หัวข้อ: O สิ้น - ดวงวิเชียรฉาย...O เริ่มหัวข้อโดย: aasdang ที่ 07 กรกฎาคม 2014, 09:53:PM http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=03-2009&date=09&group=11&gblog=151 (http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=03-2009&date=09&group=11&gblog=151)
(http://www.bloggang.com/data/s/sdayoo/picture/1375624033.jpg) O และแล้วก็มองเห็นความเป็นจริง ว่าทุกสิ่งทุกอย่าง..เพียงร่างฝัน ปรากฎขึ้นเป็นโจทก์..ชี้โทษทัณฑ์ เพื่อสุมใส่โศกศัลย์..เข้าพันธนา O ถวิลถึงก็วิตกสะทกสะท้อน ฑิฆัมพร..เฝ้าแต่เหลียวแลหา ลอยเด่นกลางสรวงนั่น..คือจันทรา จนเกินมือเอื้อมหา..เพื่อคว้าดึง ! O เคว้งคว้างอยู่กลางคลื่นที่ตื่น..คลั่ง คลื่นเทวษที่ลึกดั่ง..เกินหยั่งถึง รอวิญญาณไร้สิทธิ์..ลงติดตรึง- อยู่ก้นบึ้งโศกศัลย์..ในบั้นปลาย O อีกครั้ง..และอีกครา-ความอาวรณ์- ต้องขาดตอนขาดช่วงจนล่วงหาย อีกครั้งที่อาลัยจากใจชาย- ต้องวอดวายล่มคา .. รูปปรารมภ์ O แล้วอีกหนึ่งใจชายก็คล้ายว่า- จะต้องทัณฑ์ทรมาจนสาสม เมื่องามหนึ่งรูปละม่อมเคยจ่อมจม ต้องมาล่มลับหายกับสายกาล O รูปเอยรูปงามเยาว์..ดั่งเงาล้อม เคยฤๅจะห่างห้อม..งำหอมหวาน เคยหลั่งหลอม-เสพรับอยู่นับนาน จะล่วงลาญฤๅสิ้นจากถิ่นทรวง O เสียเจ้า-เยาวรูป..ราวสูบสั่ง- จากเทพทวงเปล่งปลั่ง-คืนฝั่งสรวง มอบเปล่าเปลี่ยวสุมสั่ง..ใจทั้งดวง เป็นภาพลวงรองรับความอับปรา O จะมีหรือกาลหวนให้จวน-จบ แต่นี้ตราบผืนภพ..ดินกลบหน้า คงรอคอยเงียบเหงาให้เจ้ามา- ฉุดลากอาดูรถวิล..ให้สิ้นลง O นี่หรือ..ปวดร้าว..เจ็บ..อันเหน็บหนาว ในทุกก้าวย่างรุดเหมือนสุดบ่ง นี่หรือ..ความขมขื่นที่ยืนยง คล้ายสืบส่งสมสั่ง..จนคั่งคา O จะเจ็บจำฝังใจจนได้เห็น- ใจที่เจ้าเหยียบเล่นเหมือนเส้นหญ้า เพื่อปลดปล่อยโทษทัณฑ์ให้บรรดา- ชายอื่นรอเยี่ยมหน้าด้วยสาใจ O เทพผู้กอปรฤทธีทั้งสี่โลก พึงอวยโศกครอบอก-จนหมกไหม้ เอื้อดวงจิตหลอมเหลวด้วยเปลวไฟ เผาผลาญให้มอดสิ้นทั้งจินตา O จะเกิดดับกี่วัฏฏะวงรอบ จักนบนอบด้วยเล่ห์เสน่หา ยอมให้เหยียบย่ำเล่นเหมือนเป็นมา ในทุกกาละภพที่พบกัน O อย่าได้คลายอาวรณ์ที่เคยมี ในทุกที่ทางเที่ยวจะเหลียว-หัน จะรอคอยย่ำเหยียบ..