถนาซาบซึ้ง..ส่งถึงทรวง O คิดถึงนั้น..มากมายสุดบ่ายเบี่ยง อักษรเพียงใช้แทน..อ้อมแขนหวง- โอบกล่อมเนื้อเนียนนุ่ม..ใจพุ่มพวง บอกความหวง-อาวรณ์..ทุกตอนคำ O โอ แววตารู้นัย..ตอบ..ไหว..ตื่น ล้อความรื่นฉ่ำฉม..เย้ยลมร่ำ ทุกช่วงก้าวร่วมเหยียบเลาะเลียบกรรม หวัง-เหยียบย่ำโชคชะตา..ด้วยฝ่าเท้า ! |