อย่างเงียบงัน รอเท้าเรียวคู่นั้น..เหยียบ-หยันเทอญ หัวข้อ: Re: O สิ้น - ดวงวิเชียรฉาย...O เริ่มหัวข้อโดย: aasdang ที่ 09 กรกฎาคม 2014, 06:43:PM O สิ้นสวาท .. O
O ให้เราสองขาดกันแต่วันนี้ อย่าได้มีหัวใจอาลัยหา ความรู้สึกอ่อนหวานมันด้านชา ปรารถนาคงเหลือ .. เพียงเพื่อลืม O อัสดงคต .. ดวงรพี .. คล้ายรีรอ จะทอดทอสุรภาพ .. ให้ปลาบปลื้ม ก่อนโอนแสงดาวกระพริบให้หยิบยืม ไว้ร่วมดื่มด่ำงาม .. ยิ่งงามนั้น O เงียบงันด้วยเยียบเย็น .. ใต้เพ็ญแข สุดตาแลเหลียวไป .. ภาพไหวสั่น คล้ายภาพพจน์อันตระการแห่งวานวัน ค่อยบิดเบี้ยวแปรผัน .. เกินกั้นไว้ O คลื่นแสงพาดราศี .. สู่ชีวิต โลมดวงจิตมุ่งมั่นกับฝันใฝ่ สุรภพอัมพร .. ผ่านตอนไป สุมฟอนไฟนิรมิตเป็นสิทธา O โลกราตรีรู้ผ่านแต่ด้านมืด ให้เย็นชืดแห่งวิกาลเผยผ่านหา โหมรอบหม่นหมองหมาง .. ให้ย่างมา คลุมครอบอารมณ์คน .. อยู่อลเวง O มีจันทร์แสงเรื่อรอง .. สู่คลองเนตร คลายแววเลศกราก-รุมเข้ากุมเหง ผ่านความหมายเร้ารัว .. บอกตัวเอง ให้รุดเร่งถือสิทธิ์ .. ในจิตตน O นิมิตใดกันเล่าที่เฝ้าหมาย เช่นวิชชุรำร่ายกลางสายฝน ฤๅผกายมณีน้ำ .. แสงอำพน จักปลาบปนผ่องผาย .. สบสายตา ? O งามเคยงาม .. ราววิชชุที่ลุแล่น เมื่อห้อมแหนภาคโพยม .. เข้าโถมถา แค่เพียงชั่วคาบยาม .. ก็ทรามทา- ทาบแผ่นฟ้ามืดคล้ำ .. ร่วมรำบาย O ใช่ผกายวิชชุ .. อันคุเพลิง ที่จะเริงโรจน์เต้น .. ฟาดเส้นสาย แต่เป็นมืดหม่นคล้ำ .. ค่อยกำจาย ย้อนความหมายถ่ายช่วง .. บ่งท่วงที O เฉกเช่นสายสาคร .. ไม่ย้อนกลับ ผ่านเลยแล้วผ่านลับไม่กลับที่ ขาดกันเถิด .. ชิดเชยที่เคยมี ตราบชั่วชีวาตม์จม .. ลงล่มลาญ ! หัวข้อ: Re: O สิ้น - ดวงวิเชียรฉาย...O เริ่มหัวข้อโดย: aasdang ที่ 09 กรกฎาคม 2014, 06:51:PM O ใบไม้ .. ที่ร่วงหล่น O
O ผ่านหนาวจะเข้าร้อนอีกตอนแล้ว เพื่อพร่างแพร้วครองหาวอีกคราวหน จะชวาลโชติช่วงถึงดวงมน หรือหมองหม่นให้เผชิญก็เกินรู้ O จะถึงกาลไม้ปวง .. ใบร่วงหล่น ขณะที่ใจคน .. วกวนอยู่ รอสินะ .. รูปเห็นให้เอ็นดู รอวกเวียนความสู่ให้รู้นัย O ใจเอย .. หัวใจคน ฤๅอาจพ้นขีดขั้น .. ความหวั่นไหว เมื่อเสพหอมหวานนั้น .. ทุกวันไป จะอย่างไรมิใช่หิน .. ย่อมยินดี O รับรู้และรับทราบว่าภาพฝัน- จักห่างร้างไกลกัน .. แต่วันที่- เห็นการตอบร่วมนัย .. รับไมตรี จึงวันนี้เส้นทาง .. ยอม-ห่างไกล O เช่นใบไม้หล่นคว้างที่กลางป่า ลมผ่านพาพลิ้วพลิกระริกไหว เกิดขึ้นมา .. ดำรง .. ปลิดปลงไป ฤๅมิใช่รอบเวียนการเปลี่ยนแปลง O ใจเอย .. หัวใจคน จะหมองหม่น .. เปล่าเปลี่ยว .. หรือเหี่ยวแห้ง ยังต้องก่อคมคำทุกสำแดง ยังเสแสร้งทำไป .. นะใจเอย O ที่ไม่รู้ .. ดูไปย่อมไม่เห็น เถิด-ซ่อนเร้น .. เอาไว้อย่าได้เผย อย่างไรเสียเหนี่ยวหน่วงให้ล่วงเลย อย่าได้เอ่ย .. ให้ทราม .. ภาพงามนั้น O เมื่อถึงกาลคุณค่าหนึ่งพร่าไหว จนรอบแรงอาลัยเริ่มไหวสั่น เสียงนก .. ใบไม้ร่วง .. ลม .. ดวงวัน ราวกล่อมขวัญให้สดับ..ยอม- รับรู้- O -ว่า .. สายหยุด .. หยุดกลิ่นแต่สิ้นสาย คือความหมายสุดขืนให้คืนสู่ จะค่อยห่างร้างเห็น .. ห่างเอ็นดู ห่างนัยชู้ .. เคยกระชับอยู่กับใจ O ย่อมไม่อาจเป็นดาวเที่ยวล้อมเดือน ไม่อาจเคลื่อนคล้อยตาม .. งดงามได้ ลำดวนเอ๋ยมาจะร้าง .. จนห่างไกล เหลือเก็บให้ - ละห้อย, ถวิล .. ตราบสิ้นลม ! หัวข้อ: Re: O สิ้น - ดวงวิเชียรฉาย...O เริ่มหัวข้อโดย: aasdang ที่ 09 กรกฎาคม 2014, 06:55:PM O เพียงเพื่อจะเลือนลับ .. O
-1- O จาก-สองใจสบกันแต่วัน-เห็น วันนี้เส้นทางขนานตัดผ่านฝัน คล้ายชั่วยาม .. ชื่นบานแห่งวานวัน คลี่โอบขวัญ-ก่อนลับเลือนกับลม O ไร้ร่องรอย-เจ็บปวด, ความรวดร้าว ทุกเรื่องราวจำเพาะต่าง .. เหมาะสม รอบด้านยัง-สดชื่น, ยังรื่นรมย์ คล้าย-ไม่เศร้ารันทม .. นขมเลย -2- O ร้างสิ้นเสียงออดอ้อน, ทอดถอนใจ หมดสิ้นข้อสงสัย-จะใคร่เอ่ย มอดดับแล้ว .. แสงวิจิตร, ให้ชิดเชย จะล่วงเลยลับร้างจนห่างไกล O คืนจังหวะมัวหมองทำนองฝน ผ่านฟากฟ้าอึงอล .. ก่อนหล่นไหล หยาดน้ำเย็นหยดเนื้อ-ล้างเยื่อใย ล้าง .. คราบไคลอาวรณ์ให้ผ่อนเบา O ท่วงทำนองคร่ำครวญในส่วนฟ้า ฤๅเปรียบท่าทีครวญ .. กำสรวลเศร้า รันทดด้วยอ้างว้าง-แต่ร้างเงา- ผู้ใฝ่เฝ้าจดจ่อ .. มุ่งรอคอย O และคล้ายโลกแหลกลง .. ที่ตรงหน้า ทรมาโหมแล้ว .. ใช่แผ่วค่อย เมื่อดวงวันสิ้นผกาย .. ให้หมายรอย เตือนเศร้าสร้อย, ชอกช้ำ-เร่งทำนอง O คล้ายคล้ายในอกทรวง .. มา-กลวงเปล่า เมื่องามเงาตาเหมือน-คล้ายเลือนล่อง เงาในตาเคยระยับให้จับจอง เคยสาดส่องนำวิถี .. แห่งชีวิต O เหมือนสูญเสียตัวตน .. ให้หม่นหมอง ขุ่น, ขัดข้อง-เหน็บหน่วงทั้งดวงจิต ดวงตาและดวงใจเคยใกล้ชิด มาจะบิดเบือนร้าง .. จืดจางรอย O สีเอย .. สีสันในวันเก่า มาซีดซึมทึมเทา .. จนเศร้าสร้อย ร้างสิ้นรูปใฝ่ฝัน .. ให้มั่นคอย เหลือเงียบหงอยรุมประชิดทั้งจิตใจ -3- O ควรมีหรือ .. เงื่อนไข-เมื่อใจรัก เห็นแต่ควร-แน่นหนัก .. รู้จักให้ เหมือนผ่าวผ่านสายน้ำ, ลมร่ำไอ ก่อระลอกระริกไหลอยู่ในยาม O ดังสายน้ำหลากไปยากไหลกลับ ระลอกทับโถมรุดก็สุดห้าม เหมือนสุดคิดไขว่คว้า-พยายาม แต่เนตรวามวาบเชื้อ .. สิ้นเยื่อใย O เปลี่ยนได้หรือ-เยี่ยงไรจะได้เล่า? บิดร้อนเร่ากำสรด-เป็นสดใส ท่วงทีแห่งวันวานเมื่อผ่านไป ต้องยื้อฉุดเยี่ยงไร .. จึงได้คืน -4- O แม้นช่วงร้อนค่ำคืน .. จำกลืนเก็บ ความหนาวเหน็บแทรกสู่ .. สุดรู้-ขืน ก็ควรแล้วชอกช้ำ .. ให้กล้ำกลืน ควรว่าตื่นใจร่ำ .. รู้อำลา O จาก-สองใจสบกันแต่วันก่อน จนสุมซ่อนร่างเงา .. ให้เฝ้าหา ชั่วแสงทอด .. รูปนิมิตเคยติดตา กลับดูคล้ายกับว่า .. ไม่เคยมี ! หัวข้อ: Re: O สิ้น - ดวงวิเชียรฉาย...O เริ่มหัวข้อโดย: aasdang ที่ 09 กรกฎาคม 2014, 07:00:PM O ฤๅจะเช่น .. หยาดน้ำค้าง ? O
O ร่ำหลอมหวานระคน .. เสียข้นเข้ม ตราบเติบเต็มล้นล่วง .. ทาบทวงขวัญ เนิ่นนานที่แรมใจของใคร-พลัน- เช่นเสี้ยวจันทร์ซ่อนเร้น .. ยอมเพ็ญดวง O จันทร์เมื่อเพ็ญพร่างพร้อย .. ย่อม .. คล้อยแรม หากใจแจ่มเพียบเพ็ญ .. สุดเร้นล่วง จะยอแสงละมุนทาบ .. ลงฉาบทรวง ผ่านนัยน์ตาระยับยวง .. เฝ้าช่วง .. ชาย O เกรงม่านหมอก, อำพราง .. ตอนสางตรู่ บดบังรู้ .. บริสุทธิ์แห่งจุดหมาย เมื่อหยาดแก้วเกล็ดรื้นถูกกลืน, กลาย ค่อยค่อยร้างระเหยหาย .. กับสายลม O ฉ่ำชื้นบนยอดหญ้า .. จะพร่าเลือน สิ้นดาวเดือน, งามระยับ-จะลับล่ม งามเอย .. งามละม่อมเคยจ่อมจม มาจะล้มลงวายเมื่อปลายคืน O ระเหิดระเหย-ร้าง .. น้ำค้างหยาด ก่อน .. บำราศดินแดนทั้งแผ่นผืน เกรง .. ระเหยห่างภพ .. จนกลบกลืน- คือหยาดน้ำใจรื้น .. เคยตื่นรับ O เกรง .. จะเช่นน้ำค้าง .. ตอนสางรุ่ง เพียงเรื่อรุ้งแสงพลอดก็มอดดับ สิ้นผกายเกล็ดแก้ว .. เคยแวววับ เหลือหม่นหมองโจมจับ .. ลำดับนั้น O ลมอุษาพลิ้วผ่าน .. ฝ่าลานหญ้า เมื่อรูปรอยคุณค่า .. เริ่มพร่า-สั่น จะเริดร้างรูปตระการแห่งวานวัน เพื่อจะโอนหวาดหวั่น .. ลงสัญญา O พร้อมวิหคครวญคร่ำ .. ลมร่ำสาย ก็กลับคล้ายรอคอย .. ละห้อยหา ยังวก-วน .. เวียนอยู่ .. ไม่รู้ลา ทรมาทรมานอยู่ .. นานครัน O เกรง .. ถึงคืนวันพระจันทร์เพ็ญ จะลอบเร้นภาคแรม .. เข้าแซมฝัน เกรง .. เมื่อความมั่นใจห่างไกลกัน จะลบเลือนผูกพัน .. นิรันดร ! หัวข้อ: Re: O สิ้น - ดวงวิเชียรฉาย...O เริ่มหัวข้อโดย: aasdang ที่ 09 กรกฎาคม 2014, 08:53:PM O คนละโลก O
O ให้คลั่งแค้นแน่นอกนรกสุม เหมือนเพลิงรุมดวงจิตยากคิดหนี เอ่ยคำให้เป็นสัตย์ต่อปฐพี ตราบวันนี้ .. ทุกชาติให้ขาดกัน O หากเจ้านั้นร่อนเร่ทะเลกว้าง ขอยอมร้างห่างไปอยู่ไพรสัณฑ์ หากเจ้าอยู่ใต้ช่วงแสงดวงวัน ขออยู่ใต้เงาจันทร์นิรันดร์ไป O หากเจ้าขึ้นสวรรค์ไปชั้นหก ขอยอมเล็ดลอดนรก .. จม-หมกไหม้ หากว่าเจ้ารายล้อมด้วยหอมใด ขอยอมไร้ฆานประสาททั้งชาตินั้น O แม้นเสียงเจ้าไพเราะรินเซาะสู่ ขอช่องหูบอดดับ .. รำงับสั่น หากโฉมเจ้าเผยรูปเพียงวูบ, พลัน- ให้ตานั้นบอดสิ้นด้วยยินดี O แม้นเจ้าพันผูกใจด้วยไพรกว้าง ขอแรมร้างทางมุ่งสู่กรุงศรี แม้เจ้าแรมรอนฝ่าห้วงวารี ขอหลีกลี้ไปบกทุกศกยาม O หากเป็นเจ้าสูงศักดิ์ คนรักใคร่ ขอเป็นไพร่อบร่ำด้วยคำหยาม หากเจ้าเป็นครุฑกล้ากลางฟ้าคราม ไม่ครั่นคร้ามขอข้าเป็นนาคี O แล้วตั้งจิตปรารถนาให้ปรากฏ- ความใจคดงอหัก .. ด้วยศักดิ์ศรี กรีดมีดตัดชายสไบ .. ตัด-ไมตรี นานจนกี่ชาติภพ .. อย่าพบพาน ! |